บทที่ 13 ผู้ชี้แนะ
ฮวาเย่ห์หยวนเดินกลับมาเมื่อเห็นว่าได้เวลาพอสมควร อาเซี่ยนกวักมือเรียกนางพอดีฮวาเย่ห์หยวนหยุดเท้าที่ข้างกายอาเซี่ยน ลอบมองหวังจิ่นอีทีหนึ่ง เห็นเขาทำท่าทางนอบน้อมกับนางผิดกับตอนแรกที่พบก็รู้สึกแปลกใจนัก
"ข้ามอบฐานะศิษย์ของฝ่ายมารให้เจ้าแล้ว ต่อไปก็อยู่ที่เจ้าว่าจะทำสิ่งที่เจ้าได้รับมอบหมายได้สำเร็จหรือไม่ หาวิธีพาตนเองเข้าไปสู่ข้างกายจอมมารใช้สิ่งที่เจ้ามีให้เป็นประโยชน์หากสิ่งใดเกินรับมือก็ให้ถอยออกมาเพียงเจ้าเรียกข้าจะมาอยู่ข้างกายเจ้าทันที ข้าอยู่แดนมารได้ไม่นานรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวทุกที”
อาเซี่ยนขยับกายงดงามแล้วกุมมือของนางพร้อมตบที่หลังมือเบาๆ อย่างให้กำลังใจ
“ท่านจะไปแล้วหรือ”
“อืมเจ้าไม่ต้องกลัว มีหัวหน้าหวังอยู่ที่นี่เขาจะคุ้มครองเจ้าเอง”
ฮวาเย่ห์หยวนมองเขาตาละห้อยรู้สึกใจคอไม่ดีนัก นางอยู่กับอาเซี่ยนมานานจนติดเขาไปแล้ว บัดนี้ตนเองกำลังยืนอยู่ในดินแดนที่ไม่คุ้นเคยในใจรู้สึกวูบไหวหวาดกลัวอย่างประหลาด
“ดวงตะวันใกล้ลับขอบฟ้าแล้วถึงเวลาที่ข้าต้องกลับ ดินแดนมารเวลาจะเชื่องช้านักผิดกับที่แดนมนุษย์ที่ว่องไวเจ้ารู้ใช่หรือไม่"
“ข้ารู้”
“เกิดเรื่องอันใดเกินรับมือจงเรียกข้า”
“ขอบคุณท่านมากรบกวนท่านแล้ว”
กล่าวจบอาเซี่ยนก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว เป็นเพราะตอนมาฮวาเย่ห์หยวนไม่สามารถใช้พลังเซียนเข้ามาได้ อาเซี่ยนจึงพานางมาตามทางเข้าออกปกติแต่ตอนไปเขากลับออกไปอย่างรวดเร็วจนฮวาเย่ห์หยวนไม่ได้เอ่ยปากขอบคุณและร่ำลาเลยแม้แต่คำเดียว
เวลาผ่านไปนับปีในขณะที่ฮวาเย่ห์หยวนนอนมือก่ายหน้าผากอยู่ในที่พักเพียงลำพัง คิดถึงช่วงเวลาแรกที่เข้ามาอยู่นางต่างโดนมารชั้นต่ำรังแก แต่คนอย่างฮวาเย่ห์หยวนแม้จะไม่สามารถใช้ไอเซียนได้แต่ฝีมือนางหาได้กระจอกงอกง่อยอีกทั้งอาเซี่ยนได้สอนวิชานางโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งไอเซียน เพียงชั่วฝ่ามือฮวาเย่ห์หยวนก็กำราบมารชั้นต่ำพวกนั้นและเหยียบศีรษะพวกมารขึ้นมาเป็นหัวหน้าได้มาอยู่กับมารนางเริ่มซึมซับนิสัยใจกล้าบ้าบิ่นอย่างพวกมารเข้าไปโดยไม่รู้ตัว
ดังนั้นตำแหน่งของนางจึงขยับสูงขึ้นตามฝีมือ นางลุกขึ้นแล้วเดินออกมาจากเรือนพัก พบมารเฝ้ายามผู้หนึ่งกำลังแอบกินไก่ย่างตัวโตจึงเข้าไปทัก มารผู้นั้นสะดุ้งตกใจจนไก่หลุดออกจากมือ เขามองนางด้วยความเดือดดาลครั้นเห็นว่าเป็นสตรีงดงามที่เคยเตะก้นเขามานับครั้งไม่ถ้วนก็ถอยกรูดด้วยความหวาดกลัว
"นายหญิงเป็นท่านหรือ"
"ใช่สินอกจากข้าแล้วจะเป็นผู้ใด" ฮวาเย่ห์หยวนจ้องมองเขาส่งยิ้มงดงามให้
"ข้าไม่ได้แอบกินนะขอนายหญิงอย่าได้รายงานหัวหน้าหวัง"
เขาเอ่ยตะกุกตะกักเช็ดปากด้วยมืออวบอ้วน แม้จะเสียดายไก่ตัวโตที่หล่นอยู่บนพื้นเขาก็ใช้เท้าเตะมันออกไปให้พ้นบริเวณนี้อย่างรวดเร็ว
ฮวาเย่ห์หยวนส่ายหน้าแดนมารแห่งนี้เต็มไปด้วยคนทุกประเภทอ้วนต่ำดำขาวล้วนอยู่ที่นี่หมด มารอ้วนผู้นี้ก็เช่นกันเขายังห่างไกลคำว่ามารมากแม้จะตัวโตแต่ก็ไม่ได้น่ากลัวเลยแม้แต่น้อย
"เจ้ามานี่"
นางกระดิกนิ้วเรียก มารอ้วนมองซ้ายขวาก่อนจะค่อยๆ ก้าวขาเข้าไปตามคำสั่ง ที่นี่ผู้ใดเก่งกว่าผู้นั้นเป็นนายจึงเกิดการท้าประลองกันอยู่เป็นประจำและนายหญิงผู้นี้ก็มีวรยุทธ์สูงส่งปราบมารอย่างพวกเขาราบคาบจนพวกเขาต้องสิโรราบยอมเป็นลูกน้องแต่โดยดี
"นางหญิงมีสิ่งใดจะใช้ข้าหรือขอรับ"
"ข้าจะขึ้นไปหาจอมมารได้อย่างไร" ฮวาเย่ห์หยวนลูบคางครุ่นคิด
"ข้าก็ไม่รู้ขอรับตัวข้าเข้าสู่วิถีมารมานานยังไม่เคยเห็นท่านจอมมารแม้แต่ครั้งเดียว เขาเป็นคนเงียบค่อนข้างเก็บตัวหากไม่ใช่หัวหน้าระดับสูงแล้วการจะพบตัวเขานั้นยากยิ่งนัก"
"เจ้าอยู่มานานยังไม่เคยพบแล้วข้าต้องอยู่นานแค่ไหนถึงจะได้พบ หรือว่าข้าจะใช้แผนสาวงามยั่วยวนเขาดี" นางเอ่ยอย่างปรับทุกข์ไม่ได้สนใจว่าตนเพียงรู้จักมารผู้นี้ได้ไม่ถึงก้านธูปดี เวลานี้เพื่อนคุยคือสิ่งที่ฮวาเย่ห์หยวนต้องการที่สุด และมารอ้วนผู้นี้ท่าทางจะชอบพูดคุยไม่น้อย
"นายหญิงมีเรื่องเล่าว่าสตรีที่เข้าสู่วิถีมารส่วนหนึ่งหวังใช้ความงามเข้ายั่วยวนก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งใหญ่โตแต่ที่ผ่านมาไม่มีผู้ใดทำสำเร็จ บางคนสามารถขึ้นไปได้กลับไม่ถูกใจจอมมาร นางผู้นั้นล้วนถูกจอมมารฆ่าตายแม้แต่วิญญาณก็ถูกท่านจอมมารทำลายจนดับสลาย นับแต่นั้นมาจึงไม่มีผู้ใดกล้าใช้แผนนี้ขอรับ"
มารอ้วนมองซ้ายขวาก่อนจะนั่งลงข้างๆ ฮวาเย่ห์หยวนแล้วกระซิบแผ่วเบา
“เรื่องนี้เชื่อถือได้มากน้อยเพียงใด” ฮวาเย่ห์หยวนเอียงคอถามด้วยความสงสัย
“เป็นเรื่องที่เหล่ามารเล่าสืบกันมาจริงเท็จเพียงใดข้าน้อยไม่รู้จริงๆ ขอรับแต่ถ้าถามคิดว่าคงเป็นเรื่องจริงหาไม่พวกมารจะกุเรื่องขึ้นมาเพื่อประโยชน์อันใด”
"เจ้ายิ่งพูดยิ่งทำให้ข้ากลุ้มจะเข้าหาจอมมารเช่นนั้นเห็นทีจะยากอีกทั้งยังต้องเอาวิญญาณเข้าแลก" ฮวาเย่ห์หยวนปวดหัวแล้ว
"นอกจากท่านจะแอบปีนเขาไปพบท่านจอมมารก็ไม่เห็นจะมีวิธีอื่นแล้วขอรับ"