บทที่ 3
“นึกไม่ถึงเลยว่าจะเจอหว้าที่นี่”
ริมฝีปากได้รูปขยับเจรจาทันที หลังจากที่ประตูห้องปิดเรียบร้อยแล้ว มัญชุภาเม้มปาก แล้วเดินนำเขาไปยังแผนกที่หล่อนทำงานอยู่
“หว้าตัดผมด้วยเหรอ เสียดายผมสวยๆ ของหว้าจังเลย แต่ตัดสั้นแบบนี้ก็น่ารักดี”
สักทองยังชวนหล่อนคุยต่อ โดยพยายามไม่สนใจ กับท่าทีชาเย็นของคนตรงหน้า นี่หล่อนยังไม่ลืมเรื่องนั้นอีกเหรอเนี่ย ? ชายหนุ่มเลิกคิ้ว
“คุณทำงานในฐานะของลูกน้องของดิฉัน และเราก็ยังไม่สนิทกัน กรุณาอย่าคุยกับดิฉันด้วยความสนิทสนม ดิฉันจะเสียอำนาจในการสั่งงาน”
มัญชุภาหยุดและพูดเสียงเย็นๆ สักทองหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ ขณะที่หล่อนหันขวับ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มส่งประกายตาไม่พอใจอย่างยิ่งยวดให้เขา
“ดิฉัน...อืม...แล้วเราไม่สนิทกันงั้นเหรอหว้า บ้าน่า... ก็เราเคยเป็นแฟนกัน”
“แต่ตอนนี้ไม่ใช่”
คำพูดของสักทองทำให้หล่อนเม้มปาก แผลเก่าถูกแคะขึ้นมาอีกแล้ว ไม่น่าเลยจริงๆ มัญชุภาพยายามแทบตายที่จะลืมเขา และกว่าจะลืมก็ใช้เวลาเกือบห้าปีเต็ม แล้วจู่ๆ เขาก็โผล่มาง่ายๆ ทำให้ความพยายามของหล่อนสูญเปล่าไปหมด
เขาจะรู้ไหมนะ ว่าเขาอยู่ในใจหล่อน ทั้งยามหลับและยามตื่น ทำให้มัญชุภาต้องบ้างาน เพื่อจะได้ลืมเขาให้หมด หน้าตาคมคายแฝงแววขี้เล่นยังไม่เปลี่ยนไปเลย จากเป็นหนุ่มหน้าใสเมื่อตอนห้าปีก่อน ตอนนี้เขากลับดูมาดแมนขึ้นกว่าเดิม มีเสน่ห์มากกว่าเดิมด้วย แต่คงไม่มีวันที่หล่อน จะกลับไปหลงงมงายกับเสน่ห์ของเขาอีกแล้ว เป็นครั้งที่สอง
“เอ่อ...ผมก็แค่...คือ...เราก็เคยเป็นเพื่อนกัน”
เมื่อเห็นแววตาที่ไม่เป็นมิตรขนาดนั้น สักทองก็เริ่มจะแหยง รู้ตัวหรอกน่าว่าตัวเองผิดเอามากๆ แต่มันก็เหมือนเป็นเรื่องของเด็กๆ แล้วมันก็ตั้งนานมากขนาดนั้นแล้ว แถมสวยๆ เก่งๆ อย่างมัญชุภาหนุ่มๆ คงเข้าคิวจีบยาวเหยียด แล้วหล่อนจะมาฝังใจเจ้าคิดเจ้าแค้นเอาอะไรกับเขานักหนา ตัวเขาเองก็ไม่เคยลืมหล่อน แต่ก็เก็บไว้เป็นความทรงจำที่ดีๆ แม้จะปนไปด้วยความรู้สึกผิด แต่เขาก็รู้สึกดีที่คิดถึงหน้าหวานๆ ของมัญชุภา และความทรงจำที่ดีระหว่างกัน
“ตอนนี้ดิฉันกับคุณคือเจ้านายกับลูกน้อง เราไม่ใช่เพื่อนกัน ความเป็นเพื่อนของเรามันจบลงไปแล้ว อ้อ...แล้วก็อีกอย่าง ดิฉันไม่อยากให้ใครรู้ว่าเราเคยรู้จักกัน กรุณาให้ความร่วมมือด้วย”
“ถ้าคุณอยากได้อย่างนั้นก็ได้นะหว้า ผมเป็นลูกน้องคุณเป็นเจ้านาย เราไม่เคยเป็นเพื่อน”
สักทองหยุดไปนิดหนึ่ง ก่อนจะเหลือบมองหน้าหวานๆ ที่ตอนนี้มองผนังแทนมองหน้าเขา หลังจากที่พวกเขาหยุดคุยกัน เขาอยากจะทดสอบอะไรบางอย่าง มัญชุภายังมีความท้าทายให้เขาอยากเอาชนะได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“แล้วก็ไม่เคยเป็นแฟน”
“เข้าใจก็ดีแล้ว”
มัญชุภาหน้าแดงเมื่อเขาเน้นประโยคท้าย นายไม้สักยังยียวนเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนจริงๆ หล่อนต้องนิ่ง ไม่อย่างนั้นเขาจะชนะหล่อนอีก ตอนนี้ไม่มีมัญชุภาคนนั้นอีกแล้ว
“งั้นก็ตามดิฉันมา กรุณาเรียกดิฉันว่าหัวหน้า หรือไม่ก็ชื่อจริง เรายังไม่สนิทกันถึงขนาดเรียกชื่อเล่นกัน”
“ได้ครับ คุณมัญชุภา ไม่มีปัญหา ผมชอบเรียกชื่อจริงของหว้า มันเพราะและฟังเป็นผู้หญิงมากๆ”
สักทองแหย่ แต่มัญชุภาก็ฟังหูซ้ายทะลุหูขวา หันหลังจากเขา และเดินนำเข้าไปยังห้องที่กั้นไว้เป็นห้องทำงานของแผนกหล่อน สักทองยิ้มกับตัวเองก่อนจะรีบก้าวยาวๆ ตามหล่อนไป
“ป๋อง แน็ต ตรี พี่มีเพื่อนร่วมงานคนใหม่ มาแนะนำให้รู้จัก นี่คุณสักทอง เขาจะมาช่วยงานเรา มีอะไรก็ให้เขาช่วยดูๆ ก็แล้วกัน เขาทำงานเป็นครีเอทีพมาก่อน”
มัญชุภาประกาศกับบรรดาลูกน้องทั้งสามคน ที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานกันอยู่
ปานวิทย์เงยผมฟูๆ ขึ้นมาจากงานตรงหน้า พร้อมกับตรีทศ เมื่อเห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงสง่าหน้าตาคมคายมีเสน่ห์ ที่ยืนอยู่ข้างหลังแม่มดหน้าหวานของพวกเขา ก็อ้าปากหวอ
โอ้โห ! นายแบบหลุดมาจากไหนเนี่ย
แม้แต่รินพรที่ยืนชงกาแฟอยู่ก็มองเขาอย่างทึ่งๆ เหมือนกัน เมื่อถูกแนะนำตัว ชายหนุ่มก็ยิ้มกว้าง และทักทายเพื่อนร่วมงานใหม่อย่างเป็นกันเอง ไม่เคอะเขิน ตามประสาคนมีอัธยาศัยดี
“ผมสักทอง หรือเรียกว่าไม้สักก็ได้ครับ ชื่อเล่นผมอาจจะแปลกไปสักหน่อย นั่นก็เพราะว่าผมเป็นคนเมืองแพร่ เป็นหนุ่มชาวเหนือ พ่อกับแม่ทำเฟอร์นิเจอร์ไม้สักทอง ก็เลยเอามาตั้งเป็นชื่อจริงให้ เรียกว่าอะไรก็ได้ เพราะยาวพอๆ กัน แต่ขออย่างเดียวว่าอย่าเรียกผมว่าไอ้สัก เพราะนั่นคือชื่อของพ่อผมครับ มันฟังแล้วตกใจ”
ปานวิทย์ ตรีทศ และรินพร พากันกลั้นหัวเราะจนหน้าแดง แต่มัญชุภาเม้มปากแน่น เขาพูดประโยคเดียวกับตอนแนะนำตัวเฟรชชี่ ทำเอาหัวเราะกันทั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง ในความเป็นคนหน้าทะเล้นของเขา แล้วนี่หล่อนทำไมต้องจำเขาได้ขนาดนี้ก็ไม่รู้ มัญชุภาหน้ามุ่ย ก่อนจะหันไปพูดกับชายหนุ่ม หล่อนไม่มองหน้าเขาอีกตามเคย มองแค่กระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาเท่านั้นเอง
“เชิญคุณตามสบาย โต๊ะของคุณเดี๋ยวจะให้คนยกมาให้ ตอนนี้ยังไม่มีอะไร ไว้ถ้ามีงานดิฉันจะมอบหมายให้คุณเอง วันนี้ก็ทำความรู้จักสถานที่ แล้วก็เพื่อนร่วมงานไปก่อนก็แล้วกัน ทุกคนก็ช่วยแนะนำคุณสักทองไปก่อนนะ พี่ไปที่ห้องก่อนล่ะ แน็ต เตรียมงานพรีเซ้นพรุ่งนี้ ไปให้พี่ด้วยนะ”
หล่อนพูดแล้วเดินหนีเข้าไปยังห้องส่วนตัว ที่กั้นไว้ต่างหากทันที สักทองมองตามร่างบางของหล่อนแล้วยิ้ม มัญชุภายังสวยน่ารักเหมือนเดิม แต่หล่อนไม่ยอมยิ้มเลยสักนิด เขายังจำได้ว่าหล่อนยิ้มได้สวยมากขนาดไหน ยังไงก็ต้องทำให้มัญชุภายิ้มเหมือนเดิมให้ได้ สักทองไม่ได้ตั้งใจนี่นา ยังไงก็ต้องทำให้หล่อนเข้าใจ และให้อภัยเขาให้ได้
“คุณสักทอง เอ่อ ผมจะเรียกว่าอะไรดี คุณเป็นรุ่นพี่ผมหรือเปล่าครับ เราจะได้เรียกกันถูก ผมอายุ 24 ปีชื่อป๋องครับ”
สักทองยิ้มให้กับชายหนุ่มผมฟู ที่เข้ามาทักก่อนเป็นรายแรก ชายหนุ่มตาชั้นเดียวสวมเสื้อสีม่วงเข้ม กางเกงสีเหลืองคนนี้ ดูเหมือนจะมีอารมณ์ศิลปินสูงกว่าคนอื่นเอามากๆ และเป็นตัวของตัวเองเอาสุดๆ ชายหนุ่มยื่นมือให้ก่อนตามมารยาทตะวันตก
“เรียกพี่ไม้สักก็ได้ครับ พี่ไม้ก็ได้ ขอแต่อย่าเรียกว่าไอ้สักเท่านั้นเอง พี่อายุ 27 แล้วครับ”
“อายุเท่าพี่ลูกหว้าเลย ผมนึกว่าอายุ 25-26 เสียอีก หนุ่มเหนือหล่ออย่างนี้ทุกคนหรือเปล่าครับเนี่ย” ปานวิทย์จับมือกับเขาแล้วแซว สักทองหัวเราะอย่างถูกใจ
“อย่าชมพี่นักเลยจะลอยแล้ว”
“ใครจะมาหน้านิ่วคิ้วพันกันทั้งวันเหมือนกับเอ็งล่ะ ไอ้ป๋อง หน้าเลยแก่เกือบๆ สามสิบแบบนี้ ผมตรีทศครับ เรียกว่าตรีก็ได้”
หนุ่มผิวเข้มอีกคน ปราดเข้ามาแนะนำตัวบ้าง ตรีทศหน้าตาบอกเลยว่าเป็นหนุ่มทางใต้ คือคิ้วเข้ม ตาคม และผิวสีคล้ำ ตัดกับฟันขาว ส่วนอีกคนสาวหรือหนุ่มกันล่ะเนี่ย สักทองมองหญิงสาวร่างสูง หน้าตาดีค่อนไปทางหล่อน่ารัก มากกว่าจะสวยหวาน ที่เดินถือแก้วกาแฟมาหา พร้อมกับรอยยิ้มเช่นกัน
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ อืม...แล้วน้องชายอีกคนล่ะครับ ชื่ออะไร ?”
“ชื่อแน็ตฮะ”
เหมือนว่าสักทองจะมาถูกทาง เพราะรินพรยิ้มกว้างให้เขาทันที ที่ได้ยินประโยคที่ถูกใจ ปานวิทย์กับตรีทศแอบยักคิ้วให้กัน แล้วมองชายหนุ่มตรงหน้า
พี่สักทองสงสัยจะกลายเป็นขวัญใจ ของไอ้แน็ตทอมมันแล้วแน่ๆ เลยเรียกมันว่าน้องชายแบบนี้
“ยินดีที่ได้ร่วมงานกับทุกคนนะครับ แม้ว่าผมจะเก่ามาจากที่อื่น แต่ก็ยังใหม่กับที่นี่ มีอะไรก็บอกได้เลยนะครับ”
สักทองว่า แล้วทั้งหมดก็เริ่มเข้ากันได้อย่างรวดเร็ว และเริ่มตั้งหน้าตั้งตาชวนกันคุยเพราะสักทองคุยเก่ง แถมมีมุกเยอะ ปานวิทย์ ตรีทศและรินพรฟังเพลิน จนแทบลืมดูนาฬิกาว่ากี่โมงแล้ว รู้ตัวอีกทีก็เกือบๆ จะเที่ยง มัญชุภาโทรศัพท์มาที่โต๊ะของรินพร ที่กำลังคุยฟุ้งอย่างสนุกสนาน เมื่อได้ยินเสียงปลายสายสั่งสั้นๆ ก็เริ่มหน้าถอดสี
“หว๋า... ตายแล้ว ข้าลืมไปเลย ว่าพี่หว้าจะเอาพรีเซ้นมัวแต่เม้าท์เพลิน”
“เร็วเลยไอ้แน็ต เดี๋ยวแม่มดหน้าหวานก็เล่นงานแกเอาหรอกน่า หน้าตายิ่งมุ่ยๆ อยู่ น่ากลัวอย่างแรงเลย ขอบอก”
ตรีทศเผลอพูด รินพรรีบคว้าเอกสารแล้วเดินเข้าไปในห้องของมัญชุภาทันที ขณะที่สักทองเลิกคิ้ว แล้วถามอย่างสงสัย
“ใครเหรอครับ แม่มดหน้าหวาน ?”
“ตายเลยผม เผลอนินทาลูกพี่ไปแล้ว แหะ พี่ไม้สักอย่าเอาไปเผาผมต่อนะครับ ขืนรู้ว่าผมนินทาลับหลังอย่างนี้ล่ะก็ ตายแน่ๆ”
ตรีทศเอานิ้วชี้ทำท่าเหมือนโดนปาดคอ สักทองหัวเราะก่อนจะยกมือขึ้น ทำสัญญานเหมือนลูกเสือกำลังปฏิญาณตัว
“สาบานด้วยเกียรติของลูกเสือสามัญครับ”
“แม่มดหน้าหวานที่ว่าก็คือ...” ตรีทศลดเสียงลงจนเป็นกระซิบ ทำสัญญานให้สักทองเอียงหน้าเข้าไปใกล้ๆ
“พี่ลูกหว้าไงล่ะครับ ขานั้นน่ะ ดุอย่างแรง”
“หืม... คุณมัญชุภาเขาร้ายกาจขนาดนั้นเชียวเหรอครับ”
“ไอ้ตรีมันก็เวอร์ พี่ไม้สักอย่างไปเชื่อมันเลย พี่ลูกหว้าไม่ดุมากขนาดนั้นหรอกครับ” ปานวิทย์รีบออกตัวแทนหัวหน้าทันที
“ไม่เวอร์หรอก ไม่เชื่อพี่ก็ดูหน้าไอ้แน็ต เวลาเดินออกมาจากห้องเย็นสิครับ มันจะโล่งใจ หรือหน้าซีด พี่เดาเหตุการณ์ในนั้นได้เลยว่าเป็นยังไง โดนว้าก โดนแก้งาน หรือว่างานผ่าน”
“ก็ไม่ดุมากขนาดนั้นหรอกน่า เดี๋ยวพี่ไม้สักเขาจะฝ่อหมดหรอก”
“พี่ไม่ฝ่อหรอก” สักทองยิ้มในหน้า
“พี่ชอบผู้หญิงดุๆ มีเสน่ห์ดีออก”
“พี่ไม้สักอย่าเชื่อใจหน้าหวานๆ แบบพี่ลูกหว้านะครับ ผมยังแหยงเลย” ปานวิทย์ว่าเสียงอ่อยๆ
“ตอนแรกผมก็คิดทะลึ่ง กับพี่ลูกหว้าเหมือนกันน่ะแหละครับ เพราะพี่เขาน่ารักใสๆ โดนใจเอามากๆ แต่โดนไปทีเข็ดเลย แล้วผมก็ไม่เคยเห็นมีผู้ชายหน้าไหนกล้ามาจีบพี่ลูกหว้าเหมือนกัน แม้แต่ทอมอย่างไอ้แน็ต มันยังไม่กล้าหือเลยครับ พี่ไม้สักก็คิดเอาเองก็แล้วกัน ว่าพี่ลูกหว้าดุมากขนาดไหน”
สักทองเพียงแต่ยิ้ม แล้วมองไปทางประตูห้อง ที่ปานวิทย์และตรีทศ ขนานนามกันว่าห้องเย็น มัญชุภาเปลี่ยนไปมากถึงขนาดนี้เลยเหรอ เขาต้องการเป็นเพื่อนกับหล่อนเหมือนเดิม ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะงานที่ทำร่วมกันจะได้ราบรื่น เพราะหล่อนเป็นถึงหัวหน้างานของเขา
แต่อีกส่วนหนึ่ง เขาก็ต้องการทวงความเป็นเพื่อน ระหว่างหล่อนกับเขาคืนมาอีกครั้ง สักทองถอนใจ เขาไม่น่างี่เง่ามากถึงขนาดนั้น แม้จะไม่ได้เข้าข้างตัวเอง แต่เขาก็แน่ใจว่าส่วนหนึ่งของความเย็นชาของมัญชุภา เขาต้องมีส่วนร่วมด้วยแน่ๆ ไม่มากก็น้อย