บทที่ 15 สตรีของอาเซี่ยน
จอมมารยื่นมือออกมาตรงหน้า พลันร่างเล็กของฮวาเย่ห์หยวนก็ลอยขึ้นจากพื้นดินทันใดก่อนพุ่งเข้าสู่กำมือของเขาอีกครั้ง
ฮวาเย่ห์หยวนพยายามคว้าแขนของเขาเอาไว้แล้วแกะมือหนาแข็งแกร่งราวกับคีมเหล็กออกสุดชีวิต แววตาของเขาเย็นเยียบสีหน้าเต็มไปด้วยไอสังหารเขาค่อยๆ ออกแรงบีบลำคอของฮวาเย่ห์หยวน นางรู้สึกว่าลมหายใจถูกช่วงชิงเรี่ยวแรงที่มีอ่อนล้าความหวังพังทลายลงฉับพลัน
ลาก่อนหนึ่งหมื่นปีที่ข้าเฝ้าบำเพ็ญเพียรมาอย่างยากลำบาก นี่คือสิ่งสุดท้ายที่ฮวาเย่ห์หยวนคิดได้ในตอนนี้
"ช้าก่อนท่านจอมมารนางเป็นคนของอาเซี่ยน"
เสียงคุ้นเคยของคนผู้หนึ่งดังขึ้น ดูเหมือนจอมมารจะไม่แยแสเขากำรอบลำคอของนางแน่นขึ้นยิ้มเย็นเหี้ยมโหด
หวังจิ่นอีกระโดดร่างเข้าคว้าแขนของเขาไว้ แล้วเอ่ยเสียงดังคำเดิมออกมา
"ท่านจอมมารโปรดละเว้นนางคือคนของอาเซี่ยน คนของอาเซี่ยน"
จอมมารหันมามองใบหน้าของหวังจิ่นอี แววตาไหววูบก่อนจะส่งเสียงฮึดฮัดออกมาแล้วเหวี่ยงร่างบางของฮวาเยห์หยวนลงสู่พื่้นดิน หญิงสาวกุมลำคอตนเอง สูดลมหายใจอย่างตะกละเข้าจนเต็มปอดทั้งไอทั้งหอบไม่หยุด ก่อนจะเงยหน้ามองบุรุษสองคนใช้สายตาสนทนากันโดยไม่เอ่ยปาก ผ่านไปชั่วครู่ฮวาเย่ห์หยวนรู้สึกดีขึ้น นางพอมีเรี่ยวแรงอาศัยจังหวะที่คนทั้งคู่ละสายตาจากนางไปลากสังขารไร้เรี่ยวแรงของตนเองไปหลบซ่อนอยู่ด้านหลังหลุมศพ
เลือดของนางหยดเป็นทางตามรอยที่นางกระเสือกกระสนร่างกายเพื่อแอบซ่อน ฉันพลันสิ่งที่น่าอัศจรรย์ก็เกิดขึ้น ดอกไม้รอบหลุมศพที่แห้งเหี่ยวกลับมีชีวิตชีวา ฮวาเย่ห์หยวนสัมผัสได้ถึงไอเซียนรุนแรงรอบหลุมศพแห่งนี้ ทุกจุดที่เลือดของนางหยดลงดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาและตายแล้วกลับฟื้นขึ้นมามีชีวิตเบ่งบานอย่างสวยงาม
ไอเซียนส่งกลิ่นแรงขึ้นไปอีกทำให้มารทั้งสองหันขวับมาครานี้พวกเขาจ้องหลุมศพและฮวาเย่ห์หยวนโดยไม่ละสายตา ฮวาเย่ห์หยวนเห็นว่าหวังจิ่นอีหยุดจอมมารได้ และชื่อของอาเซี่ยนก็ทำให้จอมมารเกรงใจจึงคิดว่าตนเองรอดแล้ว กระนั้นก็ยังไม่วายที่จะซุกกายหวังจะหลบซ่อนจากคนน่าหวาดกลัวผู้นั้น
"เจ้าทำสิ่งใดเหตุใดดอกไม้ถึงบานได้"
เป็นหวังจิ่นอีที่เอ่ยขึ้นอย่างฉงนและแฝงไว้ด้วยความดีใจล้นเหลือ
"ข้าไม่รู้"
ฮวาเย่ห์หยวนตอบอึกอัก จนกระทั่งสังเกตเห็นว่ามีเลือดของตนเองอยู่บนปลายดอกสวรรค์ดอกหนึ่ง สมองครุ่นคิดว่องไวกัดนิ้วของตนเองและหยดลงบนกลีบดอกที่แห้งเหี่ยวใต้ฝ่าเท้า ฉับพลันความอัศจรรย์ก็เกิดขึ้นเมื่อดอกไม้ดอกนั้นเติบโตงดงามเบ่งบานหอมกรุ่น
การกระทำของนางสร้างความตกตะลึงให้เกิดขึ้นในใจของบุรุษร่างสูง ลำแสงสีทองเรืองรองเบ่งบานของดอกไม้สวรรค์ทำให้จิตใจของจอมมารคลายโทสะ
กลิ่นอายเซียนรุนแรงจนสั่นสะเทือนกระบี่ปราบเซียนด้านนอกนับล้านๆ เล่มให้มารวมตัวรายล้อมสุสานแห่งนี้ไว้ ฮวาเย่ห์หยวนมองกระบี่นับล้านอยู่ด้านนอกแล้วกลืนน้ำลายลงคอเอื๊อกใหญ่ นางทำสิ่งใดผิดอีกกันแน่ถึงได้กระบี่ปราบเซียนโดนรุมล้อมเช่นนี้นางหาได้ใช้พลังเซียนแม้แต่น้อย
จอมมารมองไปยังกระบี่ปราบเซียนร่ายอาคมแล้วตวัดมือเบาๆ กระบี่นับล้านพลันลอยกลับไปยังที่เดิมอย่างเงียบสงบ ฮวาเย่ห์หยวนถอนหายใจอย่างโล่งอก นางค่อยๆ ยืนขึ้นพยายามส่งยิ้มหวานหยดให้คนน่ากลัวผู้นั้น
"ข้าน้อยฮวาเย่ห์หยวนเสียมารยาทต่อท่านจอมมารแล้ว" นางยอบกายลงด้วยท่าทางที่คิดว่างดงามที่สุด
เขาเดินตรงมายังร่างเล็กของนางดึงกระบี่ออกมาจากข้างเอวกรีดแขนของฮวาเย่ห์หยวนอย่างว่องไว หญิงสาวเบิกตากว้างเขายังคิดจะฆ่านางอีกหรือ นางมองที่ข้อมือและมองไปยังหวังจิ่นอีส่งสายตาให้เขาช่วยเหลือ หวังจิ่นอีเพียงยืนนิ่งๆ พยักหน้าส่งสัญญาณว่านางจะไม่เป็นอะไร
ฮวาเย่ห์หยวนมองข้อมือที่ถูกกระบี่มารเชือดพบเพียงรอยแผลเล็กน้อยเท่านั้นเลือดของนางซึมออกมา จอมมารผู้เกรียงไกรก้มลงเลียเลือดที่ไหลออกมาแผ่วเบา ฮวาเย่ห์หยวนตกใจเมื่อดูเหมือนว่าเขากำลังดูดเลือดของนางเข้าไปเต็มคำ
เขาปล่อยข้อมือของนางออกภายใต้หน้ากากนั้นแววตาของเขาเหยียดหยัน ฮวาเย่ห์หยวนจ้องมองปากของเขาที่เต็มไปด้วยสีแดงจากเลือดของนาง เขากินเลือดของนางไม่ผิดจอมมารผู้นี้ดูดเลือดเซียนเป็นอาหาร นางรู้สึกหวาดหวั่นนี่นางต้องสังเวยตนเองทั้งร่างกายและเลือดเนื้อเพื่อภารกิจที่ไม่รู้ว่าจะสำเร็จจริงๆ หรือ
"เจ้าก็รู้ว่าข้าเกลียดพวกเทพเซียนเพียงใดและที่ข้าปล่อยนางเอาไว้เพราะไม่อยากลดตัวเข้าไปข้องเกี่ยว แต่วันนี้นางขึ้นมาหาเรื่องถึงที่นี่เจ้าจะให้ข้าปล่อยนางไปหรือ"
จอมมารมองหวังจิ่นอีแล้วเอ่ยเสียงเย็น
"ท่านจอมมารข้าเห็นว่านางเป็นผู้ที่ทำให้ดอกไม้ข้างหลุมศพเบ่งบาน เพียงเท่านี้ก็คงเพียงพอที่จะไว้ชีวิตนางแล้วกระมัง"
จอมมารนิ่งอึ้งไปสักครู่คล้ายยอมรับ เขากล่าวเสียงเบาออกมา
"ข้าพยายามปลูกดอกไม้สวรรค์ที่นี่มานานกลับไร้ผลวันนี้เพราะเซียนชั้นต่ำที่น่ารังเกียจเช่นนางกลับทำให้ดอกไม้นี้เบ่งบาน"
"อีกทั้งนางเป็นคนของอาเซี่ยนท่านไม่อาจฆ่านางได้" หวังจิ่นอียังเอ่ยต่อ
"นางคือสตรีของอาเซี่ยนหรือ น่าสนใจดีนี่"
จอมมารยกยิ้มเหี้ยมเกรียม