บทที่ 7.2 เลื่อนระดับ3ขั้นรวด
เสียงการเลื่อนระดับสามครั้งติดต่อกันดังในห้วงจิต เว่ยซือหงลืมตาขึ้น ดวงตาทอประกายยินดี นางเลื่อนขั้นพลังถึงสามขั้นรวด! ตอนนี้พลังปราณของนางอยู่ที่ พลังปราณระดับเริ่มต้นขั้นสูง!
แม้แต่เทพโชคชะตายังอดอึ้งไม่ได้ ทั้งที่รู้ว่าอัตราการดูดซับของนางรวดเร็วเหนือผู้ใด การเลื่อนระดับขั้นพลังของนางยังไม่มีการติดขัดอีกต่างหาก เขาเป็นเทพยังอึ้งขนาดนี้ หากเรื่องนี้รู้ถึงโลกภายนอก ไม่รู้ว่าคนที่ปิดด่านกักตนกันเป็นเดือนเป็นปีจะพากันกัดลิ้นตายหรือไม่ ช่างเถอะใครใช้ให้พวกเขาไม่มีมิติพฤกษาสวรรค์เล่า!
“ปรับสมดุลพลังปราณก่อนเสี่ยวหง”
“เจ้าค่ะท่านตา”
เว่ยซือหงทำตามอย่างเชื่อฟัง นางเป็นเด็กดีมาก ๆ แค่นั่งสมาธิต่อเหตุใดนางจะทำไม่ได้ ทว่าคราวนี้การนั่งสมาธิไม่ได้สงบนิ่งอีกต่อไป คิ้วน้อย ๆ ของเจ้าตัวเริ่มขมวดเข้าหากัน พร้อม ๆ กับความทรงจำบางอย่างที่วาบผ่านเข้ามาในห้วงภวังคจิต
‘ที่แห่งนั้นกำลังเผชิญกับความเลวร้าย ข้าวยากหมากแพง บ้านเมืองแห้งแล้ง อยู่ในสภาวะแร้นแค้นอย่างหนัก สิ่งที่ผู้คนกำลังเผชิญอยู่มันไม่ใช่เพราะฤดูกาล แต่เป็นความชั่วร้ายที่กำลังกัดกินทุกสิ่งอย่างทีละเล็กละน้อย หากมิตินั้นไม่ได้รับความช่วยเหลือและป้องกัน คงได้ถึงคราวล่มสลาย เพราะเหตุนี้ข้าจึงจะส่งคนมีความสามารถเช่นเจ้า ซึ่งตรงกับเงื่อนไขที่ข้าตั้งเอาไว้ไปที่นั่น’
‘ทุกอย่างเป็นเจ้าลิขิตชะตาชีวิตตนเอง แต่ขอให้เจ้าระลึกไว้ เมื่อใดที่เจ้ามีความสามารถมากพอ เพียงช่วยเหลือผู้คนในโลกนั้นบ้างข้าก็พอใจแล้ว จงระวังพวกมาร’
‘ข้าจะมอบมิติพฤกษาแห่งนี้ให้เจ้า ข้าจะมอบองค์ความรู้ขนาดใหญ่ให้กับเจ้าด้วยเช่นกัน ซึ่งมันจะอยู่ในมิติแห่งนี้ ไว้เจ้าค่อยมาสำรวจเอง สุดท้ายถือเป็นของขวัญสำคัญจากข้า ข้าขอมอบดวงเนตรสวรรค์ให้แก่เจ้า นับจากนี้ไปขอให้เจ้าใช้ชีวิตให้ดีตามแต่ใจเจ้าปรารถนาเถิดเว่ยซือหง’
พรึบ!
เว่ยซือหงลืมตาขึ้นมาทันทีหลังเสียงทรงอำนาจทว่าแฝงความอบอุ่นอ่อนโยนหมดไป ดวงตากลมโตสับสน เสียงในความฝันคือผู้ใด แล้วเขากล่าวกับนางใช่หรือไม่? ยังไม่ทันได้สงสัยนาน ความทรงจำอีกประเภทพลันแทรกเข้ามาจนเจ้าตัวน้อยต้องหลับตาแน่น การเข้ามาของภาพความทรงจำนี้ทำนางปวดหัวอย่างมาก!
เนิ่นนานกว่าทุกอย่างจะสงบ หลังกรองและจัดเรียงข้อมูลที่ได้รับมาให้เข้าที่แล้ว นางจึงได้ลืมตาขึ้น
“ที่แท้ความทรงจำเมื่อครู่คือองค์ความรู้ด้านการปลูกผัก หรือเรียกอีกอย่างว่าเกษตรกรรมนี่เอง ดียิ่ง! อาหงกำลังอยากปลูกผักพอดีเลย!”
เจ้าตัวกลมกลับมาร่าเริงอีกครั้ง ปากเล็กฉีกยิ้มจนสองแก้มซาลาเปาเป็นก้อนกลม ๆ
ความดีใจที่ตัวเองมีวิธีการเพาะปลูกมากมายทำให้เว่ยซือหงหลงลืมเสียงทรงอำนาจที่กล่าวกับนางชั่วคราว เทพโชคชะตาลอบถอนหายใจ เขานึกว่านางจะจำได้ทุกภพชาติที่จุติเสียอีก! เป็นเช่นนี้ดีแล้ว ให้นางได้มีช่วงเวลาร่าเริงสมกับเป็นเด็ก ดีกว่าเคร่งเครียดเกินอายุจริง
‘เพราะข้าจำกัดความทรงจำของนางไว้ตามระดับพลังอย่างไรเล่า เมื่อระดับพลังของนางสูงขึ้น ความทรงจำที่ข้าผนึกไว้ไว้จะค่อย ๆ หลุดออกมาหลอมรวมให้นางได้รับรู้เอง’
‘ท่านมหาเทพ’ เทพโชคชะตาส่งกระแสจิตตอบกลับท่านมหาเทพไปทันทีที่เสียงของผู้เป็นใหญ่ดังขึ้นมาในห้วงจิตเขา
‘ท่านควรกลับมาได้แล้วเทพโชคชะตา นับจากนี้ห้ามท่านลงไปหานางอีก’
‘ข้ารู้แล้ว! นางน่ารักน่าเอ็นดูขนาดนี้ ข้ามาเล่นกับนางไม่ได้หรือไรเล่า’
‘ข้าก็อยากเล่นกับบุตรสาวข้าเช่นกันข้ายังหักห้ามใจได้เลย ไม่รู้แหละ ถ้าท่านไม่รีบกลับขึ้นมาก็จงเตรียมรับโทษได้เลย’
‘จะไปเดี๋ยวนี้แหละ ขอข้าลานางก่อนสิท่านมหาเทพ’ เทพโชคชะตาไม่สนใจเสียงขึงขังที่ดังในห้วงจิต
“เสี่ยวหง”
“ท่านตา” เจ้าตัวกลมขานรับเสียงหวานใสจนเทพโชคชะตาไม่อยากจาก ทว่าเขาไม่อาจฝืนคำสั่งห้ามไปได้มากกว่านี้แล้ว
“มอบให้เจ้า” เขายื่นแหวนหยกที่ลงอักขระอาคมระดับเทพให้กับนาง
“แหวนอันใดหรือเจ้าคะท่านตา” ถึงนางจะเด็ก แต่นางย่อมรู้ว่าแหวนที่ท่านตาปริศนาชอบผลุบ ๆ โผล่ ๆ เวลากลางคืนให้มาต้องไม่ธรรมดาแน่
“แหวนปกปิดพลังระดับเทพ”
“ระดับเทพ!” เพราะเคยศึกษาเรื่องระดับพลังขั้นต่าง ๆ มาก่อน เว่ยซือหงตัวน้อยจึงไม่สามารถระงับอาการตื่นเต้นได้ นี่มันระดับเทพเชียวนะ แหวนระดับเทพ!
“ใช่ แหวนวงนี้จะช่วยปกปิดระดับพลังของเจ้าไว้ไม่ให้ผู้ใดมองเห็น ข้ารับรองจะไม่มีใครเห็นพลังที่แท้จริงของเจ้าแน่นอน เพียงเจ้าอยากเปิดเผยระดับพลังที่ขั้นใด เจ้าก็ส่งจิตจำนงไปที่แหวน แหวนวงนี้จะตอบรับความต้องการของเจ้าทันที หยดเลือดเสียสิแล้วมันจะเป็นของเจ้า ไม่มีผู้ใดเเย่งชิงไปได้”
เว่ยซูหงตัวน้อยใช้เข็มเล็ก ๆ ที่ท่านตาปริศนายื่นให้เจาะเลือดที่นิ้วชี้แล้วหยดลงใส่แหวน เมื่อทำพันธสัญญาเป็นเจ้าของแหวนเรียบร้อยแล้ว เจ้าตัวกลมก็ไม่รอช้าแต่อย่างใดสวมไว้ที่นิ้วกลางข้างขวาทันที
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านตา”
“ตาต้องไปแล้ว เจ้าก็ศึกษาเรื่องราวต่าง ๆ ในนี้เล่า อ้อ อย่าลืมสำรวจมิติของเจ้าล่ะ มีสิ่งสำคัญเกี่ยวกับมิตินี้ที่เจ้าต้องรับรู้ไว้”
“อะไรหรือเจ้าคะท่านตา”
“ในมิติแห่งนี้เวลาจะเดินเร็วกว่าโลกภายนอก เจ้าอยากให้เดินเร็วเท่าไหร่ เจ้าก็ตั้งจิตเอาเองเลย มิติมันเป็นของเจ้า มันจะตอบรับความต้องการของเจ้าเอง อีกข้อ ถึงเจ้าจะอยู่ศึกษาในนี้เป็นร้อยเป็นพันปี อายุและอัตราการเจริญเติบโตของเจ้าจะเท่าโลกภายนอก ไม่โตเร็วไปกว่าเดิมแน่นอน”
“อาหงเข้าใจเเล้วเจ้าค่ะท่านตา”
“ดี ตาต้องไปแล้ว”
“ท่านตาจะมาหาอาหงอีกหรือไม่เจ้าคะ”
“ตามาไม่ได้แล้ว แต่เมื่อไรที่เสี่ยวหงเข้มเเข็งมีระดับพลังมากขึ้น วันนั้นเราจะได้พบกันอีกครั้ง เอาละ ตาไปก่อน ใช้ชีวิตให้ดีเล่าเทพธิดาตัวน้อยของตา”
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านตา อาหงจะไม่ลืมท่านตาเลย ท่านตาอย่าลืมอาหงนะเจ้าคะ!” เด็กน้อยตะโกนเสียงดังเมื่อท่านตาของนางค่อย ๆ หายไปจนกลายเป็นภาพเงาเลือนราง
เจ้าตัวน้อยยืนเศร้าอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกระตือรือร้นอีกครั้ง
สำรวจมิติกันเถอะ!