บทที่ 7.1 เลื่อนระดับ3ขั้นรวด
ในระหว่างที่ด้านนอกกำลังวุ่นวาย ตัวต้นเหตุอย่างเว่ยซือหงนั้นไม่ได้รับรู้เลยแม้แต่น้อย ตอนนี้นางกำลังมึนงงสับสนและหวาดกลัวเล็กน้อย ดวงตากลมโตกวาดมองไปทั่วบริเวณกว้างใหญ่ไพศาลที่นางยืนอยู่ในขณะนี้ด้วยความสนใจ ข้อความมากมายลอยขึ้นมาให้เห็นทันทีที่สายตากวาดผ่านจนลายตาไปหมด
ทำไมที่นี่มีแต่สีเขียว พืชพรรณมากมาย ทั้งอากาศยังบริสุทธิ์ ครอบครัวของนางเล่าอยู่ที่ใด?
“ท่านพ่อ ท่านแม่เจ้าคะ”
“ท่านปู่ ท่านย่า”
“พี่ใหญ่ พี่รอง”
เสียงเล็กเอ่ยเรียกคนในครอบครัวหากไม่มีสักคนที่จะตอบรับ ใจที่ชื้นเพราะสถานที่งดงามแป้วลงอีกครั้ง ดวงตากลมโตรื้นไปด้วยม่านน้ำตา ปากเล็กเบะออกอย่างน่าสงสาร คิดว่าอีกไม่นานต้องร้องไห้แน่ ก่อนที่เจ้าตัวกลมจะคิดมากและร่ำไห้ น้ำเสียงคุ้นเคยที่มาหานางตอนเป็นทารกก็ดังขึ้นเสียก่อน
“เสี่ยวหงเอ๋อร์”
“ท่านตา!”
เจ้าตัวกลมร้องเรียกท่านตาที่ชอบโผล่มาตอนกลางคืนและหายไปตอนกลางวันอย่างรวดเร็ว ก่อนเท้าเล็ก ๆ จะวิ่งพรวดไปกอดต้นขาชราเอาไว้ นานแล้วที่ไม่ได้เจอกัน แต่นางจำท่านตาใจดีที่ชอบนำผลน้ำนมมาให้นางดื่มได้!
“ท่านตา! อาหงคิดว่าไม่มีใครอยู่ที่นี่แล้วเสียอีก เมื่อครู่อาหงกลัวมาก หากท่านตาไม่ออกมา อาหงต้องร้องไห้เสียใจแน่ ๆ เจ้าค่ะ” ได้ทีก็ชิงฟ้องทันที
ท่านตาหรือเทพโชคชะตายกยิ้มเอ็นดูให้กับเทพธิดาตัวน้อย นางช่างน่ารักน่าเอ็นดูจริง ๆ ไม่เสียแรงที่ฝืนคำสั่งของท่านมหาเทพลงมาเล่นกับนางบ่อย ๆ
จะอย่างไรสิ่งที่เขาทำก็ไม่ได้ผิดแม้แต่น้อย เขาไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเส้นชะตาของนาง โอ้! ลืมไป นางเป็นสตรีเหนือชะตา เขามองชะตาของนางไม่ออกนี่นะ เอาเถอะ ลืมมันไปเสีย...
ท่านมหาเทพกล่าวไว้ว่า หากลงไปโลกมนุษย์มากเกินไป ชะตาโลกจะเปลี่ยนแปลง ความสัมพันธ์ยุ่งเหยิง ทว่าที่ที่เขาทำอยู่นี่จะว่าถูกก็ไม่ใช่ ผิดก็ไม่เชิง เพราะเดิมทีตอนลงไปเล่นกับนางพร้อมผลน้ำนม ก็ไม่มีมนุษย์คนใดเห็นหรือสัมผัสถึงเขาได้อยู่แล้ว ทั้งเจ้าตัวกลมนี่ก็ไม่ได้เป็นมนุษย์เสียทีเดียว นางเป็นเทพที่ลงมาผ่านด่านเคราะห์เสียหลายภพชาติ ชาตินี้ถือเป็นชาติสุดท้าย เมื่อนางสั่งสมพลังจนครบก็จะได้เลื่อนเป็นเทพอีกครั้ง
เหตุใดจึงกล่าวว่านางเป็นสตรีเหนือชะตา?
นั่นเพราะในหลาย ๆ ภพชาติที่ผ่านมา นางได้ผ่านด่านเคราะห์ต่าง ๆ มาทั้งหมดแล้ว ความจริงนางควรกลับคืนสู่การเป็นเทพ ทว่าเสี้ยวจิตครั้งยังเป็นเทพมีปรารถนาอันแรงกล้าที่จะช่วยมวลมนุษย์ นางจึงตั้งใจจุติที่โลกลมปราณ โลกที่เอื้อต่อการเลื่อนขั้นเป็นเทพและจัดการอะไร ๆ ได้ง่ายที่สุด ด้วยความเมตตาและความตั้งใจอันบริสุทธิ์ที่มีต่อสรรพชีวิตนี้ เขาจึงไม่สามารถอ่านเส้นชะตาของนางได้อีกต่อไป
หากพูดให้ถูกต้อง เขาอ่านชะตาชีวิตของนางไม่ได้ตั้งแต่ที่นางสิ้นชีพลงในภพมนุษย์ อันเป็นโลกระดับต่ำ วัฒนธรรมเสื่อมถอย แต่กลับเจริญด้วยเทคโนโลยี ในกรณีที่ท่านมหาเทพได้ยื่นข้อเสนอให้นางก่อนจะเกิดนั้น เป็นเพียงกลอุบายที่จะส่งมอบทุกสิ่งที่เป็นของนางกลับคืนสู่เจ้าของเท่านั้นเอง
เมื่อไม่อาจอ่านเส้นชะตาของนางได้ เว่ยซือหงก็แทบกลายเป็นตัวตนเหนือกฎเกณฑ์ ไม่มีใครสามารถบงการ ไม่อาจหยุดยั้ง ต่อจากนี้ไปล้วนเป็นนางที่ลิขิตชีวิตของตัวเอง ทวยเทพไม่อาจแทรกแซง...
“ท่านตา ท่านตา!”
“หะ... หา! ว่าอย่างไรเสี่ยวหง”
“ท่านตาเหม่ออันใดเจ้าคะ อาหงเรียกตั้งนาน ท่านตาก็ไม่ตอบรับ” เจ้าตัวกลมขมวดคิ้วพูดพลางใช้ตากลม ๆ จ้องคนที่เรียกว่าท่านตาตาไม่กะพริบ
เทพโชคชะตาหัวเราะเบา ๆ มือใหญ่ลูบศีรษะเล็กอย่างอ่อนโยน “ตาเพียงแค่คิดอะไรเล็กน้อย ทำให้เสี่ยวหงเป็นกังวลแล้ว”
เจ้าตัวกลมไม่สนใจ นางจับมือใหญ่ที่มีร่องรอยเหี่ยวย่นเขย่าไปมา “ท่านตา ท่านตา ที่นี่คือที่ไหนหรือเจ้าคะ ทั้งงดงามและ ฟืด... หอมมาก! อาหงชอบ” พูดพร้อมหลับตาสูดดมกลิ่นหอมเข้าปอด
เทพโชคชะตายิ้มใจดีให้คำตอบไม่ปล่อยเจ้าตัวกลมสงสัยนาน “ที่นี่คือมิติพฤกษาสวรรค์”
“มิติพฤกษาสวรรค์... คือสิ่งใด แล้วอาหงมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรเจ้าคะ ครอบครัวอาหงอยู่ไหน”
“ใจเย็นก่อนเจ้าตัวน้อยขี้สงสัย เว้นช่วงให้ตาตอบบ้าง”
“แหะ ๆ อาหงขอโทษเจ้าค่ะ” เทพโชคชะตายกยิ้มไม่ว่ากล่าวอันใด เพียงอธิบายให้นางฟังอย่างใจเย็น
“ที่นี่คือมิติพฤกษาสวรรค์ เป็นมิติในดวงจิตของเจ้า มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่เข้ามาได้ เจ้าจะเข้ามาทั้งร่างกายหรือดวงจิตก็ได้ เพียงนึกคำว่าเข้าและออกเท่านั้น ส่วนที่เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ก็เพราะพลังปราณและพลังธาตุของเจ้าตื่นก่อนกำหนดอย่างไรเล่า ร่างกายเจ้ารับความเจ็บปวดและพลังปราณมากมายมหาศาลไม่ไหว ดวงจิตของเจ้าจึงถูกมิติแห่งนี้ดึงเข้ามา เพื่อปกป้องไม่ให้ฐานดวงจิตของเจ้าได้รับบาดเจ็บจากการที่พลังตื่นก่อนกำหนด”
“แสดงว่าครอบครัวอาหงอยู่ด้านนอกใช่หรือไม่เจ้าคะ” เจ้าตัวน้อยฉลาดยิ่ง เพียงฟังอย่างตั้งใจก็เข้าใจได้ไม่ยาก ไม่ต้องอธิบายซ้ำรอบสอง
“ถูกแล้ว ครอบครัวของเจ้าอยู่ด้านนอก”
เว่ยซือหงตัวน้อยก้มหน้ามองพื้น หัวคิ้วเรียวสวยกดเข้าหากันเรื่อย ๆ แววตาสงสัยยิ่ง ก่อนเงยหน้าถามท่านตาของนาง “ท่านตา แล้วอาหงพาครอบครัวเข้ามาได้หรือไม่เจ้าคะ ที่แห่งนี้ดีมาก อาหงอยากให้ทุกคนเข้ามา”
เทพโชคชะตายิ้มอ่อน “ตอนนี้ยังไม่ได้ แต่ในอนาคตหากเจ้าแข็งแกร่งขึ้น จะสามารถพาพวกเขาเข้ามาได้”
“ต้องแข็งแกร่งขนาดไหนหรือเจ้าคะ ตอนนี้อาหงแข็งแรงมากนะ”
“เจ้าต้องมีพลังอยู่ในระดับแม่ทัพเสียก่อน เมื่อมีพลังถึงระดับนั้นแล้ว หากต้องการพาผู้ใดเข้ามา เจ้าต้องทำอักขระพันธสัญญากับพวกเขาด้วย ยกเว้นเนื้อคู่ของเจ้าที่ไม่ต้องทำอักขระพันธสัญญา เพราะพวกเจ้ามีพันธะร่วมกันอยู่แล้ว”
ฟังถึงตรงนี้เจ้าตัวกลมตีหน้ายุ่งไม่พอใจกล่าวปฏิเสธทันที “ท่านตา! อาหงยังเด็กอยู่เลย อาหงไม่มีเนื้อคู่หรอก ถึงมีอาหงก็ไม่คิดแต่งงาน อาหงจะอยู่กับท่านพ่อท่านแม่ ท่านปู่ท่านย่า และพี่ใหญ่พี่รอง อาหงไม่ไปไหนหรอก คำพูดท่านตานี่ไม่ดี ไม่ดี ไม่ดีจริง ๆ อาหงเพิ่งเจ็ดหนาวก็พูดถึงเนื้อคู่เสียแล้ว เฮ้อ!”
ฟังคำพูดจริงจังของเจ้าตัวกลมแล้วทนไม่ไหว เทพโชคชะตาหลุดหัวเราะเสียงดัง
“เอาเถอะ ๆ เเล้วแต่เจ้า แต่ว่าตอนนี้เจ้านั่งสมาธิก่อนเถิด ปล่อยกายปล่อยใจให้ว่าง เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังปราณพลังธาตุก็ค่อย ๆ ดูดซับมันเข้ามา”
เว่ยซือหงไม่ถามให้มากความ เพราะนางได้ศึกษาเรื่องนี้ตั้งแต่สามขวบแล้ว เมื่อได้รับคำแนะนำจากท่านตาปริศนา นางจึงทำตามทันที เพียงไม่นานก็สัมผัสได้ถึงละอองปราณและเส้นพลังธาตุที่คุ้นเคย เจ้าตัวน้อยดูดซับมันเข้ามาอย่างช้า ๆ ไม่นานก็เสร็จสิ้น เพียงแต่เด็กตัวกลมหาได้ออกจากสมาธิไม่ นางยังคงดูดซับต่อไปจนกระทั่ง
ปัง! ปัง! ปัง!