ไม่หมั้น
มินตรา....
"พ่อจะให้เราหมั้นกับต้นรัก" พ่อพูดว่าจะให้มาวินหมั้นกับต้นรักเหรอ?? ฉันไม่ได้หูฝาดใช่ไหม
"ห๊ะ พ่อว่าไงนะ" มาวินจ้องหน้าพ่อเขม็งด้วยสายตาไม่พอใจ
"พ่อจะให้เรากับต้นรักหมั้นกันเพราะมันเป็นคำสัญญาที่พ่อกับอาเตได้ตกลงกันก่อนที่วินกับต้นรักจะเกิด"
"พ่อพูดเล่นป่ะ นี่มันยุคไหนสมัยไหนกันแล้ว พ่อจะมาทำแบบนี้ไม่ได้ผมไม่ยอม"
"ใจเย็นๆลูก"
"แม่จะให้ผมใจเย็นยังไง ผมกับยัยนั่นไม่ได้รักกันเจอหน้ากันก็แทบจะกินหัวกันอยู่แล้ว"
"วินอาจจะไม่ได้รู้สึกอะไรแต่ต้นรักเค้าสารภาพกับอาเตอาอลิซว่าเค้าชอบวินชอบมานานแล้ว"
"ห๊ะ ยัยนั่นบอกว่าชอบผมงั้นเหรอ" มาวินเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยินเ ที่ผ่านมาตั้งแต่เด็กมาวินกับต้นรักแทบจะเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันเพราะทุกครั้งที่เจอหน้ากันต้องทะเลาะกันตีกันตลอดจนผู้ใหญ่จับแยก ฉันไม่คิดว่าต้นรักจะชอบมาวินแต่ถ้าต้นรักจะชอบมาวินจริงๆฉันก็ทำอะไรไม่ได้
"ใช่ลูก ต้นรักชอบวินนานแล้วลูกอาจะไม่รู้" แม่เสริมคำพูดของพ่อเพื่อให้มาวินเชื่อว่ามันคือความจริงเผื่อเขาจะใจอ่อนยอมหมั้น ส่วนฉันตอนนี้พูดอะไรไม่ออกบอกไม่ถูกว่าต้องรู้สึกยังไงดี ถ้าพูดในฐานะคนเป็นพี่สาวก็ต้องดีใจที่น้องชายจะหมั้นแต่ถ้าพูดในฐานะคนรักไม่มีใครยินดีหรอกที่จะเห็นคนที่ตัวเองรักไปหมั้นกับผู้หญิงคนอื่น
"รู้หรือไม่รู้ผมไม่สนเพราะผมไม่ได้รักไม่ได้ชอบยัยนั่นนิสัยก็ไม่ดีไม่มีมารยาทอีกต่างหาก ตั้งแต่เด็กยันโตผมโคตรเกลียดเลยหน้ายังไม่อยากจะมองด้วยซ้ำ และที่สำคัญไปกว่านั้นคือผมมีคนรักแล้วและผมก็รักเธอมากด้วยเพราะฉะนั้นผมจะไม่มีวันยอมหมั้นกับใครหน้าไหนทั้งนั้นต่อให้ยัยนั่นเอามีดมาจี้คอให้ผมหมั้นด้วยผมไม่ยอม ผมบอมตายดีกว่า"
"ใครคือคนรักของวินลูก กระแตงั้นเหรอ" แม่ถามมาวินด้วยความสงสัย
"เปล่าครับไม่ใช่"
"แล้วใครล่ะลูกใครคือคนที่วินรักบอกย่าได้ไหม" พอย่าถามวินก็มองหน้าฉันแววตาของเขาเหมือนกำลังจะบอกกับฉันว่าห้ฉันเตรียมตัวให้ดี
"ถ้าผมบอกแล้วทุกคนจะยอมยกเลิกเรื่องหมั้นของผมกับยัยต้นรักหรือเปล่า"
"ก็ต้องดูว่าผู้หญิงที่วินบอกว่าเธอคือคนรักของวินเธอเหมาะสมกับวินหรือเปล่า" ฉันเริ่มใจเต้นตุ๊มๆต่อมๆกลัวมาวินจะพูดอะไรออกมา ฉันเริ่มนั่งไม่เป็นสุข กำมือตัวเองแน่นจนชื้นเหงื่อ
"ผู้หญิงที่ผมรักก็คือ..."
"คือใครไม่สำคัญเพราะไม่ว่ายังไงนายก็ต้องหมั้นกับฉันเข้าใจไหมมาวิน" และก่อนที่มาวินจะบอกกับทุกคนเสียงใครบางคนก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะ ทุกคนในห้องหันไปมองทางต้นเสียงปรากฏว่าเป็นน้องต้นรักที่วิ่งเข้ามาในบ้านยืนเท้าสะเอวมองหน้ามาวินอย่างเอาเรื่องโดยมีอาเตกับอาลิซเดินตามหลังเข้ามา
"น้องรัก" ฉันมองหน้าต้นรักที่ตอนนี้เอาแต่จ้องหน้ามาวินอย่างเอาเรื่อง
"ยัยตัวแสบ!!!"
"ใช่ฉันเองนายนึกว่าใครล่ะ"
"มาทำไม"
"ก็มาหาว่าที่คู่หมั้นไง"
"ใครจะหมั้นกับเธอไม่ทราบห๊ะยัยตัวแสบ"
"ก็นายไงจะใครล่ะ"
"ต้นรักทำไมพูดแบบนี้ไหนบอกแม่กับพ่อว่าจะมาคุยเรื่องที่เราจะไม่หมั้นไง"
"นั่นมันก่อนที่รักจะได้ยินนายนี่มันว่ารักเสียๆหายๆ นายกล้าดียังไงมาว่าฉันว่าฉันนิสัยไม่ดีห๊ะ นายดีตายล่ะ"
"ถ้าฉันไม่ดีก็ไม่ต้องหมั้นเพราะฉันก็ไม่ได้อยากหมั้นกับเธอ"
"แต่ฉันจะหมั้นฉันจะทำให้นายอกแตกตายไปที่มีฉันเป็นคู่หมั้นของนาย"
"ใจเย็นๆอย่าทะเลาะกันลูก" คุณย่ารีบห้ามก่อนที่สองคนนี้จะทะเลาะกันยาวกว่านี้
"ยัยรักถ้าพ่อรู้ว่าเราจะมาพูดจะมาทำนิสัยแย่ๆแบบนี้ต่อหน้าทุกคนพ่อไม่พามาหรอกนะ"
"พ่อไม่เคยเข้าข้างรักเลยอ่ะ พ่อไม่ได้ยินเหรอคะว่านายวินมันว่ารักนิสัยไม่ดีอ่ะ"
"น้องต้นรักใจเย็นๆนะคะอาว่ามานั่งสงบสติอารมณ์ก่อนดีกว่านะลูก" แม่มลเดินมาจับแขนน้องต้นรักให้มานั่งข้างๆก่อนจะลูบหลังปลอบใจ แม่มลน่ะทั้งรักทั้งเอ็นดูน้องต้นรักมาแต่ไหนแต่ไรแล้วค่ะเพราะตอนเล็กๆอาเตกับอาอลิซมักจะพาน้องต้นรักมาเล่นกับมาวินที่บ้านบ่อยๆ
"อามลก็ดูลูกชายอามลว่าต้นรักสิคะ"
"มันก็พอๆกันนั่นแล่ะไม่ต้องไปฟ้อง" อาเตว่าให้ลูกสาวตัวเองก่อนจะจับมืออาอลิซมานั่ง
"คือที่ลิซกับเตพายัยต้นรักมาที่นี่ก็เพื่อจะมาพูดเรื่องหมั้นน่ะค่ะ พอดีอลิซกับเตเราปรึกษากันแล้วว่าเราจะไม่ให้เด็กสองคนนี้หมั้นกันซึ่งต้นรักเองก็เห็นด้วยแต่..."
"แต่พอรักมาได้ยินนายนี่ว่าให้รักรักก็เลยคิดว่ารักจะหมั้นค่ะ"
"ฉันไม่หมั้นเพราะฉันมีคนรักแล้วจำใส่สมองไว้ซะ" พูดจบมาวินก็ลากแขนฉันให้ลุกออกมาจากวงสนทนา
"มุ่ยกลับ"
"นายจะไหนห๊ะนายวินฉันไม่ยอมให้นายไปไหนทั้งนั้นเราต้องคุยกันเรื่องหมั้นให้รู้เรื่องก่อน"
"ไม่คุย แล้วฉันจะไปไหนมันก็เรื่องของฉันอย่าเสือก"
"วินใจเย็นๆ" ฉันพูดกับมาวินเพราะดูเหมือนตอนนี้เหมือนเขากำลังหัวร้อนเอามากๆ
"ผู้หญิงที่นายบอกว่านายรักคือพี่มุ่ยใช่ไหม" คำพูดของต้นรักทำเอาทุกคนที่นั่งอยู่พากันเงียบแล้วก็หันมามองที่ฉันเป็นตาเดียว
"ใช่ไหมล่ะบอกกับทุกคนไปสิ"
"ชะ..." มาวินกำลังจะหันไปตอบฉันรีบพูดตัดหน้าก่อนที่เขาได้พูดคำตอบออกมา
"ไม่ใช่นะจ๊ะน้องรักไม่ใช่นะคะทุกคนอย่าเข้าใจผิดมุ่ยกับวินจะรักกันได้ยังไงล่ะคะเราเป็นพี่น้องกันนะคะ" ฉันจำใจต้องโกหกทุกคน ฉันไม่สามารถบอกกับใครได้เพราะมันไม่เหมาะสมด้วยเหตุผลหลายอย่าง ฉันกลัวคนในบ้านจะรับไม่ได้ ฉันกลัวว่าฉันจะถูกมองไม่ดีที่มารักน้องชายตัวเองที่เห็นกันมาตั้งแต่เด็ก ฉันกลัวทุกคนจะผิดหวัง ยิ่งตอนนี้ทุกคนหวังอยากจะให้มาวินกับต้นรักหมั้นกันแบบนี้ฉันจะกล้าเปิดเผยตัวได้ยังไงว่าฉันคือคนที่มาวินรัก
"ใช่ครับผมกับมุ่ยเราเป็นแค่น้องกันไม่ได้รักกันไม่ได้เป็นคนรักกัน" มาวินพูดด้วยน้ำเสียงต่ำและสั่นเหมือนเขากำลังโกรธในสิ่งที่ฉันตอบทุกคนออกไปแบบนั้น ฉันอยากให้เขาเข้าใจแต่ดูเหมือนตอนนี้เขาจะไม่ยอมเข้าใจอะไรเลยเขาปล่อยมือฉันแล้วเดินออกไปจากบ้าน ฉันที่ไม่รู้จะทำยังไงก็รีบวิ่งตามออกไปจนกระทั่งขึ้นมาบนรถดีที่เขายังไม่ขับออกไป
"ขึ้นมาทำไม ลงไป"
"วินพี่ขอโทษ"
"ขอโทษเรื่องอะไร เธอทำอะไรผิดอีกงั้นเหรอ" ฉันรู้ว่าเขากำลังประชดฉัน
"พี่อยากให้วินเข้าใจพี่หน่อยคือพี่..."
"คือพี่ไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าเราเป็นอะไรกัน ทำไม??เธออายเหรอที่มีฉันเป็นคนรัก"
"เปล่านะ"
"แล้วทำไมเธอถึงไม่ยอมให้ฉันบอกกับคนอื่นว่าเราเป็นคนรักกัน หรือเธออยากให้ฉันหมั้นกับยัยนั่นห๊ะ" ฉันไม่รู้ว่าจะหาตอบแบบไหนตอบเพื่อให้เขาพอใจ ฉันจึงทำได้แค่เงียบ จากนั้นเขาก็ขับรถออกไปจากบ้านด้วยความเร็วจนฉันกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุ สักพักแม่ก็โทรเข้ามาที่เครื่องฉันพอฉันจะกดรับเขาก็กระชากมันไปก่อนจะโยนมันไปด้านหลัง เสียงมือถือดังอยู่แบบนั้นจนกระทั่งมันเงียบไป สักพักมือถือของเขาก็ดังเขามองหน้าจอจากนั้นก็จับมันโยนไปทางด้านหลังอีกเครื่องฉันจะเอื้อมมือไปคว้าแต่ก็ถูกมาวินกระชากตัวให้หันกลับมา
"วินทำไมทำแบบนี้แม่โทรมาเพราะท่านเป็นห่วงหรือเปล่า"
"ฉันไม่ต้องการให้ใครมาเป็นห่วงทั้งนั้นแล่ะ แต่ละคนเคยคิดเคยนึกถึงความรู้สึกฉันบ้างไหม ที่บ้านก็จะบังคับให้ฉันหมั้นกับคนที่ฉันไม่ได้รักส่วนเธอก็เหมือนไม่ต้องการฉัน ทำเฉยตอนที่รู้ว่าฉันจะต้องหมั้นกับคนอื่นถามจริงเหอะ เธอรักฉันจริงๆหรือเปล่าวะมุ่ยหรือแค่หลอกให้ฉันรักหลอกให้ฉันมีความหวังไปวันๆโดยไม่รู้ว่าวันไหนเธอถึงจะกล้าบอกเรื่องของเราให้ทุกคนรับรู้ มันเหนื่อยนะเว้ยที่ต้องปิดบังแบบนี้ ฉันอยากรักเธอให้ได้เต็มร้อยอยากบอกให้ทุกคนรู้ว่าฉันรักเธอมากแค่ไหนแต่ดูเหมือนเธอจะเอาแต่กลัวไปซะทุกอย่าง"
"วิน พี่"
"เธอไม่ต้องพูดคำว่าขอโทษเพราะฉันไม่ต้องการ"
จากนั้นเขาก็ขับรถออกไปนอกตัวเมืองซึ่งไม่ใช่ทางกลับคอนโด
"วินจะไปไหน"
".........." เขาไม่ตอบเอาแต่จ้องไปตรงถนนด้านหน้าทื่ตอนนี้เริ่มมืดแล้ว