บทที่ 16 สุสานปริศนา
จอมมารกล่าวจบก็คว้าร่างของฮวาเย่ห์หยวนขึ้นจับนางพาดบ่าพานางหายตัวมายังตำหนักมารอย่างว่องไว ทิ้งหวังจิ่นอีไว้ด้านหลังโดยไม่สนใจอีกต่อไป
“ท่านจอมมารปล่อยข้าเถิด จอมมารลี่ปล่อยข้า”
ฮวาเย่ห์หยวนยังมึนงง เรื่องราวระหว่างจอมมารกับอาเซี่ยนดูแล้วช่างลึกลับซับซ้อนนัก พวกเขามีสัมพันธ์อย่างไรกันแน่นะ เขาพาร่างของนางเข้ามายังตำหนักโยนนางลงในอ่างน้ำเย็นจนน้ำกระจาย
"ชำระร่างกายซะกลิ่นของเจ้าช่างน่ารังเกียจยิ่ง"
ได้ยินเช่นนั้นฮวาเย่ห์หยวนหาได้รอช้าฮวาเย่ห์หยวนหนาวสั่นจนฟันกระทบกันนางอาบน้ำอย่างเร่งรีบ เขาหายไปแล้วนางจึงตะเกียกตะกายถอดเสื้อผ้าที่เปียกออกจากตัวแล้วหาอาภรณ์ที่แห้งและสะอาดมาห่อหุ้มร่างกาย
นางยังเข็ดหลาบไม่กล้าใช้พลังเซียนเสกอาภรณ์ที่นี่กลัวกระบี่ปราบมารนั่นจะย้อนกลับมาทำร้าย
ไม่นานจอมมารก็กลับมาฮวาเย่ห์หยวนยังหาอาภรณ์ไม่ได้จึงคว้าได้เพียงผ้าห่มของเขามาคลุมร่างเอาไว้
เขาหาได้สนใจตวัดผ้าห่มขึ้นดึงแขนของนางออกมาแล้วเทยาลงบนบาดแผลของนาง ฮวาเย่ห์หยวนไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหนจึงไม่กล้าปริปากกล่าวคำใดออกไป
ใส่ยาเสร็จเขาก็จากไปทิ้งนางไว้ในตำหนักมืดๆ และเย็นเพียงลำพัง ฮวาเย่ห์หยวนไร้อาภรณ์จึงห่อหุ้มร่างกายตนเองด้วยผ้าห่มแน่นหนาเดินสำรวจภายในตำหนักอย่างระแวดระวัง ในตำหนักนี้เหมือนตำหนักร้างนอกจากหนังสือแล้วก็ไม่มีสิ่งใด แม้แต่องครักษ์สักคนนางก็ไม่เห็นแล้วจอมมารหายไปไหนนะ
เมื่อสักครู่ตอนที่เขาใส่ยาให้ฮวาเย่ห์หยวนไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองเขาตรงๆ เขาคงคิดจะเลี้ยงดูนางให้ดีเพื่อเอาไว้กินเลือดกระมังจึงได้ดูมีน้ำใจต่อนางเช่นนี้
โชคดีมากจริงๆ ที่เขาไม่ฆ่านาง เพียงแค่สัมผัสฮวาเย่ห์หยวนก็รับรู้ว่าตบะของเขาแก่กล้าเพียงใด สำหรับเขาแล้วนางเป็นเพียงมดปลวกตัวหนึ่งเท่านั้นรอดมาได้ครานี้เห็นทีเป็นเพราะสวรรค์ต้องการให้นางทำภารกิจสำเร็จกระมัง
ฮวาเย่ห์หยวนรอคอยจอมมารทั้งคืนด้วยความกระสับกระส่าย เขาทิ้งนางไว้ที่นี่จริงๆ จวบจนกระทั่งรุ่งเช้าเขาก็ไม่โผล่หน้ามา มีเพียงสตรีหนึ่งนางที่เขาส่งมาเป็นคนรับใช้คอยดูแลนำอาภรณ์และอาหารมาให้ ฮวาเย่ห์หยวนแม้จะอยู่ในแดนมารก็ไม่กินเนื้ออาหารที่เขาให้คนนำมาให้เต็มไปด้วยเนื้อสัตว์นานาชนิด ฮวาเย่หยวนเลือกที่จะกินเพียงข้าวเปล่าเท่านั้น
"เหตุใดนายหญิงจึงไม่กินอาหารเจ้าคะ"
"ข้าไม่กินเนื้อคราวหน้าขออาหารเจนะ"
คนรับใช้คนนี้รูปร่างอรชรมีนามว่าจื่อชิงเข้าลัทธิมารมาตั้งแต่เด็กแต่ไม่เคยออกจากแดนมารแม้แต่ครั้งเดียวนางจึงไร้เดียงสานัก
"หากไม่กินเนื้อจะบำรุงเลือดได้อย่างไรเจ้าคะเลือดของท่านใช้หล่อเลี้ยงดอกไม้สวรรค์นะเจ้าคะ บ่าวไม่ค่อยรู้เรื่องภายนอกแต่เรื่องอาหารบำรุงบ่าวเก่งยิ่งนัก"
"จื่อชิงข้ากินเจเจ้าไม่ต้องลำบากหรอกร่างกายข้าเคยชินกับอาหารเจมานานกว่าหมื่นปี อย่าทำให้ข้าต้องลำบากใจเลยนะ"
ฮวาเย่ห์หยวนรู้สึกอดสูอีกคราเมื่อตนเองได้กลายเป็นปุ๋ยของดอกไม้สวรรค์ไปอย่างถาวรแล้ว บำรุงเลือดเลี้ยงดอกไม้เจ้าช่างน่าขันสิ้นดีเซียนจิ้งจอก
จื่อชิงจึงยอมล่าถอยออกไป ไม่นานจื่อชิงก็กลับเข้ามาพร้อมกับถังสองใบ
"ไปกันเถอะเจ้าค่ะ" จื่อชิงเอ่ยขึ้น
"ไปที่ใด" ฮวาเย่ห์หยวนเกาศีรษะมึนงง
"จอมมารให้ท่านรับหน้าที่ดูแลสุสานต้องห้ามเจ้าค่ะ ตั้งแต่วันนี้ต่อไปจื่อชิงมีหน้าที่เป็นผู้ช่วยของท่าน"
ฮวาเย่หยวนจึงจำใจเดินตามจื่อชิงไปอย่างอดสู นางตั้งใจมายั่วยวนเขากลับถูกจอมมารส่งไปเป็นคนสวนดูแลสุสาน ปกติหน้าที่นี้ต้องเป็นของคนชราไม่ใช่หรือ แล้วภารกิจของนางเล่าจะทำเช่นไรนางจะได้เจอจอมมารอีกหรือไม่ หรือจะต้องย้ายมาอยู่ที่สุสานกินนอนอยู่ที่นี่ตลอดไป
"จื่อชิงเจ้าพบจอมมารบ่อยหรือไม่"
จื่อชิงส่ายหน้า "ไม่เจ้าค่ะสักหลายปีจะพบหน้าหนึ่งครั้ง ปกติจอมมารชอบเก็บตัวหากไม่จำเป็นจะบำเพ็ญเพียรอยู่ในถ้ำไม่ออกมาพบผู้ใด"
ฮวาเย่ห์หยวนพูดไม่ออกนางคงไม่ต้องรอถึงร้อยปีหรอกนะ หึ จอมมารนะจอมมารข้าจะทำเช่นไรดีถึงจะได้ใกล้ชิดท่าน ถามจื่อชิงนางก็ไม่รู้สิ่งใดเลยสักอย่าง ไม่ได้การล่ะ นางต้องรีบหาวิธี
เมื่อมาถึงสุสานฮวาเย่ห์หยวนก็พบว่าช่างแตกต่างจากเมื่อคืน สุสานที่ดูอ้างว้างบัดนี้รายล้อมไปด้วยดอกไม้ดูงดงามและมีชีวิตชีวากลิ่นสวรรค์คลาคล่ำอยู่ภายในสร้างความรู้สึกอบอุ่นสดชื่นให้กับฮวาเย่ห์หยวนนัก