บทที่ 5 (ยัง)ไม่ชิน
พิจิกาพยักหน้าเออออ ก่อนหล่อนจะถอนความสนใจออกมา แล้วไขกุญแจเข้าบ้าน แต่พอหันไปเห็นว่าคนที่เดินตามเข้ามานั้นกำลังยื่นมือไปทางกรอบประตู หล่อนจึงรีบห้ามไว้
“อย่าเปิดไฟ...มันเปิดไม่ได้”
“ทำไม”
ถึงคราวที่อายุธเป็นฝ่ายงุนงงเสียเอง ดูท่าทางก็รู้ว่าพิจิการู้สึกเกร็งที่มีเขาอยู่ใกล้ เขาจึงอยากให้หล่อนสบายใจโดยการเปิดไฟให้สว่างทั่วทั้งบ้าน แต่หล่อนกลับห้ามเขาเสียนี่
“หลอดไฟเสียเหรอ”
“เปล่า ฝั่งนี้เป็นกระจก มันยังไม่มีผ้าม่าน”
หล่อนชี้ไปในทิศทางหนึ่ง เมื่ออายุธมองตามก็เห็นเลือนรางว่ามันเป็นผนังกระจกตลอดแนว และตอนนี้ผนังยังเปิดโล่งจนมองเห็นบ้านอีกหลังที่เปิดไฟรอบบ้านอย่างชัดตา
ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้ จากนั้นจึงปล่อยให้หญิงสาวนำทางเขา เพราะไม่อยากทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าในอาณาบริเวณของหล่อนก่อนได้รับอนุญาตอีก
ทว่าพิจิกากลับยืนนิ่งๆ อายุธไม่รู้ว่าหล่อนกำลังคิดอะไร เขาไม่เห็นสีหน้าของหล่อน เพราะเมื่อปิดประตูหน้าบ้านแล้ว แสงไฟจากด้านนอกก็ส่องมาไม่ถึง ภายในบ้านจึงแทบจะเรียกได้ว่ามืดสนิท
อายุธพ่นลมหายใจ แล้วเป็นฝ่ายบอกหล่อน
“พริกไปอาบน้ำเถอะ อยู่อย่างนี้นานๆ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา”
“แล้วคุณ เอ่อ...คุณก็เปียกฝนเหมือนกัน”
“ผมเข้าห้องน้ำที่ไหนได้บ้างล่ะ” น้ำเสียงบอกให้รู้ว่าชักจะขัดใจหล่อนบ้างแล้ว “ผมมีเสื้อผ้ากับของใช้ส่วนตัวอยู่ในรถ”
“งั้นคุณเข้าห้องน้ำนี้ก็ได้” หญิงสาวเดินหยุดหน้าห้องน้ำซึ่งอยู่ค่อนไปทางด้านในของตัวบ้าน ก่อนจะกำชับเขาอีกคราว “อย่าเปิดไฟห้องโถงนะ คุณเข้าห้องน้ำแล้วค่อยเปิดไฟในนี้ก็พอ”
แค่นึกว่าเพื่อนบ้านอาจมองผ่านผนังกระจกเข้ามาเห็นว่าภายในบ้านของหล่อนมีผู้ชายเดินไปเดินมาในยามค่ำคืน พิจิกาก็รู้สึกขนหัวลุกพิกล หากเมื่อหล่อนจะเข้าห้องนอนเพื่อจัดการตัวเอง หญิงสาวก็ต้องชะงักเท้า เพราะได้ยินเสียงลอยมาดังชัดหู
“ยุ่งยากจริงๆ”
เจ้าของบ้านสาวเข้าห้องนอนไปแล้ว อายุธจึงกวาดสายตามองรอบๆ เมื่อสายตาชินกับความมืด เขาก็มองเห็นสรรพสิ่งรอบตัวได้เลือนราง ชายหนุ่มเดินกลับไปทางประตูหน้าบ้าน ขนของที่ต้องใช้ในค่ำคืนนี้ออกจากรถ...ด้วยความที่ต้องเดินทางข้ามอำเภอหรือข้ามจังหวัดเพื่อดูแลกิจการให้แม่บ่อยๆ เขาจึงเตรียมความพร้อมไว้เสมอ
มือเรียวแข็งแรงเสยผมที่ยังเปียกชื้น ถอดแว่นตาเลนส์ใสที่เริ่มพร่ามัวด้วยไอน้ำ ต่อเมื่อเข้าไปในห้องน้ำ ปิดประตูจนแน่นสนิทแล้วเปิดไฟตามคำบอกของเจ้าของบ้าน เขาจึงเห็นว่าไม่มีของที่ตนจำเป็นต้องใช้ในตอนนี้
ชายหนุ่มเดินออกมา แล้วตรงไปเคาะประตูห้องนอนเรียกหญิงสาว
“ผมอยากได้ยาสระผม”
“คุณว่าอะไรนะคะ” เสียงตอบดังตามมาหลังจากทิ้งช่วงไปนานนับนาที
“ยาสระผมกับสบู่”
“อ๋อ! แป๊บหนึ่งค่ะ”
2-3 นาทีผ่านไป คนยืนปักหลักอยู่หน้าห้องนอนถึงเห็นบานประตูเปิดออกกว้างเพียงคืบ แล้วมือเรียวขาวผ่องค่อยๆ ยื่นออกมา โดยที่เขาไม่มีโอกาสเห็นหน้าตาและเนื้อตัวของหล่อน ชายหนุ่มกระตุกยิ้มขำ ก่อนจะรับของที่หล่อนส่งให้มาถือไว้...จากนั้นประตูห้องนอนจึงถูกปิดสนิทอีกรอบ
อายุธจัดการตัวเองอยู่ในห้องน้ำไม่นาน แล้วจึงออกมาด้วยเสื้อผ้าลำลองชุดใหม่ ความมืดภายในบ้านไม่ใช่อุปสรรคของเขาแล้ว เพราะตอนนี้เขาเริ่มชินกับมันแล้วแหละ
อายุธโทร.กลับไปหาแม่ เพราะสัญญากับแม่ว่าเมื่อพบตัวพิจิกาแล้วจะโทร.ไปบอก
“แม่หรือครับ”
“หนูพริกเป็นยังไงบ้าง พี่เขาปลอดภัยดีไหม”
น้ำเสียงของแม่ร้อนรน ขณะที่ถามถึง ‘พี่เขา’ แม่เรียกพิจิกาด้วยคำนี้กับเขาบ่อยๆ ที่ผ่านมาอายุธก็ฟังผ่านๆ หู แต่คราวนี้เขารู้สึกสะดุด ในความหลากหลายอารมณ์นั้นยังมีความขำปนอยู่
“ปลอดภัยแล้วครับ พริกไม่ได้รับบาดเจ็บ”
ถ้าคนปลายสายเป็นอาทิตย์ อายุธคงบอกพี่ชายไปอีกหลายคำ ซึ่งล้วนเป็นความประหลาดของหญิงสาวที่เขากำลังพบเจอ
“โอ๊ย! โล่งอกสักที แล้วตอนนี้โอ๊ตกับหนูพริกอยู่ที่ไหน กลับบ้านกันหรือยัง”
“ผมอยู่ที่บ้านพริกนะแม่ เขาอยู่คนเดียว ผมยังไม่อยากทิ้งเขาไว้ เพราะดูท่าทางเขาตกใจมากอยู่”
เมื่อสักครู่ใหญ่นั้นเรียกได้ว่าพิจิกาตกอยู่ในอาการช็อก...ภาพดวงหน้าซีดเซียวและเนื้อตัวสั่นเทาของหญิงสาวยังติดตาเขา อายุธจึงยืนกรานว่าจะขออยู่เป็นเพื่อนของหล่อน อย่างน้อยก็ให้เขามั่นใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่กลายเป็นฝันร้ายที่จะตามหลอกหลอนหล่อนในค่ำคืนนี้
“ดีแล้วลูก หนูพริกอยู่คนเดียว โอ๊ตช่วยดูแลพี่เขาหน่อยนะ แม่เพิ่งรู้ว่าช่วงนี้แม่ของหนูพริกก็ไม่อยู่ ไปทัวร์ที่ต่างประเทศ อีกหลายวันกว่าจะกลับ”
แม่บอกเขา ก่อนจะขอวางสายเพื่อให้เขาได้พักผ่อนด้วย หากอายุธยังนั่งนิ่งอยู่บนโซฟายาวที่วางเด่นอยู่ในโถงบ้าน ตั้งใจว่าคืนนี้โซฟาตัวนี้จะกลายเป็นที่นอนของเขา หากเมื่อเห็นประตูห้องนอนของหญิงสาวค่อยๆ แง้มเปิดออก ชายหนุ่มจึงเงยหน้าขึ้นไปมอง
พิจิกาเร้นกายออกมา แล้วปิดบานประตูเสีย ก่อนจะเดินมาหาเขาด้วยท่าทีที่ไม่มั่นคงนัก
“เอาหมอนกับผ้าห่มมาให้”
“อืม…”
อายุธตอบรับในลำคอขณะยื่นมือไปรับของที่หล่อนส่งให้ หากเจ้าหล่อนยังยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าเขา จนเขาต้องเงยหน้าขึ้นไปมองอีกรอบ
“ขอบคุณด้วยนะ”
“อะไร”
รู้อยู่แก่ใจว่าหล่อนหมายถึงสิ่งใด แต่ก็ยังจะถาม เพราะอยากได้ยินจากปากของหล่อนเอง
“ขอบคุณที่โอ๊ตมาช่วย”
อายุธพยักหน้าด้วยท่าทีรับรู้ ก่อนจะบอกหล่อนให้เข้าใจ
“อั๋นโทร.มาบอก เขาไม่อยู่ เขาพาลูกเมียไปบ้านแม่ยาย”
“ใช่...ฉันโทร.ไปหาอั๋นให้มาช่วย เมื่อกี้อั๋นโทร.มาหาแล้ว”
อายุธเลิกคิ้วกับถ้อยคำของพิจิกา ท่าทางของเขายังนิ่งสงบ หากในใจเริ่มไม่นิ่งตาม...แทนที่พี่ชายตัวดีจะโทร.มาถามเขา แต่กลับโทร.หาพิจิกาเสียเอง
“พริกโอเคหรือยัง ยังกลัวอยู่ไหม”
พิจิกาพยักหน้า ในความสลัวนั้นอายุธสังเกตเห็นสีหน้าของหล่อนว่ายังหลงเหลือความกลัวอยู่มาก เขาจึงตั้งใจที่จะไม่สะกิดถามถึงเรื่องนี้อีก
“ไปนอนเถอะ คืนนี้ไม่มีอะไรแล้ว ผมนอนตรงนี้แหละ”
“แล้วรถ...”
“ผมบอกไอ้แม็กให้อยู่จัดการแล้ว ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวตามเรื่องให้ พรุ่งนี้พริกไปทำงานหรือเปล่า”
“ไป มีสอนช่วงบ่าย”
“งั้นผมจะไปส่ง”
“ไม่เป็นไร แถวนี้มีรถรับจ้าง”
อายุธพยักหน้าเออออเพราะไม่อยากเถียงหล่อน เมื่อไม่มีเรื่องต้องพูดกันอีก หญิงสาวจึงขอตัวกลับเข้าห้องนอน
นี่เป็นครั้งแรกที่หล่อนกับเขาได้พูดคุยกันอย่างจริงจัง ทั้งที่รู้จักกันมานานกว่ายี่สิบปี พบหน้ากันก็หลายครั้ง หากการได้อยู่ตามลำพังเช่นนี้ก็แทบนับครั้งได้ ซึ่งแต่ละครั้งอายุธก็สังเกตว่าพิจิกามักหาทางหลบเขาไปทุกทีเช่นกัน
เมื่อได้สอดกายเข้าไปในผ้าห่มนวมบนเตียงนอนแสนอบอุ่น พิจิกาก็อดที่จะนึกถึงคนที่อยู่นอกห้องไม่ได้ ผ้าห่มผืนบางที่หล่อนเอาไปให้เขาจะกันหนาวในคืนนี้ได้หรือเปล่า หากหล่อนก็มีผ้าห่มสำรองแค่ผืนเดียว แม้จะย้ายมาอยู่ที่บ้านหลังนี้เกือบหกเดือนแล้ว แต่หล่อนยังไม่มีเวลาจัดการเรื่องบ้านให้เสร็จเรียบร้อยสักที ข้าวของเครื่องใช้ที่มีก็เป็นของเก่าที่ทยอยขนมาจากบ้านพักอาจารย์แทบทั้งสิ้น