รักก็บอกรัก
มาวิน...
เรื่องกระแตมันไม่ยากหรอกเพราะผมบอกก็บอกกับกระแตไปตั้งแต่แรกแล้วว่าระหว่างเธอกับผมเราไม่มีทางเป็นได้มากกว่าเพื่อนอย่างแน่นอนเพราะผมมีคนที่ผมรักอยู่แล้วนั่นก็คือมุ่ยส่วนไอ้โก้เพื่อนสนิทผมมันก็รู้เพราะผมไม่เคยปิดบังมัน เวลามีปัญหาผมก็ปรึกษามันนี่แล่ะแต่มันก็ช่วยอะไรผมไม่ได้มากหรอกอย่างมากก็แค่รับฟังเวลาผมเมาแล้วมาระบายความทุกข์กับมันแค่มันรับฟังก็ดีแล้วไม่งั้นผมคงอกแตกตาย มีหลายครั้งที่กระแตอาศัยจังหวะที่ผมเมาไม่ได้สติพยายามยัดเยียดตัวเองให้กับผมแต่ผมก็ไม่เคยพลาดมีอะไรด้วยสักครั้งมากสุดผมก็แค่ให้เธอช่วยออรัลเซ็กซ์แค่นั้นจริงๆไม่มีอะไรมากกว่านั้นจูบหรือแม้กระทั่งกอดผมยังก็ไม่เคยเพราะผมรู้ว่าถ้าพลาดขึ้นมาอะไรจะเกิดขึ้นแล้วอีกอย่างกระแตเองก็มีคนคุยหลายคนบางคนก็เป็นเพื่อนในคณะผมด้วยซ้ำ เอาเป็นว่าที่ผมคบกระแตก็เพื่อให้มุ่ยหึงแค่นั้นซึ่งมุ่ยก็หึงผมจริงๆแต่มุ่ยชอบปากแข็งไม่ยอมรับสักทีว่ารู้สึกยังไงกับผม ผมท้อใจเหมือนกันนะแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงในเมื่อรักไปแล้วเลิกรักก็ไม่ได้ถามว่าเคยพยายามตัดใจไหม เคยสิทำไมจะไม่เคยผมพยายามแล้วแต่สุดท้ายก็ทำไม่สำเร็จ อย่างตอนที่ผมจูบมุ่ยและสารภาพความรู้สึกแล้วมุ่ยตบหน้าผมตอนนั้นผมคิดแล้วว่ายังไงวันนี้ก็ต้องตัดใจจากมุ่ยให้ได้เพราะถึงขั้นตบหน้ากันขนาดนี้เธอคงไม่ได้รู้สึกอะไรกับผมจริงๆที่ผ่านมาผมคงคิดไปเองว่าเรารู้สึกเหมือนกัน ช่วงนั้นผมไปนอนคอนโดไอ้โก้ทุกวันไม่เข้าบ้านด้วยเพราะไม่อยากเจอหน้าคนบางคน ทุกคืนผมชวนมันไปเที่ยวผับบาร์เพื่อดื่มเผื่อมันจะทำให้ผมหายเศร้าเลิกคิดมากเรื่องมุ่ย อยากจะบอกว่ามีผู้หญิงเข้าหาผมเยอะมากสวยๆทั้งนั้นมีทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องในมหาลัยที่พอคุ้นหน้าคุ้นตาแต่ผมไม่เล่นด้วยไงต่อให้สวยมากขนาดไหนผมก็ไม่สนผมบอกไอ้โก้ก่อนไปแล้วว่าถ้าผมเมาอย่าปล่อยผมไว้คนเดียวให้มันพาผมกลับอย่าให้ผมไปกับคนอื่น
ผมอุ้มคนป่วยขึ้นมานอนบนเตียงจัดการห่มผ้าให้ก่อนจะถามคำถามที่ผมตั้งใจจะมาถามเธอแต่ก็ยังไม่ได้ถาม
"มุ่ย"
"หื้มม"
"เธอเป็นโรคหัวใจทำไมเธอถึงไม่เคยบอกฉัน" ตอนที่ผมรู้จากอาหมอว่ามุ่ยเป็นโรคหัวใจตั้งแต่เด็กผมเข่าแทบทรุดเพราะมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ทำไมไม่มีใครบอกผมให้รู้เลยทั้งบ้านรู้มีแค่ผมที่ไม่รู้ ถ้าวันนี้ผมไม่พามุ่ยมาโรงพยาบาลผมก็คงยังไม่รู้ต่อไป ตอนอาหมอบอกเรื่องมุ่ยแล้วให้ผมเข้าไปเยี่ยมเธอเพราะอาการเธอดีขึ้นแล้ว ความรู้สึกของผมตอนนั้นคือทั้งเป็นห่วงทั้งโกรธทั้งน้อยใจปะปนกันไปหมดผมก็เลยขอตัวกลับ ผมขับรถออกมาจากโรงพยาบาลจอดแล้วรถเข้าข้างทางเพื่อสงบสติอารมณ์เพราะผมรู้ตัวเองดีว่าเป็นคนใจร้อนขนาดไหนถ้าผมเข้าไปดูมุ่ยตอนนั้นผมต้องควบคุมตัวเองไม่ได้แน่ๆ ผมใช้เวลาสักพักใจเริ่มเย็นลงผมก็รู้สึกเป็นห่วงมุ่ยขึ้นมาก็เลยขับรถกลับมาที่ดรงพยาบาลเพื่อมาดูอาการของเธอ ถึงผมจะโกรธเธอมากแค่ไหนแต่ความรักความเป็นห่วงมันมีมากกว่า
"พี่ไม่ได้ตั้งใจปิดบังวินเลย พี่แค่คิดว่าวินคงไม่สนใจแล้วอีกอย่างอาการมันก็ไม่ได้รุนแรงอะไร"
"อาการไม่รุนแรงแต่เธอก็ควรบอกฉันมั้ยวะ เธอรู้ไหมว่าตอนที่อาหมอบอกว่าเธอเป็นโรคหัวใจเธอรู้ไหมว่าฉันฉันรู้สึกยังไง ฉันทั้งโกรธเธอทั้งน้อยใจเธอมากเธอรู้ไหม" ผมว่าผมจะไม่ใช้อารมณ์แล้วนะแต่ฟังที่เธอพูดดิ
"พี่ขอโทษนะ ต่อไปพี่จะไม่ปิดบังอะไรวินอีก วินยกโทษให้พี่ได้มั้ยครับ" มุ่ยพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเหมือนที่ชอบพูดกับผมตอนเด็กๆเวลาผมโมโหหรืออารมณ์ไม่ดี เธอเอามือมาจับมือผมแล้วลูบไปมาเบาๆมันทำให้ความคุกรุ่นในใจเริ่มหายไปทีละนิด
"เธอสัญญาแล้วนะว่าต่อไปจะไม่มีอะไรปิดบังฉันอีก"
"อื้มมม วินก็ด้วยนะ"
"ฉันไม่เคยปิดบังอะไรเธออยู่แล้ว รักก็บอกว่ารัก"
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงประตูถูกเคาะสักพักก็ถูกเปิดเข้ามา เป็นที่บ้านผมเองครับมากันหมดเลยทั้งย่าทั้งพ่อทั้งแม่ทั้งป้าทั้งอา
"น้องมุ่ยเป็นยังไงบ้างลูก" ย่าผมเดินมายืนอยู่ข้างเตียงเอามือลูบผมมุ่ยอย่างรักและเอ็นดูซึ่งภาพนี้ผมเห็นมาตั้งแต่จำความได้
"มุ่ยไม่เป็นอะไรแล้วค่ะคุณย่า"
"ดีนะที่ตาวินพามาส่งโรงพยาบาลทันไม่อย่างนั้นเรื่องใหญ่แน่"
"เอ่ออ ว่าแต่วินรู้แล้วใช่มั้ยลูกเรื่องพี่ป่วย" อาเมย์หันมาถามผมด้วยน้ำเสียงอ่อยๆเหมือนรู้ว่าผิดกับผมที่ปิดบังผมมาตลอด
"ครับ" ผมตอบอาเมย์ไปสั้นๆถ้าตอบยาวกว่านี้เดี๋ยวอารมณ์ผมขึ้นอีกเพราะยังเคืองๆอยู่ที่ทุกคนไม่ยอมบอกเรื่องมุ่ยป่วย
มุ่ยนอนที่โรงพยาบาลหนึ่งอาทิตย์เต็มๆซึ่งอันที่จริงอาหมอบอกให้มุ่ยกลับตั้งแต่สองวันแรกแล้วแต่ผมเป็นคนไปขอร้องอาหมอเองว่าอยากให้ดูอาการมุ่ยให้แน่ใจอีกสักระยะยังไม่อยากให้กลับโดยที่ผมจะเป็นคนมานอนเฝ้าไข้เธอเองสุดท้ายอาหมอก็ยอมเพราะรำคาญที่ผมไปเซ้าซี้ถึงห้องพักเรื่องของเรื่องคือผมอยากมีเวลาอยู่กับเธอตามลำพังสองต่อสองเพราะถ้ากลับบ้านผมคงไม่ได้เข้าใกล้เธอเพราะคนในบ้านจะคอยประคบประหงมเอาใจดูแลไม่ห่างทั้งที่มุ่ยก็ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว จนกระทั่งวันนี้อาหมอบอกผมว่ายังไงมุ่ยก็ต้องกลับ
"ผมจะพามุ่ยไปดูคอนโดทุกคนกลับก่อนก็ได้นะครับ" ผมบอกกับทุกคนที่ยืนล้อมหน้าล้อมหลังเตียงคนไข้
"คอนโด?? หาได้แล้วเหรอลูก" แม่ถามผม
"ครับ ซื้อแล้วด้วยตอนนี้กำลังรอมุ่ยไปเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้าห้องผมก็เลยจะพามุ่ยไปเลือก"
"คอนโดเราแต่ทำไมต้องให้พี่ไปเลือกด้วยล่ะตาวิน" อาเมย์ถามผมแบบนี้แปลว่าพ่อกับแม่ยังไม่ได้บอกแน่ๆเลยเรื่องที่ผมจะย้านมาอยู่คอนโดท่านคงคิดว่าผมยังหาไมไ่ด้มั้งหรือไม่ก็ยังไม่หาเพราะตอนที่พ่อบอกว่าจะให้มุ่ยมาอยู่ด้วยผมค้านหัวชนฝา
"หลานเรามาขอพี่ว่าอยากอยู่คอนโดเพราะบ้านมันไกลมหาลัยแต่พี่มีข้อแม้ว่าถ้าจะอยู่คอนโดก็ต้องให้น้องมุ่ยมาอยู่ด้วยจะได้มีคนดูแลตาวินเพราะพี่กลัวตาวินจะเถลไถลไม่ไปเรียน"
"อ่อแบบนี้นี่เอง" หลังจากนั้นต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันกลับส่วนผมก็พามุ่ยกลับ เรื่องของผมกับมุ่ยเรายังไม่ได้บอกคนในบ้านเลย ตอนแรกผมคิดว่าจะสารภาพกับทุกคนแต่ถูกมุ่ยห้ามไว้ก่อนเพราะเธอยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจ เธอบอกผมว่าเธอกลัวคนที่บ้านจะรับไม่ได้แต่ผมเชื่อว่าทุกคนต้องดีใจถ้ารู้ว่าผมกับมุ่ยรักกันเพราะทุกคนรักและเอ็นดูมุ่ยมาก มากกว่าผมที่เป็นลูกหลานแท้ๆอีก
มินตรา....
"อ่ะคีย์การ์ดของเธอ" มาวินยื่นคีย์การ์ดมาให้ฉันฉันรับมาแล้วเก็บมันใส่กระเป๋าสะพายใบเล็กแปลว่าเขาเป็นเจ้าของห้องนี้แล้วเรียบร้อย สินะ หลังจากนั้นเขาก็แตะคีย์การ์ดแล้วจูงมือฉันเข้ามาในห้อง แต่ที่ฉันแปลกใจก็คือเฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างในห้องมีครบหมดไม่ว่าจะเป็นโซฟา ตู้ โต๊ะ เตียงนอน ซึ่งทุกชิ้นล้วนแล้วแต่เป็นสีขาวกับสีฟ้าพาสเทลเป็นสีที่ฉันชอบ แทนสีดำที่มาวินชอบ อย่าบอกนะว่าเขาแต่งห้องตามสีที่ฉันชอบ
"ชอบไหมฉันตั้งใจเลือกมาเพื่อเธอเลยนะ" มาวินเดินมากอดฉันจากทางด้านหลังเอาคางเกยไหล่ฉันเบาๆ
"วินชอบสีดำไม่ใช่เหรอทำไมไม่เอาในแบบที่วินชอบล่ะ" ฉันเอียงหน้าไปถามเขา ซึ่งคำตอบที่ได้คือจูบหนึ่งจูบที่แก้ม
"ไม่รู้สิตอนเลือกฉันไม่ได้คิดถึงตัวเองเลยฉันคิดถึงเธอคนเดียวว่าเธอจะชอบมั้ย"
"ห้องตัวเองก็ต้องเลือกสีที่ตัวเองชอบสิพี่ไม่ใช่เจ้าของห้องซะหน่อย"
"ไม่ใช่ก็เหมือนใช่นั่นแล่ะห้องฉันก็เหมือนห้องเธอเพราะต่อจากนี้ไปเราจะอยู่ด้วยกันที่นี่ทุกวัน"
"ใครบอกว่าพี่จะมาอยูกับวินที่นี่ทุกวันกัน"
"ก็ลองไม่มาอยู่สิฉันจะไปบอกพ่อกับแม่ว่าเธอเป็นเมียฉันแล้ว"
"บ้าพี่ไม่ได้เป็นเมียวินซะหน่อยอย่ามาขี้ตู่" ฉันหน้าร้อนขึ้นมาทันทีตอนที่เขาพูดว่าฉันเป็นเมีย
"หรือจะให้รื้อฟื้นความทรงจำว่าเป็นหรือไม่เป็น"