บทที่ 5 เรียนวิชาอย่างเงียบ ๆ
บทที่ 5 เรียนวิชาอย่างเงียบ ๆ
ค่ำคืนนั้นหลังจากที่กลับมาจากหอน้ำชาเฟิง เวยซินเปิดดูตำราที่หมอเทวดาหยางให้นาง ก่อนจะจากกันไป หมอเทวดาหยางบอกให้นางศึกษาตำราพวกนี้ให้ดี เพราะนางจะได้ช่วยเหลือผู้คนในยามคับขัน ถ้านางไม่ช่วยเหลือคนนางจะเจอความพิบัติในภายภาคหน้า
เวยซินหวนคิดเมื่อชาติที่เเล้วก่อนจะถึงงานแต่งงานของนาง ทางเหนือได้เกิดโรคระบาดขึ้น แต่เวยเซียงมิออกไปช่วยเหลือ นี่ส่งผลให้นางได้มาเกิดใหม่ช่วยเหลือผู้คนใช่รึไม่
สามวันผ่านไป เวยซินอยู่ในจวนเวยอย่างสงบ แม้เวยเซียงจะขอพบนาง แต่เวยซินสั่งบ่าวไว้ว่า นางไม่สบายงดรับเเขก เพราะนางกำลังปรุงยาต่าง ๆ ของหมอเทวดาหยางอย่างเงียบ ๆ
"คุณหนูแย่เเล้วเจ้าค่ะ อาการของเวยฮูหยินกำเริบอีกเเล้ว" เพียงแค่เสี่ยวจูรายงาน เวยซินรีบวิ่งไปที่เรือนมารดาทันที
ในตอนนั้นเเม่นมหยงได้ไปตามท่านหมอที่เคยจัดยาให้มารดาของนางมาเเล้ว
"เป็นอย่างไรบ้างท่านหมอ" สีหน้าท่านหมอยังคงกังวล
"โรคเดิมกำเริบ ขอเพียงพักผ่อนให้เพียงพอก็จะดีขึ้น หมอจะเขียนเทียบยาเดิมให้ ถ้าหมดเเล้วไปรับที่โรงหมอหยินได้เลย" ท่านหมอหิ้วกระเป๋ายาออกไป แม่นมหยงเป็นคนไปส่งท่านหมอที่หน้าจวน เวยซินมองเทียบยา
หลังจากให้สาวใช้ในเรือนมารดาเคี่ยวยาให้มารดาดื่ม มารดาก็หลับต่อ
เวยซินมองผงยาที่นางได้มาจากเทียบยานี้ ถึงแม้ว่านางจะได้ตำราของหมอเทวดาหยางมา แต่นางก็ไม่เก่งพอที่จะเเยกตัวยาออก
"คุณหนูมีอันใดเจ้าคะ" เสี่ยวจูเห็นเจ้านายจ้องผงยาอยู่นาน
"เจ้าจงไปร้านหมอหลิวให้เขาตรวจสอบว่ามีอะไรอยู่ในนี้ เจ้าไปทางประตูหลัง"
เสี่ยวจูรับคำเจ้านาย เวยซินต้องรู้ให้ได้ว่าใครกันต้องการทำร้ายมารดาของนาง
เพียงหนึ่งชั่วยามผ่านไปเสี่ยวจู เข้ามารายงานเข้านาย
ย้อนไปหนึ่งชั่วยามก่อนหน้านี้ เสี่ยวจูเดินเข้าไปในร้านหมอหลิว ด้านหมอหลิวรับเทียบยามาเเล้วตกใจไม่น้อย หลังจากวิเคราะห์เรียบร้อยเเล้วมันคือยาอันใด เสี่ยวจูรีบกลับมารายงานเจ้านาย
"คุณหนูนี่คือฝิ่นเจ้าค่ะ ฝิ่นผสมกับยารักษาเวยฮูหยิน" เพียงได้ยินเยี่ยงนี้ใบหน้างามพลันเปลี่ยนสี กลิ่นอายสังหารออกมาได้น่ากลัวนัก ทำให้เสี่ยวจูมองเจ้านายจนขนลุก
ดวงตางามมีประกายไฟลุกโชนขึ้นมา ฝิ่นนี่กล้าเอาฝิ่นผสมให้มารดาของนางกินเชียวรึ
นางอ่านในตำราหมอเทวดาหยาง ฝิ่นเป็นจำพวกทำให้เกิดภาพหลอน คลุ้มคลั่งอาจจะทำให้เป็นบ้าไปได้
ในวันนั้นเวยซินออกจากจวนมุ่งหน้าไปที่ตลาดใต้ ที่ค้าทาส นางเลือกยอดฝีมือมาหนึ่งคนเป็นชาวเผ่าทุ่งหญ้า มีความเชี่ยวชาญในวิทยายุทธ์
ชื่อว่าอาชู อาชูบอกว่า เขาไม่มีเบี้ยให้มารดาจึงขายตัวเองเป็นทาสเข้ามาในเมืองหลวงแคว้นหนาน เวยซินไม่ต้องการฟังอะไรเขามากมาย จึงรับซื้อตัวเขามา ให้เขาคอยคุ้มครองนางเงียบ ๆ
ในวันนั้นเวยซินกลับจวนเวย เป็นยามพลบค่ำพอดี เจอเวยเซียงระหว่างทางเดิน
เวยเซียงดีใจมากที่เจอเวยซิน หลายวันมานี้พี่หญิงหลบหน้านางมิรู้เพราะเหตุอันใด ที่ทำให้ความสัมพันธ์ของเวยซินห่างเหินเวยเซียง หรือเพราะนางหมั้นกับท่านแม่ทัพหนานเกิงเเทน ก็มิน่าจะใช่
"พี่หญิงไปไหนมาเจ้าคะ" เวยเซียงยอบกายคำนับพี่สาว แล้วถามด้วยใบหน้าเบิกบาน เวยซินมองน้องรองเเสดงละครเก่ง เหลือเกิน เอาเถอะนางจะเเสดงละครงิ้วกับเวยเซียงด้วย
"ข้าไปเดินเล่นตลาดมา" น้ำเสียงหวานบอกน้องสาวคนงาม เวยเซียงคล้องเเขนพี่สาว ไม่ยอมปล่อย อีกทั้งยังตามเวยซินไปที่เรือนของนางอีกด้วย
เสี่ยวจูรู้ธาตุเเท้คุณหนูรองก็ได้แต่เบ้ปากเดินตามเจ้านายไปอย่างเงียบ ๆ พร้อมเสี่ยวจือที่เดินรั้งท้าย
เรือนเล็กของเวยซิน เสี่ยวจูรินน้ำชาชั้นดีเเละของว่างมาให้เวยเซียง หลายวันมาเเล้วที่เวยเซียงไม่ได้มาเรือนเล็กของพี่สาวคนงาม ของในเรือนเหตุใดถึงมีแต่ของดี ๆ เเจกันลายครามที่งดงาม ภาพวาดที่หาได้ยาก
"พี่หญิงข้าอยากได้ ภาพวาดนกเกาะกิ่งไม้เจ้าค่ะ" ในระหว่างที่เคี้ยวขนมดอกกุ้ย เวยเซียงก็เอ่ยปากขออย่างไม่เกรงใจ
คิดว่าพี่สาวจะมอบให้นางแน่นอน
"น้องรองอยากได้รึ" ไม่พูดเปล่ามองหน้าเวยเซียง ภาพวาดนกเกาะกิ่งไม้นี้ เป็นสินเดิมของท่านหญิงอันเล่อหรือเวยฮูหยิน
ในชาติที่เเล้วเวยซินรักเวยเซียงมาก มีอะไรจึงเเบ่งปัน ไม่แปลกใจที่เวยเซียงจะกล้าเอ่ยปากขอ
มุมปากงามค่อย ๆ เผยอยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
"เกรงว่า ข้าจะมอบภาพนี้ ให้น้องรองมิได้ เพราะเป็นสินเดิมของแม่ข้า น้องรองก็รู้นี่นาว่า ท่านแม่มิชอบให้ใครเอาของนางไป"
ใบหน้าเวยเซียงที่มีเเววดีใจ สลายลงไปในพริบตา เมื่อได้ฟังคำตอบพี่สาวว่ามิยอมยกภาพนกเกาะกิ่งไม้ให้นาง
เป็นไปได้อย่างไร ก่อนจะไปวัดนางชี เวยซินยกของให้นางมาตลอด มิได้ยกเรื่องเวยฮูหยินมาพูด กระนั้นทำให้เวยเซียงรีบขอตัวกลับเรือนเพื่อจะไปรับอาหารเย็นกับอนุซิว
คล้อยหลังเวยเซียง
"บ่าวยิ่งกลัว คุณหนูจะยกภาพนั้นให้นาง ดีนะที่ท่านยกเวยฮูหยินมาอ้าง"
ใบหน้างามปรายตามองสาวใช้
"นางไม่ควรได้รับอะไรจากข้า" เเววตาลุกโชนไปด้วยประกายไฟ ตั้งแต่บัดนี้ นางจะเอาคืนทุกย่างก้าว