บทที่ 3 ผู้หญิงที่มากับสายฝน
ร่างสูงเพรียวกระโจนลงบันไดจากชั้นสองลงมาชั้นล่าง พลางส่งเสียงเรียกคนขับรถวัยหนุ่มเสียงดังลั่น
“แม็ก! ไอ้แม็กอยู่ไหน”
“พี่แม็กกินข้าวค่ะ”
เด็กรับใช้รีบบอกเสียงตื่นๆ ทั้งที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้านายถึงมีท่าทีรีบร้อนอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน และเสียงเรียกนั้นก็ทำให้เจ้าของชื่อวิ่งออกมาสมทบตรงโถงบ้านอย่างทันท่วงที
“ผมอยู่นี่ครับ คุณโอ๊ตมีอะไรครับ”
“ออกไปด้วยกัน”
ไม่ต้องอธิบาย คนขับรถคู่ใจรีบวิ่งไปยังโรงรถตามเจ้านาย และแค่ไม่กี่วินาทีจากนั้นรถก็พุ่งออกไปท่ามกลางฝนที่ตกหนัก
แค่รถของลูกชายคนรองผ่านประตูรั้ว คุณนายอรอรที่ได้ยินเสียงโหวกเหวกเมื่อสักครู่ก็เดินออกมาจากห้องพักผ่อนด้วยความสงสัย
“มีอะไรหรือขวัญ คุณโอ๊ตออกไปไหน”
“หนูไม่ทราบเหมือนกันค่ะคุณนาย เมื่อกี้เห็นหน้าคุณโอ๊ต หนูก็ไม่กล้าถาม”
ดูจากท่าทีของอายุธ เด็กรับใช้กำลังหวั่นว่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น แต่เธอไม่กล้าพูดก่อนที่จะรู้เรื่องราว ด้วยเกรงจะทำให้คุณนายใจเสีย
คุณนายอรอรไม่อาจปล่อยให้ตัวเองอยู่กับความสงสัยได้นาน ด้วยความห่วงใยในตัวลูกชายของเธอ อายุธออกไปข้างนอกกลางค่ำกลางคืน แถมฝนก็ยังตกด้วย มันไม่ใช่เรื่องที่เธอจะวางใจได้...หญิงวัยกลางคนเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือแล้วติดต่อไปหาลูกชาย
“มีเรื่องอะไรกัน แล้วแกกำลังออกไปไหน”
“พริกเกิดอุบัติเหตุครับ ผมกำลังไปดู”
“ตายจริง!”
“แม่อย่าเพิ่งตกใจ รถของพริกไถลลงข้างทาง พริกยังปลอดภัย ถ้าผมเจอพริกแล้วจะโทร.ไปบอกแม่”
คุณนายอรอรยังไม่ทันได้ตอบรับ ลูกชายก็ตัดสายไปเสียก่อน เธอนั่งลงบนเก้าอี้ เพราะหัวใจเริ่มเต้นผิดจังหวะ
อุบัติเหตุทางรถยนต์เคยคร่าชีวิตของสามีเธอเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน แม้มันจะผ่านมานาน แต่เธอไม่อาจลืมฝันร้ายคราวนั้นได้ เธอยังผวาทุกทีที่ได้ยินเรื่องพวกนี้...คราวนี้จึงได้แต่ภาวนาขอให้คุณพระคุณเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองให้หญิงสาวที่เธอเห็นมาตั้งแต่เด็กนั้นรอดปลอดภัย
เลยสี่แยกใหญ่ที่เป็นทางผ่านจากตัวเมืองไปยังบ้านของพิจิกาเพียงสองร้อยกว่าเมตร อายุธก็เห็นรถของมูลนิธิกู้ภัยจอดอยู่ หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นส่ำ
‘รีบไปช่วยพริก ฉันกลัวว่ารถจะตกน้ำ พริกยังออกจากรถไม่ได้ ฉันจะโทร.แจ้งตำรวจด้วย’
อาทิตย์ซึ่งพาภรรยากับลูกชายวัยแบเบาะไปเยี่ยมแม่ยายที่ต่างอำเภอโทร.มาบอกเขา เมื่ออายุธรู้ว่ากำลังเกิดภัยกับพิจิกา เขาก็พุ่งออกมาจากบ้านโดยไม่เสียเวลาคิด
เพียงแค่คนขับรถจอดรถตรงไหล่ทาง ชายหนุ่มก็เปิดประตูรถแล้ววิ่งลงไป เขาเห็นรถคันสีครีมของพิจิกาจอดคาอยู่ริมตลิ่ง และหล่อนยังอยู่ในรถคันนั้น
ชายหนุ่มตรงไปหา แล้วก้มลงถามหญิงสาวผ่านช่องประตูรถที่เปิดแง้มไว้
“พริกเป็นยังไง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
แม้ตอนนี้ฝนซาลงจากเดิม แต่บรรยากาศยามค่ำคืนก็ยังน่ากลัว ถึงจะมีคนมาให้ความช่วยเหลือ แต่อายุธห่วงว่าพิจิกาจะกลัวพวกเขา ด้วยเป็นคนที่หล่อนไม่รู้จัก
“อั๋นมาแล้วเหรอ ช่วยฉันด้วย ฉันอยากออกไป”
เสียงสั่นพร่าดังแทรกออกมา เสี้ยววินาทีนั้นหัวใจของอายุธเหมือนถูกสะกิด ในห้วงเวลานี้พิจิกาเรียกหาพี่ชายของเขา แม้เขาจะเป็นคนส่งเสียงถามหล่อน แถมตอนนี้เขายังอยู่ใกล้หล่อนด้วย
อายุธยืดกายขึ้นแล้วหันไปถามเจ้าหน้าที่มูลนิธิสามคนที่อยู่บริเวณนั้น
“เปิดประตูรถได้ไหมครับ”
“เปิดไม่ได้ ประตูบุบไปแล้ว ต้องงัดออกเท่านั้น เรากำลังรอรถอีกคันเอาเครื่องมือมาให้ คุณเป็นแฟนผู้หญิงหรือเปล่า บอกให้เขาใจเย็นๆ ไม่ต้องกลัวรถตกน้ำ เพราะล้อมันเกยอยู่กับขอบพนังกั้นน้ำ เราเอาท่อนไม้ไปดักไว้อีกชั้นแล้ว”
ได้ยินอย่างนี้ อายุธก็คลายความกังวลใจลง เขาหันกลับไปหาหล่อน แล้วก้มลงถามย้ำผ่านช่องประตูรถที่เปิดกว้างอยู่เพียงคืบ
“พริกปลอดภัยดีใช่ไหม ไม่ได้เจ็บตรงไหนใช่ไหม”
คล้ายกับว่าพิจิกาเพิ่งสังเกตว่าเขาไม่ใช่อาทิตย์...และจากแสงไฟหน้ารถมูลนิธิกู้ภัยที่ส่องเข้าไปนั้นก็ทำให้ชายหนุ่มเห็นดวงหน้าซีดเซียวของหล่อน
“ไม่เจ็บ แต่ฉันอยากออกไปแล้ว...ช่วยหน่อยสิ”
“เปิดกระจกรถลงได้ไหม”
“เปิดไม่ได้”
รถของพิจิกาควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า คาดว่ามันหยุดทำงานตั้งแต่ตอนเกิดอุบัติเหตุ อายุธเห็นแท่งเหล็กในมือของหญิงสาว เขาไม่ได้ถามว่าหล่อนเตรียมไว้ทำไม หากบอกหล่อนออกไปด้วยกำลังคิดบางอย่าง
“ทุบกระจกแล้วปีนออกทางหน้าต่างรถก็แล้วกัน”
“ทุบเลยเหรอ” พิจิกาทวนถามเสียงอ่อย
“จนตอนนี้ยังหวงรถอีก”
อายุธว่าเสียงดุ พลางยื่นมือเข้าไปข้างในรถ หญิงสาวลังเล หากไม่กี่วินาทีหล่อนก็ส่งแท่งเหล็กที่ถอดออกมาจากพนักเก้าอี้ส่งให้เขา
อายุธตอกแท่งเหล็กตรงร่องกระจกอย่างไม่เบามือ เขาจัดการแค่ไม่กี่นาที กระจกด้านข้างฝั่งคนขับก็ร่วงลงทั้งบาน จากนั้นจึงก้มลงมองหญิงสาว
พิจิกาไม่พูดไม่จา เพราะรู้ว่าตัวเองต้องทำอย่างไร หล่อนส่งกระเป๋าสะพายกับแฟ้มเอกสารที่ใส่ในถุงพลาสติกกันเปียกฝนอย่างเรียบร้อยออกไปก่อน แล้วจึงเหยียดกายลอดผ่านช่องกระจก ปล่อยตัวเองให้อยู่ในอ้อมกอดของคนที่รอรับอยู่ด้านนอก
ทันทีที่ร่างของหล่อนหลุดพ้นออกมาจากตัวรถ เสียงเฮก็ดังขึ้น พิจิกากลับมารู้ตัวว่าที่ตรงนี้นอกจากอายุธแล้วก็ยังมีคนอื่นอยู่ด้วย