นางบำเรอคนใหม่
ภายในห้องรับรองมีชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้สักทองแกะสลักอย่างวิจิตร บุรุษผู้นั้นมีใบหน้าคมคาย ผิวขาวผุดผ่อง ริมฝีปากได้รูป แต่ดวงตาคมกริบกลับแฝงไปด้วยความเย็นชา
“ชินอ๋อง...” ไป๋หลิงพึมพำกับตัวเองอย่างแผ่วเบา
ชายหนุ่มผู้นั้นคือหลี่เหว่ย ชินอ๋องผู้สูงศักดิ์และเลื่องชื่อในเรื่องความเฉลียวฉลาดและความสามารถในการรบ แต่ในขณะเดียวกันก็มีข่าวลือหนาหูถึงความโหดเหี้ยมและไร้หัวใจ
“ถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ” ไป๋หลิงคุกเข่าลงคำนับอย่างรวดเร็ว
หลี่เหว่ยไม่ตอบ เพียงแค่มองนางไป๋หลิงด้วยสายตาเรียบเฉย ก่อนจะโบกมือให้ข้ารับใช้หญิงออกไป
เมื่ออยู่ในห้องกันเพียงลำพัง บรรยากาศก็ยิ่งตึงเครียดขึ้นไปอีก ไป๋หลิงรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนกน้อยที่กำลังเผชิญหน้ากับเหยี่ยวร้าย
“ไป๋หลิง” หลี่เหว่ยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ดวงตาสีนิลจับจ้องไปยังใบหน้างดงามของหญิงสาวตรงหน้าราวกับต้องมนต์รสะกด “ข้าได้ซื้อตัวเจ้ามาจากคนผู้หนึ่ง ตั้งแต่นี้ไป เจ้าคืออนุภรรยาคนใหม่ของข้า”
“ท่านชินอ๋อง” ไป๋หลิงเอ่ยเสียงแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน หากแต่ในน้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความหวาดกลัวสุดขีด “หม่อมฉันเป็นเพียงหญิงต่ำต้อย ไร้ค่า ไม่อาจเทียบเคียงบุปผางามในอุทยานของท่านได้”
หลี่เหว่ยหรี่ตามองหญิงสาวตรงหน้า นางมีใบหน้าซีดเผือด ดวงตากลมโตฉายแววหวาดกลัว ทว่าแม้จะอยู่ในสภาพเช่นนี้ ก็ไม่อาจปิดบังความงามของนางได้
ชายหนุ่มหลี่เหว่ยเดินเข้ามาใกล้ นางได้กลิ่นสุราจาง ๆ จากตัวเขา
“เจ้าอย่าได้คิดหนี เพราะไม่มีที่ใดที่เจ้าจะหนีพ้นข้าได้” เขาเอื้อมมือไปเชยคางนางขึ้น “ใบหน้างดงามเช่นนี้ ไม่ควรมีไว้เพื่อแสดงความหวาดกลัว”
“ท่านชินอ๋อง” ไป๋หลิงเอ่ยเสียงแผ่วเบา แทบไม่ได้ยิน หากแต่ในน้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความแข็งกร้าว “หม่อมฉันอาจเป็นเพียงหญิงต่ำต้อย แต่หม่อมฉันก็มีศักดิ์ศรี”
หลี่เหว่ยเจ้าตัวหัวเราะในลำคอ “ศักดิ์ศรี? หึ! เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาพูดถึงศักดิ์ศรี ในเมื่อเจ้าเป็นเพียงสินค้าที่ข้าซื้อมา”
เขาบีบคางนางแน่นขึ้น “จำใส่หัวเจ้าไว้ ไป๋หลิง เจ้าไม่มีค่าอะไรนอกจากเป็นของเล่นของข้า”
ไป๋หลิงกัดฟันแน่น ตั้งแต่เกิดมา ไข่ในหินเช่นนางไม่เคยถูกใครดูถูกเหยียดหยามถึงเพียงนี้มาก่อน
หลี่เหว่ยรู้สึกพึงพอใจกับท่าทีที่แสนพยศของนางเป็นอย่างมาก
“น้ำตาของเจ้าทำให้ข้ารู้สึกถึงอำนาจของข้า” เขาเช็ดน้ำตาของนางอย่างแผ่วเบา “อย่าได้ร้องไห้ไป๋หลิง เจ้าควรดีใจที่ได้เป็นของเล่นชิ้นใหม่ของข้า”
ห้องหับกว้างขวางโอ่อ่าถูกประดับประดาด้วยผ้าไหมและเครื่องเรือนล้ำค่า แต่สำหรับไป๋หลิงแล้ว มันไม่ต่างอะไรกับกรงทองอันว่างเปล่า นางถูกพามายังเรือนพักที่หลี่เหว่ยจัดเตรียมไว้ให้อย่างไร้ทางเลือก
ไป๋หลิงทรุดตัวลงบนเตียงกว้าง และทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือความจริงไม่ใช่ความฝัน จากคุณหนูที่หนีการแต่งงานออกจากบ้าน กลับต้องมาเป็นอนุภรรยาของผู้อื่น
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัวของหญิงสาว ไป๋หลิงไม่ใช่คนกล้าหาญ กลับกันนางเป็นสตรีอ่อนแอ กลัวความสูง และกลัวความเจ็บปวด แต่ยิ่งกว่าสิ่งใด นางกลัวการถูกพรากอิสรภาพไปตลอดชีวิต
นางมองออกไปนอกหน้าต่าง สูดหายใจเข้าลึกและรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี
“ไป๋หลิง เจ้าทำได้” นางให้กำลังใจตัวเอง ก่อนตัดสินใจปีนกำแพงออกมา ค่อย ๆ เคลื่อนตัวลงมาทีละนิด จนกระทั่งเท้าแตะถึงพื้นดินเบื้องล่าง
แต่โชคชะตาไม่เข้าข้าง เมื่อเสียงหนึ่งตะโกนดังขึ้น!!
“ใครน่ะ!” แสงคบเพลิงส่องกระทบร่างของนาง นางชะงักค้าง ทหารยามสองนายวิ่งกรูเข้ามา
“จับนางไว้!” เสียงตะโกนของหัวหน้ายามดังขึ้นอีกครั้ง