บทที่ 20 ข่มขู่
"จื่อชิงข้าจะทำเช่นไรดีในหนังสือวังวสันต์ที่เจ้าให้มาข้าล้วนพยายามทำท่าทางเช่นนั้นแต่จอมมารกลับใช้เชือกรัดร่างของข้าจนกลายเป็นดักแด้ไปแล้วเจ้าก็เห็น หรือว่าตัวข้าหาได้มีเสน่ห์แบบสตรีอื่น"
ฮวาเย่ห์หยวนเอ่ยอย่างกลัดกลุ้มแม้จะรู้ว่าตนเองกับจื่อชิงต่างก็ด้อยประสบการณ์ปรึกษากันไปมาก็ไม่ได้สิ่งใดแต่ก็ไม่รู้จะหาที่พึ่งจากที่ไหนดี
จื่อชิงในฐานะผู้ช่วยนายหญิงก็พยายามจนศีรษะแทบระเบิดก็ยังคิดหาวิธีไม่ออก ด้วยนายหญิงพยายามยั่วยวนจอมมารมาเนิ่นนานแล้ว จอมมารยังนิ่งเฉยทำท่าไม่รับรู้สิ่งที่นายหญิงกระทำแม้แต่จะชายตาแลยังไม่เคย
เพื่อช่วยนายหญิงจื่อชิงจึงคอยสืบเสาะหาวิธีการกับบรรดาศิษย์มารน้อยใหญ่ด้านล่างหุบเขาด้วยความตั้งใจแต่ไม่ว่าวิธีการใดล้วนไม่ได้ผล จวบจนวันหนึ่งจื่อชิงวิ่งกระหืดกระหอบมาแจ้งข่าวดีกับนายหญิงของนาง
"นายหญิงว่ากันว่ามีผลของตาลเสน่ห์ช่วยเพิ่มพลังสตรีหากผู้ใดกินแล้วจะดึงดูดบุรุษแม้แต่จอมมารก็ไม่อาจต้านทานผลตาลวิเศษนี้ได้เจ้าค่ะ หากนายหญิงได้กินเข้าไปบ่าวว่าท่านจอมมารย่อมไปไหนไม่รอด"
"จริงหรือจื่อชิงเจ้าไปเอาเรื่องนี้มาจากที่ใดหากเป็นเรื่องจริงจอมมารย่อมเสร็จข้า ข้าจะทำให้เขาเชื่อฟังทุกสิ่งเลย"
ฮวาเย่ห์หยวนมีสีหน้าเบิกบานเต็มไปด้วยความหวังอย่างเห็นได้ชัด
"แล้วผลตาลเสน่ห์ที่ว่านี่อยู่ที่ใดกันเร็วรีบบอกข้าเร็ว"
ครานี้จื่อชิงกลับอึกอักสีหน้าลังเล ฮวาเย่ห์หยวนขมวดคิ้วแล้วเอ่ยขึ้น
"เหตุใดทำสีหน้าเช่นนี้ เจ้าล้อข้าเล่นหรือ"
"นายหญิงคือว่า ผลตาลเสน่ห์เป็นผลไม้ที่ใช้เลี้ยงลูกมังกรไฟแรกเกิดอยู่ในหุบเขามังกรยากจะเข้าไปเจ้าค่ะ"
"ข้าเป็นเซียนข้าจะไปที่นั่นย่อมง่ายดาย"
ฮวาเย่ห์หยวนมั่นใจในฝีมือตนเองแม้จะสู้จอมมารไม่ได้แต่ตบะของนางที่ตั้งใจฝึกฝนมากว่าหมื่นปีย่อมสามารถชนะแม่มังกรเพียงตัวเดียวได้
"นายหญิงยังคงยังไม่รู้หุบเขามังกรมีมังกรเป็นพันตัวอีกทั้งต้นตาลเสน่ห์อยู่กลางหุบเขาแม้แต่องค์เง็กเซียนหรือจอมมารยังไม่กล้าเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงเจ้าค่ะ"
"มังกรพันตัว"
ครานี้ฮวาเย่ห์หยวนถึงกับลมจับ มังกรไฟเป็นสัตว์ที่ไม่สุงสิงกับโลกภายนอกหวงแหนที่อยู่อาศัยและหวงลูกน้อยนัก เรื่องนี้ไม่ว่าผู้ใดย่อมรู้ดีถ้าต่อสู้เพียงตัวสองตัวนางย่อมมีวิธีแต่หากเป็นพันนางคงได้กลายร่างเป็นจิ้งจอกย่างโดยไม่ต้องสงสัยครานี้หมดโอกาสที่จะได้ยั่วผู้ใดเป็นแน่
"นายหญิงท่านอย่าทำใบหน้าเช่นนี้สิเจ้าคะจื่อชิงจะช่วยนายหญิงหาวิธีเอาผลตาลเสน่ห์มาให้ได้ ในอดีตว่ากันว่ามีผู้ที่ได้ลิ้มรสผลตาลเสน่ห์นี้แต่คนผู้นั้นไม่เปิดเผยว่าเข้าไปได้อย่างไร เพียงเราสืบเสาะหาความจริงในข้อนี้ย่อมต้องมีวิธีเข้าไป"
"ในเมื่อเจ้ายังไม่สิ้นหวังข้าย่อมเชื่อเจ้า ไปเถิดจื่อชิงไปสืบข่าวมาให้ข้าตอนนี้ข้าร้อนใจนัก"
จื่อชิงหายไปสืบข่าวจวบจนเวลาพลบค่ำจื่อชิงก็ย้อนกลับมาทำหน้าที่หุงหาอาหารมาให้ฮวาเย่ห์หยวนดังเดิม
ฮวาเย่ห์หยวนมองหน้าจื่อชิงแล้วคิดว่าคงไม่ผิดจากที่คาดจื่อชิงไม่ได้ข่าวอะไรเพิ่มเติม นางจึงทอดถอนใจออกมางานนี้ยากกว่าให้นางนั่งนับเม็ดทรายในท้องทะเลทักษิณอีก
"จื่อชิงเหตุใดนำเนื้อมาให้ข้าเล่าอาหารเจของข้าอยู่ที่ใด"
ฮวาเย่ห์หยวนมองอาหารตรงหน้าแล้วประหลาดใจ เมื่อพบว่ามีเนื้อสัตว์สารพัดอยู่ด้านหน้า
"หาใช่ข้าเจ้าค่ะ เป็นจอมมารที่ให้จัดให้ท่าน"
"เขาไม่รู้หรือว่าข้ากินเจอีกทั้งเขาจะมาสนใจอาหารของข้าด้วยเรื่องอันใด"
"นายหญิงท่านกินเถิดเจ้าค่ะจอมคำสั่งจอมมารไม่มีผู้ใดปฏิเสธได้" จื่อชิงอ้อนวอน
"ไม่เอาข้าไม่ทำร้ายสัตว์ข้าเป็นเซียนย่อมกินเจ"
"แต่เซียนบางคนก็กินเนื้อสัตว์นะเจ้าคะสัตว์ที่ตายแล้วกินได้"
"เจ้าไปรู้เรื่องพวกนี้มาจากที่ใดเซียนที่ไหนจะกินเนื้อสัตว์"
"หลิ่วจงเล่าให้ฟังเจ้าค่ะ เขาเคยฝึกวิถีเซียนมาก่อน"
"หลิ่วจงเป็นหมูจอมตะกละเจ้าเชื่อเขาได้อย่างไร ข้าไม่กิน" นางส่ายหน้าพลางดันถ้วยอาหารออกห่างกาย
"กินให้หมด"
พลันเงาดำของร่างสูงก็ทาบทับร่างของนางลงมา ฮวาเย่ห์หยวนคิดไม่ถึงว่าวันนี้คนผู้นี้จะโผล่มาที่มื้ออาหารของนางได้ จึงได้แต่ตอบอุบอิบออกไป
"ข้าไม่กินเนื้อข้ากินเจ"
เขาขยับเพียงนิดเดียวก็มานั่งข้างกายของนางแล้วบีบคางให้ฮวาเย่ห์หยวนอ้าปากกว้างพลางยัดชิ้นเนื้อเข้าไปในปากของฮวาเย่ห์หยวนด้วยความรวดเร็ว เขาจ้องนางใช้สายตาขู่เข็ญบอกว่าหากนางไม่กินนางก็ต้องตาย
ฮวาเย่ห์หยวนจ้องมองเขาด้วยโทสะ จอมมารจะมากเกินไปแล้วเหตุใดจู่ๆ มาบังคับให้กินเนื้อเล่า
แม้จอมมารจะทำเช่นนั้นนางก็หาได้ขัดขืนจวบจนเห็นว่าเขายอมปล่อยนางแล้วกลับไปนั่งที่เดิม ฮวาเย่ห์หยวนอาศัยช่วงที่เขาก้มหน้าคีบอาหารให้ตนเองแอบคายชิ้นเนื้อนั้นทิ้ง
นึกไม่ถึงว่าครานี้ร่างของจื่อชิงกลับลอยจากพื้นพร้อมเสียงหวีดร้องด้วยความเจ็บปวด
"นายหญิงเจ้าขาช่วยบ่าวด้วย"