บทที่ 12 หวังจิ่นอี
ภายในแดนมารดูไม่เลวร้ายอย่างที่ฮวาเย่ห์หยวนคิด ด้านในไม่ได้เป็นป่าน่ากลัวแห้งแล้งเช่นป่าด้านนอก แม้จะไม่งดงามเทียบเท่าแดนสวรรค์แต่ก็นับว่ามีชีวิตชีวาอยู่ไม่น้อย บริเวณที่นางยืนอยู่นี้เป็นป่าชื้น มีตะไคร่น้ำสีเขียวขึ้นอยู่รายรอบ ฮวาเย่ห์หยวนได้ยินเสียงน้ำตกดังอยู่ไม่ไกล
อากาศภายในเย็นสบายมีสีขาวของปุยเมฆลอยไปมาเนื่องจากบริเวณนี้เป็นส่วนบนของภูเขา นางเงยหน้ามองเขาอีกลูกที่อยู่ถัดไปมีตำหนักใหญ่ตั้งอยู่ตรงนั้น อาเซี่ยนบอกว่าที่นั่นเป็นตำหนักของจอมมาร เขาไม่ชอบให้ผู้ใดเกะกะนอกจากทหารมารองครักษ์ไม่กี่คน ผู้อื่นแทบจะไม่ได้พบหน้าจอมมารเลย
ฮวาเย่ห์หยวนนึกถึงคำพูดของอาเซี่ยนเมื่อหลายวันก่อน
"ผู้คนเล่าขานจอมมารอาศัยอยู่บนตำหนักบนสุดในแดนมารภายใต้หน้ากากเหล็กที่สวมปิดใบหน้าที่น่ากลัว ทุกครั้งที่เขาลงจากหุบเขาชาวบ้านต่างภาวนาว่าคงไม่ใช่เมืองของตนเองที่โชคร้ายเป็นที่ระบายอารมณ์ ว่ากันว่าสิ่งที่เขาโปรดปรานคือฆ่าล้างมนุษย์ทั้งเมืองเพื่อความสนุกคล้ายกับการล่าสัตว์เขาฆ่าไม่เว้นแม้แต่เด็กและคนแก่ที่ไร้ทางสู้"
"ท่านขู่ข้าหรือ"
"ข้าเพียงบอกเรื่องจริง"
"แล้วสตรีเล่าเขาไม่มีภรรยาหรือคนรับใช้เลยหรือ"
ฮวาเย่ห์หยวนเม้มปากนางต้องหาช่องว่างเข้าไป เขาเป็นมารที่โหดเหี้ยมเช่นนั้นนางถึงต้องรีบทำให้เขาลุ่มหลงเพื่อช่วยเหลือผู้คนให้เร็วที่สุด
"ก็คงมีเพียงสตรีไม่ซ้ำหน้าส่วนใหญ่แล้วจะเป็นสตรีงดงามที่ต้องการผลประโยชน์บางสิ่งไปแลกเปลี่ยนหากเขาเห็นว่าคุ้มค่าก็จะนอนกับพวกนางและให้สิ่งที่ต้องการไป ดังนั้นจึงมีสตรีเดินทางไปหาเขาเพื่อสิ่งที่ตนเองต้องการจากทั่วสารทิศกระนั้นก็มีเพียงไม่กี่คนที่ได้พบเขา"
ฮวาเย่ห์หยวนครุ่นคิด นางจะยั่วยวนเขาอย่างไรล่ะในเมื่อเขามีสตรีผู้ยอมพลีกายเช่นนั้นไม่ขาด หากนางบอกว่าต้องการให้เขาสงบศึกเพื่อแลกเปลี่ยนกับร่างกายของนาง ครั้นพอมองตนเองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแล้วก็ไม่รู้ว่านางจะต้องตาต้องใจคนผู้นั้นหรือไม่
แล้วหากนางถูกคนของเขาจับโยนออกมาโดยไม่ทันได้อ้าปาก คนน่ากลัวที่ฆ่าผู้อื่นเพื่อความสนุกเช่นนั้นคงลงมือฆ่านางได้ภายในพริบตา
“อาเซี่ยนเจ้าว่าข้างดงามพอที่จอมมารจะเหลียวมองหรือไม่”
อาเซี่ยนแย้มยิ้มเขาหยุดเท้าแล้วหันมาหานาง เชยใบหน้างดงามขึ้นมาแล้วเอ่ยด้วยเสียงทุ้มละไม
“เจ้าหรือ จับจิตข้าเลยล่ะ”
“ไม่ได้หมายถึงท่าน อย่าได้เย้าข้าเล่นเลยจอมมารผู้นั้นต่างหาก”
“ไม่ต้องห่วงหากเจ้าคุณสมบัติไม่เพียงพอข้าก็ไม่เลือกที่จะช่วยเจ้าให้เปลืองแรง”
“ตัวข้าหรืองดงาม”
“มั่นใจในตนเองหน่อย เดินทางมาถึงที่นี่หากเจ้ายังไม่มั่นใจก็จงกลับไปเสียเถิด” อาเซี่ยนกอดอกดวงตาหยอกเย้าเช่นนี้ฮวาเย่ห์หยวนรู้ดีว่าเขาเพียงพูดเพื่อกระตุ้นความกล้าหาญในตัวนาง
“ท่านก็รู้ว่าข้าไม่อาจกลับหลังหันได้”
“เช่นนั้นก็จงทำสิ่งที่เจ้าควรทำ”
แม้จะรู้สึกหวาดกลัวแต่นางก็ก้าวเข้ามาถึงแดนมาร ฮวาเย่ห์หยวนเป็นสุนัขจิ้งจอกเก้าหางจึงไม่รู้ว่าความงดงามแบบเทพเซียนที่นางมีนั้นเรียกว่างดงามขนาดไหน อีกทั้งบนแดนสวรรค์ไม่ว่าหันไปมองผู้ใดก็งดงามด้วยกันทั้งสิ้นครั้นหันมามองบุรุษที่เดินเคียงข้างนางในตอนนี้ฮวาเย่ห์หยวนยังคิดว่าเขาผู้นี้งดงามกว่านางเสียอีก งดงามจนนางเทียบชั้นไม่ติด
อาเซี่ยนพานางเดินเข้ามาจนถึงตำหนักภายในพบหัวหน้ามารหนึ่งนามว่าหวังจิ่นอี
หวังจิ่นอีผู้นี้มีใบหน้าเคร่งขรึมตัวสูงใหญ่ดุจกระทิง มีเขาสองข้างอยู่บนศีรษะน่าเกรงขาม หวังจิ่นอีมีตำแหน่งเป็นผู้ฝึกสอนมารและเป็นผู้ควบคุมกองทัพฝ่ายมารอีกด้วยเรื่องระหว่างหวังจิ่นอีกับอาเซี่ยนนั้นคงมีสัมพันธ์มากกว่าผู้แลกเปลี่ยนวิชาแน่นอน หวังจิ่นอีจึงได้ดูเกรงใจและนอบน้อมต่ออาเซี่ยนเช่นนี้
หวังจิ่นอีมองฮวาเย่ห์หยวนด้วยแววตาว่างเปล่าผิดแผกกับผู้อื่นที่มักมองนางด้วยแววตาหื่นกระหายความจริงเรื่องนี้เป็นเรื่องดีแต่นางกลับรู้สึกไม่มั่นคง นี่เช่นไรเล่าคนผู้นี้ก็คงไม่เห็นว่านางงดงามกระมัง จอมมารช่างเลือกผู้นั้นล่ะคงได้ถีบส่งนางออกมาแน่
หลังอาเซี่ยนแนะนำให้หวังจิ่นอีรู้ว่านางคือผู้ใดและฝากฝังฮวาเย่ห์หยวนให้หวังจิ่นอีช่วยดูแล พวกเขาพูดคุยกันหลายเรื่องที่ฮวาเย่ห์หยวนไม่เข้าใจด้วยความเกรงใจจึงขอตัวเดินออกมาชมป่าอีกด้านไม่ไกลจากอาเซี่ยนและหวังจิ่นอีนัก
"ท่านก็รู้ว่าจอมมารเกลียดเทพเซียนมากเพียงใด เหตุใดยังพานางมา"
"เขาก็คงจะโกรธข้าที่พานางผู้เป็นเซียนมาที่นี่หากเขาจะฆ่าเย่ห์หยวนขอให้ท่านจงช่วยปกป้องนาง ท่านเป็นเพียงคนเดียวที่พูดแทนข้าได้"
อาเซี่ยนเอ่ยขึ้นไม่ทุกข์ร้อนว่าผู้เป็นใหญ่ในที่แห่งนี้จะรู้สึกเช่นไร
"เขาเดือดดาลที่ท่านไม่ยอมอยู่ที่นี่กลับลงไปเกลือกกลั้วพวกมนุษย์ด้านล่าง"
หวังจิ่นอี ถอนหายใจความสัมพันธ์ของคนทั้งสองยากนักที่จะประสานให้คืนดี
"ข้าก็ไม่ได้ไปไกลจากที่นี่เขากับข้าแตกต่างและมีวิถีทางของตนเอง วางใจเถอะอย่างไรเราสองคนก็ไม่อาจละทิ้งความสัมพันธ์กันได้"
อาเซี่ยนวางมือลงบนไหล่หนาของหวังจิ่นอีแล้วหัวเราะร่วนแม้แววตาของเขาจะไม่ได้นึกสนุกเช่นอย่างกิริยาที่แสดงออก