บทที่ 10 ช่วยส่งข้าไปหาจอมมาร
ฮวาเย่ห์หยวนยินยอมบอกเคล็ดลับวิชาสะกดจิตผู้คนให้กับอาเซี่ยนเป็นการแลกเปลี่ยนในการอาศัยอยู่โรงน้ำชาของเขาต่อ สองคนดูจะเข้าอกเข้าใจและสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว จากวันกลายเป็นเดือนที่ช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วความใกล้ชิดทำให้ฮวาเย่ห์หยวนเริ่มหวั่นใจ ความรู้สึกที่มีต่ออาเซี่ยนนับวันยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เช่นนี้แล้วนางจะข้ามไปยังแดนมารเพื่อทำหน้าที่ได้อย่างไร
ในฐานะของนักแสดงแห่งโรงน้ำชาป่ายเสวียนางทำหน้าที่เต็มที่เรียกแขกมากมายถือว่าสร้างกำไรมหาศาลด้วยรูปโฉมและการแสดงที่น่าตื่นเต้นและงดงาม
หลังเสร็จการทำหน้าที่นักแสดงฮวาเย่ห์หยวนเดินตามหาอาเซี่ยนจนทั่วก็ไม่พบจึงคิดว่าเขาคงวุ่นวายอยู่ในห้องลับเป็นแน่ การเข้ามาในห้องนี้ฮวาเย่ห์หยวนต้องระมัดระวังตนเป็นอันมาก ด้วยหลังๆ มาอาเซี่ยนมักฝึกคิดค้นยันต์แปลกๆ มากมายขึ้นเพื่อใช้งาน จนฮวาเย่ห์หยวนเรียกเขาว่าปรมาจารย์แห่งเวทมนต์ไปแล้ว
เพียงลงมาด้านล่าง ฮวาเย่ห์หยวนก็ต้องยกมืออุดหูด้วยมีเสียงระเบิดดังตูมใหญ่พร้อมกับร่างของอาเซี่ยนที่ปลิวออกมาจากเขตอาคมและข้าวของเครื่องใช้ที่แตกกระจายเป็นส่วนย่อยลอยฟุ้งขึ้นด้านบน ฮวาเย่ห์หยวนสูดฝุ่นและไอออกมาหลายคราจวบจนมองเห็นร่างของคนผู้หนึ่งคลุกอยู่กับพื้นพร้อมฝุ่นผงมากมาย
ฮวาเยห์หยวนตกใจนางรีบวิ่งเข้าไปยังร่างสูงที่นอนอยู่บนพื้นดินพยุงให้เขาลุกขึ้นด้วยความเป็นห่วง แม้ว่านางจะเริ่มชินกับสิ่งที่เขาทดลองและได้รับบาดเจ็บแต่ครานี้ดูจะรุนแรงมากกว่าทุกครั้งนางมองเข้าไปยังข่ายอาคมของห้องลับที่เขากางกั้นไว้อย่างแน่นหนา แม้เสียงระเบิดจะรุนแรงข่ายอาคมกลับไม่สะเทือนเลยแม้แต่น้อย
"เกิดอะไรขึ้น" นางถามเขาพลางช่วยปัดฝุ่นผงออกจากอาภรณ์สีม่วงงดงามของเขา
"เย่ห์หยวนไม่ต้องใส่ใจข้าลองใช้ยันต์ทำลายที่เพิ่งทำขึ้นตอนนี้รู้แล้วว่าได้ผลดี" เขาตอบยิ้มๆ ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยรอยดำของเขม่าระเบิด
"ข้ารู้ว่าวรยุทธ์ท่านดีเพียงใดแต่เรื่องอันตรายเช่นนี้อาจทำให้ท่านตายเพียงลำพังอยู่ในนี้"
"ห่วงข้าหรือ"
"ใช่สิท่านเป็นสหายคนแรกของข้าในแดนมนุษย์นี่ในที่นี้นอกจากท่านแล้วจะให้ข้าห่วงผู้ใด"
"ก็ได้ ๆ ข้าจะระวังตัวให้มากหากข้าตายเย่ห์หยวนของข้าจะไม่มีเพื่อนเหลือเลยสินะนับว่าสำคัญ" เขาหัวเราะเบาๆ
"อย่ามาล้อเล่น"
ฮวาเยห์หยวนส่ายหน้า คนผู้นี้ใช้ชีวิตด้วยความสนุกไม่ค่อยสนใจสิ่งใดแต่เขาเป็นผู้มีจิตใจดีงาม หากเขาตายอาจได้ไปเป็นเทพรับใช้ขั้นต่ำบนสวรรค์ในเวลานั้นนางคงจะตามตื๊อให้เขาบำเพ็ญเพียรเพื่อหลุดพ้นจากการเป็นเทพรับใช้จะได้มีอิสรเสรีทำตามใจตนเองได้
ร่างของอาเซี่ยนขยับว่องไวเมื่อจู่ๆ ก็เกิดเสียงดังกร๊อบขึ้นจากด้านหลังเขาดึงนางเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขนใช้ร่างหนาของตนเองบดบังแรงระเบิดที่เกิดขึ้นจนข้าวของหลายสิ่งภายในห้องลับกระเด็นออกมากระแทกคนที่อยู่ภายนอก
ฮวาเย่ห์หยวนเงยหน้าขึ้นมองเขาพลันความอบอุ่นก็บังเกิดขึ้นภายในจิตใจ เสียงระเบิดเบาลงจนเงียบไปแล้วแต่แรงระเบิดภายในใจของฮวาเย่ห์หยวนยังคงดังกึกก้อง หัวใจของนางคล้ายจะหลุดออกมาจากอก
"เย่หหยวนเจ้าตกใจหรือ ยันต์ของข้าได้ผลเกินคาดคิดจริงๆ เกือบทำร้ายเจ้าแล้ว" เขาดึงนางออกจากอ้อมแขนตนเอง เชยคางนางขึ้นแล้วถามด้วยความตื่นตระหนก
"อื้ม" นางตอบเพียงเท่านั้น ใบหน้าร้อนผ่าวขยับขาห่างจากร่างสูงโดยฉับพลัน
"ข้าขอโทษนะทำให้เจ้าตกใจแล้ว" ใบหน้าของเขาซีดเผือดดูเป็นห่วงนางจริงๆ
"ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว"
"เช่นนั้นขอข้าเก็บกวาดเสียหน่อย"
อาเซี่ยนดึงยันต์เปล่าออกมาจากอกเสื้อวาดบางสิ่งลงไป แล้วโปรยลงบนพื้นฉับพลันดูเหมือนว่าสิ่งของต่างๆ จะเริ่มจัดระเบียบตัวเอง พร้อมไม้กวาดไม้ถูพื้นที่ทำความสะอาดพื้นอย่างว่องไว
"แม้กระทั่งยันต์เก็บกวาดท่านก็ยังทำขึ้นมา"
นางมองสิ่งที่อยู่ด้านหน้าอย่างอดรู้สึกตกตะลึงไม่ได้ การที่เซียนมีพลังเวทนับเป็นเรื่องปกติ แต่บุรุษที่นางเดาแน่ชัดไม่ได้ว่าเขาอยู่ในจำแนกเผ่าเซียน เผ่ามาร หรือเผ่ามนุษย์เช่นอาเซี่ยนยากนักที่จะเดาได้ คนผู้นี้แม้จะดูเปิดเผยจริงใจแต่ก็ซ่อนเร้นหลายสิ่งที่นางไม่อาจก้าวล่วงเข้าไปได้
"เพราะข้าไม่มีสาวใช้ และไม่ชอบให้คนอื่นมาวุ่นวายจึงจำเป็นต้องใช้ทางลัด"
เขาปัดมือพร้อมเป่าไล่ฝุ่นก่อนจะส่งยิ้มงดงามให้นางแล้วคว้ามือน้อยของนางพาไปนั่งยังเก้าอี้นั่งเล่นที่อยู่อีกฝั่ง
เขานั่งลงตรงข้ามแล้วรินน้ำชาให้นางอย่างเอาใจ ผมสีเงินสลวยของอาเซี่ยนยุ่งเหยิงและเต็มไปด้วยกิ่งไม้ ฮวาเย่ห์หยวนจึงยื่นมือไปช่วยดึงกิ่งไม้พวกนั้นออกแล้วสางผมให้เขาด้วยนิ้วเรียวของนาง
อาเซี่ยนมองนางด้วยใบหน้าสดใสยิ้มหล่อเหลาจนแก้มแทบจะปริจากกันปล่อยให้นางดูแลอย่างมีความสุข จวบจนนางดึงมือออกจึงกล่าวคำขอบคุณออกมาเบาๆ
"เมื่อไหร่ท่านจะพาข้าเข้าไปยังแดนมารข้าไม่มีเวลามากนัก" นางเอ่ยถามเมื่อนึกถึงภารกิจที่ต้องรีบทำให้สำเร็จก่อนที่จอมมารจะส่งกองทัพไปบุกสวรรค์
เมื่อคืนนี้นางได้รับสาสน์จากเจ้าแม่กวนอิมให้รีบลงมือได้แล้วดูเหมือนว่าฝั่งจอมมารกำลังเริ่มเคลื่อนไหว อีกไม่กี่ร้อยปีข้างหน้าเง็กเซียนฮ่องเต้ต้องเข้าสู่การกักตนเพิ่มตบะช่วงเวลานั้นสวรรค์ไร้ผู้ปกป้องคาดว่าจอมมารอาจลงมือในเวลานั้น
อาเซี่ยนมองฮวาเย่ห์หยวนด้วยแววตาสงบนิ่ง แล้วรินน้ำชาให้ตนเองยกขึ้นดื่ม
"ข้าคงไม่อาจรั้งเจ้าไว้ได้สินะ" อาเซี่ยนมองใบหน้าและแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความหวังของนางแล้วทอดถอนใจ
"ข้าขอร้องท่านแล้ว"
"อีกเจ็ดวันเจ้าจงเตรียมตัวข้ามีนัดไว้กับท่านหัวหน้าผู้ฝึกของแดนมารจะนำเคล็ดวิชาที่คิดค้นไปแลกเปลี่ยนกันในเวลานั้นข้าจะพาเจ้าไปฝากเขาเพื่อเข้าสู่วิถีมารก็แล้วกัน"