จูบนั้นสำคัญไฉน (100%)
“ครับนาย จะทิ้งไว้ก็แต่ร่องรอยให้มันเอาไว้ดูต่างหน้าเท่านั้นล่ะครับ” ชายหน้าเหี้ยมกล่าวเสียงกลั้วหัวเราะ ด้วยความสะใจ
“ฮ่าๆๆ กูล่ะสะใจจริงๆ โว้ย ป่านนี้ไอ้มาร์เวลมันคงอกแตกตาย ที่รู้ว่าโดนกูต้มจนเปื่อย” สตีฟหัวเราะลั่นด้วยความพออกพอใจ ที่แผนการที่ตนวางไว้สำเร็จไปด้วยดี แถมยังหลอกให้คู่อริอย่างมาร์เวลหลงทางงงเป็นไก่ตาแตก ขนของหนีทิ้งไว้เพียงร่อยรอยให้ช้ำใจเล่น
“แล้วนายจะเอายังไงต่อครับ ของของเราที่ย้ายออกมาจากที่นั่น จะให้เอาไปไว้ที่ไหนครับ” ลูกน้องเอ่ยถามผู้เป็นนาย ถึงของที่ไหวตัวขนออกมาทันก่อนที่คนของมาร์เวลจะไปถึง
“เอาไว้ที่โกดังร้างนั่นแหละ สั่งคนของเราเฝ้าไว้ให้ดี อีกเจ็ดวันเราถึงจะส่งมอบ อย่าให้มีอะไรผิดพลาดอีกล่ะ กูไม่อยากชวดงานสำคัญ” สตีฟสั่งลูกน้องให้เอาของไว้ที่เดิม เพราะเขามั่นใจว่าคนของมาร์เวลจะตามกลิ่นไม่เจอ และเขาก็ไม่มีวันให้ยาเสพติดจำนวนหลายแสนเม็ดไปตกอยู่ในกำมือของมาร์เวลอย่างเด็ดขาด
“ครับนาย” ลูกน้องหน้าเหี้ยมรับคำผู้เป็นนายทันที
“แล้วก็อย่าลืม ให้สายของเราตามประกบดูความเคลื่อนไหวของไอ้มาร์เวลด้วยล่ะ” สตีฟหันมากำชับลูกน้องถึงงานที่เขาให้ทำมาตลอดระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ ความเคลื่อนไหวของมาร์เวลคือสิ่งที่เขาจะต้องรู้ และจะต้องรู้ให้แน่ชัดทุกฝีก้าว เพราะนั่นคือตัวกำหนดว่างานของเขาจะลุล่วงไปด้วยดีหรือไม่
“ครับนาย ผมให้คนของเราคอยจับตาดูมันตลอด” ลูกน้องคนเดิมรายงานถึงสิ่งที่ตนสั่งให้ลูกน้องคนอื่นไปทำอีกทอด แต่หารู้ไม่ว่าลูกน้องของตนเพิ่งชะตาขาดด้วยฝีมือคนของมาร์เวลเมื่อชั่วโมงที่แล้ว
“แล้วตอนนี้มันยังอยู่ที่ฝรั่งเศสหรือเปล่า หรือว่ามันสะเออะคาบข่าวไปบอกตำรวจที่ไทยแล้ว ไอ้นี่มันยิ่งชอบเสือกเรื่องชาวบ้านอยู่” สตีฟก็พอจะรู้มาบ้างว่ามาร์เวลทำงานร่วมกับตำรวจของประเทศไทย แต่ยังไม่รู้แน่ชัดว่าตำรวจผู้นั้นเป็นใคร อีกทั้งก็ยังเกรงว่าตำรวจของไทยจะรู้เท่าทันแผนการที่ตนได้วางเอาไว้ หากเป็นเช่นนั้นเขาคงไม่มีโอกาสได้ส่งมอบของถึงมือลูกค้ารายใหญ่อย่างแน่นอน
“คนของเรารายงานมาว่ามันยังอยู่ที่ฝรั่งเศสครับ ตอนนี้ไอ้มาร์เวลมันกำลังหัวเสียใหญ่เลยครับ” ฟังคำรายงานจากลูกน้องจบ สตีฟก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกรอบ
“ฮ่ะๆๆๆ สะใจกูเสียจริง ไอ้มาเฟียผู้หยิ่งทระนง สุดท้ายมันก็มาเสียรู้กูจนได้” มาเฟียชั่วพูดเสียงกลั้วหัวเราะด้วยความพออกพอใจ เขาแสนจะสะใจเหลือคณาที่มาร์เวลทำพลาดในครั้งนี้ กลายเป็นเขาที่เอาชนะมันได้
“พวกมึงก็อย่าชะล่าใจ หากมันมีการเคลื่อนไหว ต้องรีบมารายงานกูทันที” ถึงแม้จะรู้ว่าของรอดพ้นจากมือของมาร์เวลแน่แล้ว แต่สตีฟก็ยังหวั่นว่าจะโดนคนเหลี่ยมจัดอย่างมาร์เวลตลบหลังเอาได้ จึงต้องออกคำสั่งกำชับลูกน้องให้ติดตามมาร์เวลทุกการเคลื่อนไหว
“ครับนาย” ลูกน้องค้อมหัวรับคำผู้เป็นนาย ก่อนจะออกไปทำตามคำสั่งที่เพิ่งได้รับเมื่อสักครู่
เมื่อเมลิด้า ฟิเลนเซ่ นางแบบสาวสวยและเซ็กซี่ เจ้าของฉายาเซ็กส์ซิมโบลคนล่าสุดของฝรั่งเศส ได้รับการติดต่อจากลูกน้องของมาร์เวล ว่าเขาต้องการพบหล่อนในค่ำคืนนี้ เจ้าของร่างเซ็กซี่ขยี้ใจก็กรี๊ดลั่นห้องด้วยความดีใจจนคอนโดหรูใจกลางกรุงปารีสแทบแตก ก่อนจะบรรจงแต่งองค์ทรงเครื่องมาตามเวลานัดของมาร์เวล เมื่อทั้งสองพบหน้าไม่มีคำทักทายเป็นคำพูด มีเพียงภาษากายที่ถ่ายทอดออกมาเท่านั้น
“แม็คขา วันนี้เมลี่จะทำให้คุณรู้ว่าเมลี่คิดถึงคุณมากแค่ไหน” นางแบบสาวส่งเสียงหวานอ้อนออด ยื่นนิ้วชี้ไปสะกิดยอดอกที่กำลังแข็งเป็นไตอย่างยั่วเย้า โดยไม่รู้ตัวเลยว่าตนกำลังทำให้มาเฟียหนุ่มไม่พอใจ
“ใครอนุญาตให้เธอเรียกชื่อฉันแบบนั้น” เสียงห้าวห้วนติดจะดุดันเอ่ยถามด้วยความไม่พอใจ คำพูดของหล่อนทำให้อารมณ์พิศวาสที่กำลังลุกโชนพลันลดระดับลง มาร์เวลละมือจากร่างงามที่กำลังเคล้นคลึงอย่างเมามันลงในบัดดล
ปกติมาเฟียหนุ่มไม่ใช่คนเจ้ายศเจ้าอย่าง แต่เขาไม่ชอบให้คู่นอนมาทำตัวสนิทสนม ชื่อเล่นของเขาสงวนไว้ให้เฉพาะคนที่ต้องการให้เรียกเท่านั้น
ครั้นเห็นชายหนุ่มทำหน้าบึ้งตึงอย่างไม่พอใจ นางแบบสาวคนสวยถึงได้รู้ว่าตัวเองทำพลาดอย่างมหันต์ เมลิด้ารีบกลับลำก่อนที่จะสาย ผวาเบียดกระแซะเรือนกายแสนเซ็กซี่เข้าหาร่างกำยำ สอดแขนเรียวโอบรัดรอบลำตัวเขา พร้อมเอ่ยละล่ำละลักออดอ้อนออเซาะ
“ฉันขอโทษค่ะคุณมาร์เวล อย่าโกรธฉันเลยนะคะ” เจ้าของเสียงหวานเว้าวอนตาละห้อย จบคำพูดของแม่นางแบบสาวร้อนสวาท ชายหนุ่มก็ผลักหล่อนลงไปนอนราบกับเตียงด้วยความแรง ก่อนจะลงมือกระชากบราเซียร์ที่ห้อหุ้มประทุมอวบใหญ่ออกอย่างไม่เบามือนัก
แคว่ก!!!
เมลิด้าก็ไม่ยี่หระเลยสักนิดกับการกระทำอันแสนดุดันของชายหนุ่ม แถมยังชอบซะด้วยซ้ำที่เขาร้อนแรงได้ใจ นางแบบสาวได้แต่แอบยิ้มกริ่มๆ เลือกที่จะแสดงมารยาหญิงที่ตนบรรจงปั้นแต่งขึ้นมา
“อุ๊ย…มาร์เวลขา ขาดหมดแล้วค่ะ เบามือหน่อยสิคะ” เมลิด้าแสร้งอุทานเบาๆ อย่างมีจริตจะกร้าน สีหน้าดูแตกตื่นทำให้เขาพลอยตื่นเต้นไปกับเกมส์รักในครั้งนี้ ถึงแม้ว่าจะรู้ดีว่าแม่สาวหุ่นเซ็กซี่ขยี้ใจตรงหน้าเลยจุดที่จะมาทำท่าทางไร้เดียงสา แต่การกระทำของหล่อนก็ยังพอจุดอารมณ์ดิบของเขาได้บ้าง
“ฉันรู้ว่าเธอชอบ” มาเฟียหนุ่มทระนงตนอย่างร้ายกาจ ไม่ยี่หระต่อเสียงร้องเหมือนตกอกตกใจของหล่อน เพราะเขารู้ว่าแม่นางแบบสาวก็แกล้งเสแสร้งพอเป็นพิธีไปอย่างนั้นแหละ ที่จริงแล้วหล่อนก็ชอบสิ่งที่เขาทำอยู่ไม่น้อยเช่นกัน ไม่งั้นคงไม่มองเขาราวกับจะกลืนกินแบบนี้หรอก
มาร์เวลเหวี่ยงเศษผ้าที่ตนกระชากจนขาดติดมือทิ้งไปอย่างไม่ไยดี แล้วมองสิ่งที่ปรากฏแก่สายตาอย่างหิวกระหาย ก่อนจะยื่นมือสากไปฟอนเฟ้นอกอวบ ที่สิ่งห่อหุ้มเพิ่งจะอันตรธานไปเพราะน้ำมือของเขาเมื่อสักครู่อย่างเมามัน ส่งผลให้สาวเจ้าร้องครางไม่ขาดปาก
“มาร์เวลขา อย่าทรมานเมลี่อีกเลยค่ะ” เสียงกระเส่าวอนขออยู่ข้างหูราวกับจะขาดใจ ยิ่งเขาดูดดึงทรวงสาวเข้าไปในโพรงปากร้อน หล่อนยิ่งรู้สึกเหมือนจะทนต่อไปไม่ไหวแม้แต่วินาทีเดียว
“เธอต้องการอะไร บอกฉันซิเมลี่” ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าคนใต้ร่างของตนต้องการสิ่งใด มาร์เวลยังกัดฟันข่มความทรมาน เหมือนจะแกล้งให้หญิงสาวขาดใจเสียให้ได้จริงๆ
“รักเมลี่นะคะ ได้โปรด อย่าทรมานกันอีกเลย” บิดเร้าเรือนกายเย้ายวนเข้าแนบชิดเป็นเชิงเชิญชวน ก่อนจะเอ่ยเว้าวอนอย่างไม่รู้สึกกระดากอายเลยสักนิด
“ฉันจะโปรดเธอ เดี๋ยวนี้เลยคนสวย” เมื่อกายสาวสะพรั่งเต็มไม้เต็มมือเข้ามาบดเบียดเสนออย่างยั่วยุอารมณ์ เลือดในกายหนุ่มก็เดือดพล่านตอบสนอง พร้อมเสียยิ่งกว่าพร้อมที่จะทำตามที่สาวเจ้าปรารถนา เพราะนั่นก็เป็นสิ่งที่เขาปรารถนาไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
มือเรียวเอื้อมไปหยิบเครื่องป้องกันที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง แล้วส่งให้หญิงสาว ซึ่งหล่อนก็รับมาโดยไม่เกี่ยงงอน นางแบบสาวรู้ดีว่าเขาอยากให้ตนทำอะไรให้ จากนั้นเจ้าของเรือนกายทรงพลังก็รั้งร่างอวบอิ่มเข้าแนบชิดทีเดียวสุดทางสายสวาท แล้วบทรักร้อนแรงราวนรกแตกก็เริ่มต้นขึ้น มาร์เวลขย่มโยกกายแกร่งเข้าหาร่างสะโอดสะองอย่างไม่บันยะบันยัง เรียกเสียงกรีดร้องด้วยความเสียวซ่านปนสุขสมให้หลุดออกมาจากปากเซ็กซี่ไม่ขาดสาย
“อย่าแตะต้องปากฉัน ถ้าเธอยังอยากสนุกอยู่” อารมณ์พิศวาสที่กำลังแผดเผาทำให้หญิงสาวขาดสติ เผลอยื่นริมฝีปากร้อนรนเข้าหาชายหนุ่ม หมายจะประกบจูบให้หนำใจ แต่เขาไวกว่ารีบเบี่ยงหน้าหนีริมฝีปากของหล่อน แล้วกล่าวตักเตือนด้วยท่าทางไม่พอใจ ทำให้บทพิศวาสที่กำลังดำเนินมาซะดิบดีมีอันต้องสะดุดลงกลางครัน
“เมลี่ขอโทษ เมลี่ลืมตัวไปหน่อย เมลี่สัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว อย่าโกรธเมลี่เลยนะคะคนดี” นางแบบสาวรีบกล่าวขอโทษชายหนุ่มเสียงละห้อย แสร้งปั้นหน้าให้เหมือนรู้สึกผิดได้อย่างแนบเนียน
เมลิด้าเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าทำไมเขาถึงไม่ยอมจูบกับหล่อน มันเป็นอย่างนี้ทุกครั้งไม่ว่าจะสนุกสุดเหวี่ยงมากแค่ไหน แต่มาร์เวลก็ไม่เคยที่จะเผลอตัวจูบกับหล่อนเลยแม้เพียงครั้ง แถมเขายังสั่งห้ามไม่ให้หล่อนแตะต้องริมฝีปากของเขาอีก เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มชักจะหงุดหงิดไม่พอใจ สมองที่มีความคิดอันน้อยนิดของนางแบบสาวก็หาทางที่จะทำให้เขาหายขุ่นเคือง แล้วกลับมามีอารมณ์พิศวาสร่วมกับตนอีกครั้ง
หญิงสาวยิ้มให้เขาอย่าเจ้าเล่ห์ แววตาเป็นประกายระยิบระยับเมื่อคิดได้ว่าจะใช้วิธีไหนทำให้เขายกโทษให้ตัวเอง คิดได้ดังนั้นก็พลิกกายเย้ายวนขึ้นมาอยู่ด้านบน เพื่อที่จะเป็นคนทำหน้าที่บำรุงบำเรอให้เขาซะเอง ก่อนจะกล่าวขอให้เขายกโทษให้ตนอย่างอ้อนๆ อีกครั้ง
“ยกโทษให้เมลี่นะคะ เมลี่ผิดไปแล้ว” หยุดการส่ายไหวสะโพกอวบอั๋น เหมือนจะแกล้งให้เขาทรมานหนักเข้าไปอีก ก้มลงไปเว้าวอนคนใต้ร่างเสียงหวาน มองหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรด้วยสายตาหยาดเยิ้ม
มาร์เวลปรือตาฉ่ำขึ้นมองหน้างามอย่างขัดใจที่เธอหยุดทุกอย่างลงกลางครัน ก่อนจะทำเสียงรับคำของึมงำในลำคอไปอย่างส่งๆ เมื่อความเร่าร้อนเข้าจู่โจมกายแกร่งอันเต็มไปด้วยเลือดเนื้อเชื้อไขสมชายชาตรี มาเฟียหนุ่มก็ชักจะลืมเลือนความหงุดหงิดเมื่อสักครู่
“อื้ม…มาต่อกันเถอะ ฉันเองก็ชักจะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน” ชักชวนเสียงแหบพร่า พลางเคล้นคลึงไปทั่วสะโพกผายของนางแบบสาวที่อยู่เหนือร่างกำยำอย่างมันมือ เมลิด้าลอบยิ้มอย่างสมใจที่ทำให้ชายหนุ่มหายขัดเคืองในการกระกระทำของตัวเองได้
“งั้นจะรอช้าอยู่ไย” พูดจบแม่สาวร้อนสวาทก็ขยับสะโพกขับเคลื่อนแรงกำหนัด โบกสะบัดอย่างเริงร่าถึงพริกถึงขิงอยู่บนอาชานัยรูปงามอย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน
เมื่อบทพิศวาสบาดจิตที่คนทั้งคู่ร่วมกันรังสรรค์ จบสิ้นลงด้วยเสียงคร่ำครวญแห่งความสุขสมของทั้งสองฝ่าย นางแบบสาวก็ฟุบหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนทันที ส่วนชายหนุ่มก็ลุกไปชำระร่างกายในห้องน้ำ แต่งตัวเสร็จก็เซ็นเช็คเงินสดวางไว้ให้นางแบบสาวเป็นค่าตอบแทน อย่างที่เคยทำทุกครั้งกับผู้หญิงทุกคน ก่อนจะเดินไปขึ้นรถกลับไปนอนที่พาราไดซ์ ยาร์ด เขาใช้ห้องนอนในที่ทำงานเป็นที่พักผ่อนกายาเป็นประจำจนเกิดความเคยชิน จนที่นั่นชักจะเป็นบ้านสำหรับคนไม่มีลูกมีเมียอย่างเขาเข้าไปทุกที
ระหว่างขับรถกลับแดนสวรรค์เพียงลำพัง มาร์เวลก็เผลอกระหวัดคิดไปถึงสาเหตุที่ทำให้ตนไม่สามารถจูบกับใครได้อีก มาเฟียมาดเถื่อนได้แต่สบถลั่นอย่างหงุดหงิดหัวเสีย
“โธ่โว้ย มันเป็นบ้าอะไรกันวะ ถึงได้คิดถึงแต่รสจูบของยัยเชยปากจัดนั่น” มือหนาทุบลงบนพวงมาลัย เพื่อระบายความคับข้องใจ
แล้วภาพเหตุการณ์ในวันวานเมื่อห้าปีก่อน ก็ไหลย้อนกลับเข้ามาประทับในหัวสมองทุกฉากทุกตอน ราวกับว่ามันเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้
มาร์เวลไม่เคยลืมเลือนรสหวานของริมฝีปากจัดจ้าน ซึ่งเจ้าของมันเป็นผู้หญิงที่กล้าตบหน้าเขาต่อหน้าลูกน้องนับสิบชีวิตเมื่อห้าปีก่อน และมันยังเป็นสาเหตุให้ห้าปีที่ผ่านมาเขาไม่อาจจูบกับผู้หญิงหน้าไหนได้อีก ยิ่งนานวันเข้าอาการก็ยิ่งเหมือนจะกำเริบหนัก ตอนนี้รสสัมผัสได้ตามมาหลอกหลอนเขายิ่งกว่าเงาตามตัวจนบางคืนถึงกับนอนไม่หลับ ร่ำๆ ว่าจะละเมอเพ้อพกหาสาวเจ้า ชายหนุ่มไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตน เขาเป็นบ้าอะไรถึงได้หลงใหลและติดอกติดใจในรสจูบของผู้หญิงเฉิ่มเชยอย่างเพื่อนรักของน้องสะใภ้ไปได้ ซ้ำร้ายลึกลงไปกว่านั้น ร่างกายของเขายังร่ำร้องหาเธออย่างแปลกประหลาด