5
ลัดดาแอบปรายตามองใบหน้าคมสันของลูกชายคนรองอย่างนึกขัดหูขัดตา นางพึ่งไปเยี่ยมตรีศิลป์ลูกชายคนโตและการะเกดลูกสะใภ้มา เห็นชีวิตครอบครัวอันแสนอบอุ่นของคนทั้งคู่ แล้วก็นึกอยากจะให้ตัวแสบประจำบ้านอย่างตรีศรเลิกเป็นพ่อมาลัยลอยชายลอยไปทางนั้นที ทางนี้ที กลัวนักว่าจะได้ลูกสะใภ้ไม่พึงประสงค์มา ก็ดูแต่ล่ะนางที่พ่อตัวแสบควงสิ น่ากลัวน้อยเสียที่ไหนกันเล่า
บ้านการุณการมีสมาชิกในครอบครัวห้าคน พันเอกไสวเป็นนายทหารที่ค่อนข้างจะเจ้าระเบียบ และติดจะดุนิดๆ เพราะระเบียบวินัยที่เคร่งครัดมานานในอาชีพที่ตนเองทำ ถ่ายทอดความเคร่งขรึม และความเอาจริงมายังบุตรชายคนโตแทบจะไม่ขาดตกบกพร่อง ตรีศิลป์ทำอาชีพรับราชการทหารเพื่อให้บิดาได้ปลื้มใจ แล้วก็ลาออกมาเพื่อทำไร่องุ่นที่ตนเองรัก ตอนนี้ก็หมดห่วงเพราะมีครอบครัวและกำลังมีหลานน่ารักๆ ให้นางได้ชื่นชม เมื่อได้ไปเยี่ยมหลานเข้าแล้วลัดดาและพันเอกไสวแทบจะไม่อยากกลับมาบ้าน เพราะน้ององุ่นกำลังน่ารักน่าชังนัก
ลูกชายคนรองอย่างตรีศร กลับไม่ได้รับมรดกนิสัยมาจากบิดาและพี่ชายมาเลยสักนิด เขาเป็นหนุ่มรักอิสระ และมักจะขัดใจกับบิดาบ้างอยู่เนืองๆ เริ่มตั้งแต่สาขาที่เรียน อาชีพที่ทำ ตอนนี้ชักจะรวมถึงเรื่องพฤติกรรมส่วนตัว ที่แม้แต่คนดุอย่างพันเอกไสวยังขอโบกมือลาเพราะคร้านจะยุ่งกับพ่อตัวดี ที่กะล่อน ลื่น ยิ่งกว่าปลาไหล จับกันไม่ค่อยทัน แม้จะจับได้ไล่ทัน ปลาไหลอย่างตรีศรก็ไถลไปทำในสิ่งที่ตนชอบจนได้
น้องสาวคนเล็กอย่างตรีทิพย์ ตอนนี้ก็พ้นวัยศึกษาและกำลังก้าวเข้าสู่ช่วงวัยทำงาน เจ้าหล่อนยังติดนิสัยน้องน้อยของบ้าน ที่มีแต่คนรุมเอาใจ แต่ต้องจับพลัดจับพลูไปเป็นเลขานุการ อาชีพที่ต้องทำงานร่วมกับคนอื่น และยิ่งต้องรู้ใจเจ้านายอย่างมาก จนบางทีต้องศึกษานิสัยของผู้เป็นนายเพื่อจะทำงานให้ได้ไม่มีปัญหา แม่น้องเล็กจึงมักมีเรื่องมาบ่นงุ้งงิ้งให้มารดาฟังเกือบทุกวัน เรื่องเจ้านายจอมดุของตัวเอง
‘ลาออกเสียสิลูก’
ฟังเข้ามากๆ ลัดดาก็ชักจะสงสารลูก ตัวของนางเองก็มีกิจการทำร้านเสริมสวย และคิดว่าตรีทิพย์ก็น่าจะสบายกว่าถ้าทำงานกับมารดา หากแต่บุตรสาวกลับสั่นหน้า แล้วเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งในศักดิ์ศรีของตนเอง
‘ไม่ได้หรอกค่ะแม่ น้องเล็กจะลาออกได้ยังไงกัน ทำงานไปแค่เดือนเดียว ขืนทนที่นี่ไม่ได้ ที่อื่นก็ทนไม่ได้หรอกค่ะ น้องเล็กจะอดทน ต่อให้อีตาคุณเอกจะดุยิ่งกว่านี้ น้องเล็กก็จะสู้ สู้โว้ย!’
ฟังๆ แล้วก็อดนึกขำปนกลุ้มเสียไม่ได้ อาจจะเพราะบิดาพร่ำสอนให้ลูกๆ รู้จักอดทน และหยิ่งในเกียรติของตนเองกระมัง ตรีทิพย์ถึงดิ้นรนหางานเองทั้งที่ทางบ้านก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรนัก แถมยังมีพี่ๆ ที่แข็งแกร่งในอาชีพของตนเองถึงสองคน แต่ตรีทิพย์ก็ยังอยากจะมีประสบการณ์ทำงาน เจ้าหล่อนบอกว่าเรียนมาตั้งนาน จะให้มานั่งเฉยๆ นอนกลิ้งไปกลิ้งมา เสียดายความรู้แย่ แล้วจะให้ไปทำงานกับพี่ๆ ก็คงจะเหมือนไปเที่ยวเล่น เพราะทั้งตรีศิลป์และตรีศรรักน้องสาวนัก คงไม่กล้าใช้งานอะไรเจ้าตัวมากนัก ทุกวันนี้เลยต้องทนฟังลูกสาวมาบ่นถึงเจ้านายมาดขรึม ดุสะบัดอย่างเอกรินทร์เกือบทุกวัน
“แม่ครับ ค้อนผมแต่เช้าเลย ไปหาพี่ใหญ่มาหลายวันคิดถึงผมล่ะสิ มามะขอหอมสักฟอด”
ตรีศรเห็นมารดานั่งค้อนตนเองขวับๆ อยู่ก็ปราดเข้าไปกอดท่านแน่นๆ อย่างจะแกล้ง ทำให้ลัดดาต้องตีแขนเขาอย่างหมั่นไส้ เห็นต่างหูเพชรของบุตรชายแล้วก็หรี่ตา พลางเอ่ยเสียงดุๆ
“แกเปลี่ยนรสนิยมแล้วหรือไงกันตารอง”
“เอ๋?” ชายหนุ่มทำหน้างงๆ กับสิ่งที่มารดาว่า ท่านค้อนเขาอีกขวับแล้วจับติ่งหูเขาพลางกดเบาๆ ชายหนุ่มหัวเราะก๊าก แล้วแสร้งทำสะดิ้งอย่างมีจริต
“ว่าจะลองดูเหมือนกันล่ะฮ้า ท่าทางจะดีแบบแปลกๆ โอ๊ยๆ แม่ครับผมล้อเล่น เจ็บนะครับ หูผมฉีกไปจะเป็นยังไงกัน”
“อย่ามาทำเพี้ยนแถวนี้นะตารอง ถ้าเกิดแกไปเป็นแบบนั้นเข้าจริงๆ ฉันจะตัดแม่ตัดลูก แล้วพ่อแกน่ะ ไล่ยิงแกแน่ๆ”
“โธ่...ผมล้อเล่นหรอกครับแม่ ยังไม่เบื่อผู้หญิงถึงขนาดจะกลายไปเป็นสาวเสียเองหรอกครับ”
นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของคนพูด เปล่งประกายระยับ คราวนี้เลยโดนมารดาตีเอาอีกสองสามที จนเขาต้องครางเสียงอ่อย
“เจ็บนะครับแม่ ขยันทำร้ายร่างกายผมจริงๆ ไปหาพี่ใหญ่กับน้องเก๋กลับมา แล้วมาทำร้ายลูกชายคนรอง แบบนี้หมายความว่ายังไงครับ ผมเป็นหมาหัวเน่าใช่ไหม?”
ว่าแล้วก็ทำหน้างอน สะดิ้งใส่มารดาอีกรอบ ลัดดาได้แต่ส่ายหน้าช้าๆ ขำก็ขำฉิวก็ฉิว ลูกชายคนรองคนนี้นัก เออหนอ...เมื่อไหร่จะโตสักทีนะ แล้วเมื่อไหร่เธอจะได้หายห่วงตรีศรเสียที
“เมื่อไหร่แกจะมีแฟนเป็นทางการ แต่งงแต่งงานไปเสียทีนะตารอง อายุก็ป่านนี้แล้ว มีครอบครัวได้แล้วนะลูก แม่น่ะไปดูๆ ลูกสาวของคุณหญิงชมจันทร์...”
“จริงสิครับ วันนี้ผมมีงาน ไปก่อนนะครับแม่ ผมหาของผมเองได้ครับเรื่องแฟนน่ะ แม่ไม่ต้องห่วงผมหรอก”
ชายหนุ่มลุกพรวดขึ้นเลยทันที เมื่อมารดาวกมาหาเรื่องนี้ ลัดดาเองได้แต่อ้าปากค้าง เมื่อเจ้าตัวแสบลุกแล้วหนีเอาดื้อๆ นางได้แต่ถอนใจ พลางส่ายหน้าไปมาอย่างไม่รู้จะทำอะไรดีมากไปกว่านั้นแล้ว หนักอกหนักใจไม่วายกับบุตรชายคนรอง
“ตารองนะตารอง พูดถึงเรื่องนี้ทีไร เผ่นทุกทีสิน่า เฮ้อ...แต่เราก็ไม่ถนัดบังคับใจลูกเสียด้วย ก็คงจะต้องให้หาเอาเอง ไม่รู้ว่าผู้หญิงแบบไหนนะ ถึงจะมาควบคุมลูกชายของฉันได้อยู่มือ”
หรือจะต้องรอไปอีกสักสิบปีกันนะ กว่าที่พ่อลูกชายจะยอมสละโสด คงจะต้องปล่อยให้พรหมลิขิตบนฟากฟ้า ช่วยพาคู่มาให้ตรีศรเร็วๆ ทีด้วยเถอะ...
......
“แม่นี่น่ากลัวจริงๆ เลยแหะ เผลอทีไรเป็นอันต้องชักศึกเข้าบ้านเราทุกทีสิน่า”
ตรีศรบ่นพึมพำ ก่อนจะหัวเราะเบาๆ เมื่อนึกถึงมารดา ที่พักหลังๆ บ่นเขาแบบทั้งเช้าทั้งเย็น เรื่องที่เขายังไม่ยอมมีแฟนเป็นตัวเป็นตน แถมยังเริ่มจะชักนำคนนั้นคนนี้ให้มาทำความรู้จักให้เสียอีก อย่าว่าแต่มารดาเลย พันเอกไสวบิดา บางทียังเคยเปรยๆ ขึ้นทำเอาเขาสะดุ้งโหยง
‘ลูกเรามันหาเมียเองไม่เป็น สงสัยเราต้องหาให้ล่ะมั้งคุณ’
ไม่ใช่ว่าหาเองไม่เป็น แต่ยังไม่อยากจะหาต่างหากเล่า ตรีศรคิดในใจ ตัวอย่างมีให้เห็นเยอะแยะไป เพื่อนๆ ของเขากี่คนแล้วที่มาบ่นว่าแต่งงานไปแล้วเหมือนตกนรก บางคนก็บ่นว่าเหมือนอยู่ในคุก หลายคู่แต่งไม่กี่เดือนก็ต้องเลิกรากันไป เพราะเหตุผลสากลข้อที่ว่าเข้ากันไม่ได้ ดูแล้วคนมีคู่มีแต่เรื่องปวดหัวปวดใจ แล้วมันเรื่องอะไรเขาจะสอดเท้าตัวเองเข้าไปหาความยุ่งยากด้วยเล่า
แม้ตัวอย่างดีๆ ชีวิตคู่อันอบอุ่นจะมีให้เห็น แต่ตรีศรก็มองเรื่องของการแต่งงานเป็นเรื่องที่ชีวิตต้องดิ่งลงไปในมุมของปัญหา และการหมดอิสรภาพไปเสียแล้ว เขาจึงไม่คิดจะมองในด้านดีของมันเลย
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ชายหนุ่มจึงควานหาแล้วกดรับ ไม่ได้ใช้บูลทูธเพราะว่ารีบและลืมตัวไปว่าตัวเองกำลังขับรถอยู่ และทำผิดกฎจราจรเข้าเสียแล้ว
“ว่าไงวะ”
“ถึงไหนแล้ว อืดเป็นเต่าเลยนะมึง ไอ้รอง เร็วๆ หน่อยสิวะ รอนานแล้วนะโว๊ย!”