บทที่2.คู่ปรับตัวฉกาจ..
“คุณเหลือเวลาไม่มากแล้วนี่คะ ดาน่าจะเป็นตัวลือกสุดท้ายของคุณเลยนะ”
“ไปรู้อะไรมาเหอะ?” คริสเตียน ตัดสินใจถาม
“วันนั้นดาบังเอิญได้ยินที่ท่านทั้งสองพูดกับคุณค่ะ”
คริสเตียน ตวัดตามองผ่านหน้าของพัฐสุดา เขาถอนใจแรงๆ ฉวยแก้วบรั่นดีขึ้นมาดื่ม แต่ไม่ยอมพูดต่อ ทั้งที่แววตาของเขามีแต่รอยตำหนิติเตียนเต็มไปหมด
“ดาขอโทษที่เสียมารยาทแอบฟังค่ะ แต่ข้อเสนอของดา คุณน่าจะลองพิจารณาดูนะคะ”
“มันจะไม่หยุดแค่การเป็นเมียในนามสิ ฉันรู้จักเธอดี” คริสเตียน กระตุกมุมปากยิ้มเยาะ
ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่เข้าหาเขาแล้วไม่หวังผลประโยชน์ พัฐสุดาก็ด้วย เขาเปย์หล่อนไปไม่น้อย แต่ก็ไม่เคยแตะต้องหล่อนสักครั้ง ไม่ใช่เพราะไม่ชอบนะ แต่ทุกครั้งที่แตะตัวพัฐสุดา แววตาของใครบางคนทิ่มแทงเขา จนต้องยกเลิกความคิดพวกนั้นไป
ใครคนนั้นที่มีศักดิ์เป็นพี่สาวหญิงตรงหน้า
ใครคนนั้นที่มองเขาไม่เหมือนกับแววตาผู้หญิงคนอื่นๆ
ในดวงตานั่นเต็มไปด้วยแววตำหนิ และเยาะหยัน
คริสเตียนสลัดเงาของผู้หญิงคนนั้นไม่หลุด เขาเลยรู้สึกกระดากใจที่จะแตะต้องพัฐสุดา ซึ่งทำให้พัฐสุดาไม่พอใจหลายครั้ง และนาทีนี้ เขาดีใจที่หยุดตัวเองไว้ทัน แม้จะเฉียดฉิวเต็มที
“ดายอมรับค่ะ ดาคงอายจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ หากถูกคุณคริสเตียน สลัดทิ้ง”
รอยยิ้มแต้มมุมปากคริสเตียน แต่นั่นไม่ทำให้พัฐสุดายอมถอดใจ เธอหวังไว้สูงกว่านั้น ต่อให้เป็นแค่เมียในนามก็ขึ้นชื่อว่าผู้ชายตรงหน้าเป็นของเธอ พัฐสุดาปัดโอกาสที่ดีที่สุดตอนนี้ทิ้งไปไม่ได้ อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องอายผู้คน ถึงแม้อนาคตจะตรงกันข้ามกับที่ตัวเองต้องการ
“บอกไว้ก่อนเลยนะ อย่ามารักคนอย่างฉันเลย เสียเวลาเปล่า”
“ค่ะ ดาจะอยู่อย่างสงบในฐานะ ‘เมีย’”
“ฉันคงเหลือตัวเลือกไม่มากอย่างที่เธอว่า...ฉันจะให้ทนายร่างสัญญาแต่งงานมาให้เธอพิจารณา หวังว่าเธอจะเป็นนักแสดงที่ดี ไม่ทำให้พ่อแม่ฉันจับได้ล่ะ”
นั่นล่ะเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดงานวิวาห์ครั้งนี้
“หน้าตาคุณไม่เหมือนเจ้าบ่าวผู้โชคดีได้สมหวังในความรักเลยนะ คริสเตียน ”
ไฮน์เนอร์ ลัมล์ เพื่อนสนิทสมัยเรียนต่างประเทศ ผู้ชายที่คล้ายๆ เงาของคริสเตียน เพราะทุกทีที่มีเขามักมีเพื่อนผู้นี้ด้วยเสมอ สองหนุ่มสุดฮอตและกำลังสนุกกับงานที่ตัวเองรับผิดชอบ จนไม่มีเวลาคิดเรื่องส่วนตัว แต่ไม่ได้หมายความว่าข้างกายของพวกเขาจะไร้ผู้หญิงเคล้าเคลียนะ
“เห้อ...” คริสเตียน ถอนใจ
ไฮน์เนอร์เลยหัวเราะร่วน “ผมเคยคิดว่าเรื่องตลกพวกนี้มีแค่ในหนังสือนิยายที่ผู้หญิงชอบอ่านเสียอีก ไม่คิดว่าในชีวิตจริงก็มีด้วย”
คริสเตียน แสยะยิ้ม “ทุกตำนานหรือเรื่องเล่า มักมาจากเรื่องจริงไม่ใช่เหรอไงล่ะ”
“มันก็จริง แต่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นใกล้ตัวขนาดนี้นี่หว่า”
“ผมจะพยายามทน...”
“แน่ใจนะว่าไม่ยุ่งยากภายหลัง”
เรื่องนี้คริสเตียน เองก็ไม่ใคร่ไว้ใจนัก ถึงจะมีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร พัฐสุดาเองก็ไว้ใจไม่ได้ ท่าทางอ่อนหวานนั่นหลอกตาดีๆ นั่นเอง เขารู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้ร้ายลึกแค่ไหน “คงต้องมีแผนสำรองเตรียมไว้แล้วล่ะ”
ไฮน์เนอร์อมยิ้ม การจับปลาไหลอย่างคริสเตียน ต้องมาเหนือชั้นกว่านี้ ใช้แผนง่ายๆ ไม่มีทางจับคริสเตียน อยู่
“เอาน่า เพื่ออนาคต” ไฮน์เนอร์ปลอบใจ คริสเตียน ไหวไหล่ ไม่เคยเชื่อมั่นกับลมปากของใคร ‘ความรัก’ งั้นเหรอ คำสวยหรูนั่นมีไว้เพื่อปลอบประโลมหัวใจผู้หญิง สิ่งยึดเหนี่ยวเดียวเพื่อไม่ให้ฝ่ายหญิงรู้สึกเก้อกระดาก หากจำเป็นต้องเปลื้องผ้า หรือมีเพศสัมพันธ์ต่อกัน คำอ้างที่ทำให้ศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงไม่ตกต่ำมากเกินไปนัก พวกเธอบูชาความรักปลอมๆ ที่ฝ่ายชายใช้ลวงล่อ
“คืนนี้ไปดื่มกันเถอะ เบื่อ”
คริสเตียน ชวนดื้อๆ ยิ่งใกล้กำหนดวันเขาก็แทบบ้า
กรงขังครั้งนี้ขอเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต จากนี้ไปเขามีข้ออ้างเตรียมไว้ตอบบิดา มารดาแล้ว
“ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานเลยนะคุณคริสเตียน” คริสเตียน ไหวไหล่ กดปิดแล็ปท็อปส่วนตัว ฉวยสูทที่พาดไว้บนพนักเก้าอี้มาพาดไว้บนบ่า
“หรือจะไม่ไป...”