บทที่2.คู่ปรับตัวฉกาจ
ยูเนี่ยนฟู๊ด คือบริษัทตระกูลยูซึ่งมีประธานบริษัทคนใหม่คือคนที่ญาณินไม่ชอบหน้า ญาณินมีตำแหน่งเป็นฝ่ายจัดซื้อ เธอต้องหาวัตถุดิบป้อนให้โรงงาน โลกมันกลมเกินไปจริงๆ คนที่ไม่อยากพัวพันที่สุดกลับหนีไม่พ้น
“คงไม่โชคร้ายจนต้องเจรจากับหมอนั่นโดยตรงหรอกนะ”
หลายครั้งที่ญาณินหัวเสียเพราะการเจรจา ไม่รู้ว่าเพราะอะไรสิทุกครั้งที่ต้องสั่งซื้อวัตถุดิบจากบริษัทแห่งนี้ คนที่ญาณินต้องเจรจาด้วยกลับเป็นคนที่เธออยากหลบเลี่ยงที่สุด
“คงไม่แล้วมั้งคะ คุณคริสเตียนเธอขึ้นเป็นCEO แล้ว คงไม่มีเวลามาเสวนากับพวกเราแล้วล่ะ” พัชรีพูดแทรก คริสเตียน ขึ้นแท่นเป็นบอสเต็มตัว เขาคงไม่มีเวลาว่าง แถมยังต้องเตรียมตัวแต่งงานด้วย คงยุ่งเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
“ขอให้เป็นแบบนั้นเถอะ” ญาณินเปรยลอยๆ พร้อมกับเริ่มปลง
เพราะเห็นแก่ความเป็นพี่น้อง และไม่อยากถูกบิดามารดาว่ากระทบบ่อยๆ อีก ญาณินเลยพยายามอดทน แม้หลายครั้งที่ฟังคำดุด่าจากบิดามารดาแล้วจะทนไม่ไหว
ญาณินไม่เคยพิศวาสคริสเตียนเลย
แต่ไม่รู้เพราะอะไร ไม่ว่าจะตัวพัฐสุดาเอง หรือแม้แต่แววตามารดาของเธอ ทั้งสองคนนั่นกระแหนะกระแหนทุกครั้ง หากญาณินมีความจำเป็นต้องเจอผู้ชายคนนั้น
“เลี่ยงได้ก็เลี่ยงไปนะยัยณิน ยังไงคุณคริสเตียน เขาก็ถือว่าเป็นแฟนของยัยดา”
คำพูดแปล่งๆ ฟังทะแม่งหู ญาณินพยายามไม่เก็บมาใส่ใจ แม้จะรู้สึกตงิดๆ ทุกครั้งไป
“คุณคริสเตียน เขารักดามากเลยนะคะ ดาอยากได้อะไรเขาก็ซื้อให้ทุกอย่าง”
ญาณินแอบเบ้ปากทุกครั้งที่ได้ยินน้องสาวคุยฟุ้ง นิสัยเศรษฐีเขาไม่แยแสกับการจ่าย หากได้ในสิ่งที่ตัวเองหวังไว้
“เขารวยมากเลยนะแม่” เสียงทรงพลพูดสนับสนุน
“ดีแล้วล่ะ อย่าปล่อยให้หลุดมือไปเชียวนะยัยดา คนนี้แม่ชอบ”
ญาณินถึงกับถอนใจแรงๆ เมื่อได้ยินคำพูดของมารดา เธออยากเตือนน้องสาว แต่หากปริปากพูดออกมาตอนนี้ คงไม่มีใครฟังเธอหรอก ญาณินเลยพยายามหุบปาก และตัดความรำคาญด้วยการย้ายตัวเองออกมาอยู่ข้างนอกเสียเลย
นั่นเป็นรอยร้าวจุดแรก...ที่ทำให้เธอกับครอบครัวมองหน้ากันไม่เต็มตา
ช่างเถอะ...เพื่อความสบายใจของทุกคน
“ว่าไงแก...ตกลงจะไปเองใช่ไหม?” แพรไหมถามซ้ำ เมื่อเพื่อนสนิทนิ่งและยังไม่ตอบคำถาม
ญาณินฝืนยิ้มกร่อยๆ “คงงั้นแหละ แกเองก็ไม่ได้อยากไปนี่หมวย”
“ผู้ชายมีเจ้าของแล้วฉันไม่อยากยุ่งด้วย” แพรไหมเปรยลอยๆ มองหน้าญาณินซ้ำอีกครั้งตอนที่ถามคำถามต่อไป “แกไม่คิดจะขวางยัยดาใช่ไหมณิน แกสัญญามาสิว่าแกจะไม่ยุ่งเรื่องของสองคนนั่น”
ความที่สนิทกันมาก สองสาวเพื่อนซี้เลยพลอยรู้เรื่องความบาดหมางในครอบครัวของญาณินไปด้วย ลูกชังอย่างญาณิน ไม่ควรเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับการวิวาห์ครั้งนี้ เพราะต่อให้คริสเตียนนิสัยไม่ดีแค่ไหน ทั้งบิดา มารดาของญาณินยังพร้อมที่จะทำเป็นไม่เห็น เพียงเพราะความร่ำรวยของเขา
“อืม...”
“ดีแล้ว ชีวิตใครชีวิตมันยัยณิน ยัยดาไม่ใช่เด็กแล้ว และการแต่งงานมันไม่ใช่การเล่นขายของ”
คำเตือนที่แฝงไว้ด้วยความเป็นห่วง
ไม่มีใครสามารถตักเตือนพัฐสุดาได้ ในเมื่อครอบครัวส่วนใหญ่เห็นด้วยและคอยสนับสนุน
คริสเตียน นั่งหน้าเครียด เขาเหวี่ยงการ์ดแต่งงานในมือไปจนสุดมุมโต๊ะ ริมฝีปากสีเข้มเม้มแน่น งานวิวาห์ที่ถูกกำหนดขึ้นนั้น เป็นความต้องการของเขาเอง แต่ไม่ใช่เพราะรักว่าที่เจ้าสาวจนท่วมท้นนะ เขามีความจำเป็นต้องแต่งงาน ไม่อย่างนั้น…
“ถ้าแกยังไม่มีเมียภายในปีนี้ ฉันจะยกสมบัติที่ฉันหามาตั้งแต่หนุ่มๆ ให้การกุศล”
บิดายื่นคำขาด มีมารดาของเขาคอยสนับสนุน
ปัญหานั่นเรื่องใหญ่สำหรับคนที่กำลังสนุกกับการทำงานจนไม่อยากมีชนักปักหลัง ปัญหานี้คริสเตียนขบไม่แตก ระยะเวลาก็หดสั้นลงไปทุกๆ วัน แต่แล้ว ก็เหมือนสวรรค์เปิดทางให้ คู่ควงคนล่าสุดที่เขาใกล้จะปลดระวาง ยื่นข้อเสนอบางอย่างให้เขา และคริสเตียน เห็นด้วย
“แต่งงานกับดานะคะ ดาจะไม่เรียกร้องอะไรจากคุณเลย”
“ไม่ละ” ครั้งแรกที่ได้ฟัง เขาปฏิเสธแบบไม่ต้องคิดทบทวน