บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 นิลอุบล

คนในเสื้อเชิ้ตเข้ารูปสีชมพูคาดเข็มขัดเส้นเล็กกับกระโปรงสั้นแค่เข่าสาวเท้าเข้าอาคารสำนักงานสูงสิบหกชั้นย่านใจกลางเมืองในเวลาเกือบแปดนาฬิกาซึ่งเป็นเวลาเข้างาน เสียงตอบรับอัตโนมัติจากเครื่องสแกนนิ้วของพนักงานดังต่อเนื่อง บางส่วนที่รอขึ้นลิฟต์ก็จับกลุ่มพูดคุยตามประสาคนทำงานร่วมตึก

“อ้าว นิล เพิ่งมาเหรอ ดูสิผมยุ่งเชียว”

สาวร่างเล็กอวบปรี่มาทัก ก่อนดึงเรียวแขนของหญิงสาวเจ้าของชื่อ ‘นิล’ ให้ยืนเคียงกัน แล้วยกมือขึ้นจัดแต่งผมยาวยุ่งเหยิงให้เป็นทรงอย่างคุ้นเคย

“ใช่ เกือบมาไม่ทันเวลาเข้างานแน่ะ” คนร่างบางยิ้มรับ ดวงตายิบหยีเป็นประกาย

สองสาวพูดคุยกันเบาๆ โดยไม่ได้สนใจคนรอบข้างนัก แม้จะเห็นจากหางตาว่ามีพนักงานชายบางคนลอบมองอย่างอดไม่ได้เมื่อเห็นใบหน้าขาวนวลผุดผ่องของเจ้าของเรือนร่างบอบบางกับดวงตาดำขลับที่ดูสดใสมีชีวิตชีวานั้น

กระทั่งลิฟต์เคลื่อนลงมา สองสาวจึงจูงมือเข้าไปพร้อมพนักงานคนอื่น จนถึงชั้นสิบสอง ประตูลิฟต์เปิดออกจึงเบียดกันออกมา

อุรวีย์ลากเพื่อนสาวเข้าห้องน้ำ เมื่อชะโงกมองผ่านประตูกรุกระจกใส แล้วพบว่าคนที่นั่งลึกเข้าไปข้างในยังไม่มานั่งประจำโต๊ะ

“นิลหน้ามันมาก ผมยุ่งด้วย ไปเข้าห้องน้ำกันก่อน พี่บอมยังมาไม่ถึง ไม่ต้องรีบ” สาวร่างอวบหัวเราะคิกคัก เมื่อเอ่ยถึงวิศวกรที่เป็นคนดูแลและมอบหมายงานให้ในระยะนี้

“กล้าพูดนะ ลับหลังอย่างนี้ เดี๋ยวนิลจะฟ้องว่าอ๋อมแอบนินทา” นิลอุบลกระเซ้าเพื่อน ได้ผลทีเดียวเมื่ออีกฝ่ายค้อนให้วงใหญ่

“อย่าเชียวนะ อ๋อมว่าพี่เขาอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ทำงานด้วย น่าเบื่อ เอาใจยาก คงเห็นเราเป็นแค่พนักงานสนับสนุน เมื่อวานกว่าจะเลิกงานก็ดึกมาก หม่าม้าโทร.ตามหลายครั้งถึงได้กลับบ้าน”

เสียงบ่นถึงเบาๆ อย่างต้องการระบาย งานเข้ามามากจนพนักงานต้องเร่งกันแทบไม่ได้หายใจ แถมยังต้องกลับบ้านดึกเกือบทุกวันในช่วงหลัง

“แล้วอ๋อมกลับบ้านยังไง มีใครมารับหรือเปล่า” นิลอุบลถามพลางหวีผมยาวสลวยดำขลับของตัวเอง เสร็จจึงมัดรวบเป็นหางม้า ติดกิ๊บเล็กเก็บไรผมที่ระดวงหน้านวลจนดูเรียบร้อย

“ป๊าน่ะสิ มานั่งรอใต้ตึก”

“อืม ดีแล้ว” นิลอุบลพยักหน้าอย่างเห็นด้วย สำนักงานแห่งนี้ในช่วงกลางวันก็คึกคักดีอยู่หรอก แต่พอตกค่ำก็เปลี่ยว เมื่อร้านค้าและร้านอาหารทยอยปิดลง

“นิลทำงานเป็นเลขาของฝ่ายบริหารอย่างนี้ดีแล้ว เพราะถ้าเป็นของส่วนโครงการอย่างอ๋อม เลิกงานดึกบ่อย โดยเฉพาะช่วงส่งงาน เร่งทั้งรายงานและเอกสารให้เสร็จในวันสุดท้ายก่อนกำหนดส่งทุกที” อุรวีย์พูดพลางแต่งแต้มสีสันบนเรียวปากเพิ่มอีกนิดตามประสาคนรักสวยรักงาม

สองสาวซึ่งทำงานในบริษัทที่ปรึกษาทางด้านวิศวกรรมพูดกันเบาๆ เมื่อออกจากห้องน้ำ แล้วเปิดประตูเข้าไปในส่วนของสำนักงานที่จัดวางโต๊ะและเก้าอี้อย่างเป็นสัดส่วน จากนั้นจึงเริ่มวันทำงานกันตามปกติ

หลังเลิกงาน นิลอุบลกลับถึงเรือนไม้หลังเล็กที่ซ่อนตัวอยู่หลังตึกใหญ่สีขาวกลางเมือง เปิดประตูรั้วโปร่งเข้ามาภายใน บรรยากาศยามพลบค่ำเริ่มมืดครึ้มด้วย พันธุ์ไม้ใหญ่ที่ปกคลุมทั่วเรือน

“ยายไม่สบายหรือจ๊ะ แล้วกินข้าวหรือยัง”

นิลอุบลเดินเข้ามาในห้องของยาย เสียงไอเบาๆ ทำให้เธอทรุดนั่งคุกเข่าลงข้างฟูกนอนบนพื้น ด้วยว่ายายแถบไม่คุ้นกับเตียงนอนมาแต่ไหนแต่ไร ดวงตาหวานมองอย่างกังวลในความมืดสลัว มือเรียวบางวางนาบใบหน้าเหี่ยวย่นของหญิงชราผู้เป็นที่รักและให้ความเคารพซึ่งเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็กในเขตบ้านของคุณท่านหรือคุณประชัย อดีตรัฐมนตรีที่ตอนนี้กลับมาสวมบทบาทนักธุรกิจใหญ่ แม้อยู่ในรั้วบ้านเดียวกัน แต่ไม่ค่อยมีโอกาสพบท่านได้บ่อยนัก ต่างจากตอนคุณแพทหรือพัชริดาซึ่งอยู่ในวัยไล่เลี่ยกัน ยังไม่ได้ไปศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่ต่างประเทศ ตอนนั้นนิลอุบลพอมีโอกาสไปที่ตึกใหญ่และได้พบกับท่านบ้าง

นิลอุบลเกิดจากเด็กในอุปการะของคุณหญิงศรียา ซึ่งเป็นมารดาของคุณประชัย ได้ตั้งครรภ์โดยไม่ได้แต่งงานขึ้นในเขตรั้วบ้านใหญ่แห่งนี้ แล้วได้คลอดเด็กหญิงนิลอุบลซึ่งมีหน้าตาน่ารักน่าชัง ยายแถบได้จัดการใส่ชื่อของสามีนางเป็นบิดา และให้ใช้นามสกุลของมารดาผู้ให้กำเนิด หลังจากนั้นก็อาศัยในเรือนเล็กหลังนี้ตลอดมา

อีกสามเดือนต่อมา คุณพิมพ์อร ภรรยาคุณประชัยก็คลอดบุตรคนที่สอง นั่นคือ พัชริดาหรือคุณหนูแพท ท่ามกลางความยินดีของครอบครัวและคุณหนูคนโตอย่างพัทธนนท์

“นิลหรือลูก ยายไม่เป็นไร อากาศมันเย็นเลยครั่นเนื้อครั่นตัว ไปอาบน้ำแล้วกินข้าวเถอะ ทำไว้ตั้งแต่ตอนเย็น อุ่นก่อนนะ” เสียงหญิงชราดังขึ้นเมื่อเห็นว่าเป็นใคร เจ้าของมือบางจึงดึงผ้าห่มนวมมาคลุมเท้าให้

“แล้วยายกินหรือยังจ๊ะ” คนเป็นหลานถามอย่างกังวล รู้สึกว่าระยะหลังยายป่วยกระเสาะกระแสะบ่อยเหลือเกิน

เงียบ ไม่มีเสียงตอบ ทำให้คนถามรู้ว่าคนป่วยยังไม่มีอะไรตกถึงท้องแน่นอน จึงลุกขึ้นเดินเข้าไปในครัวเล็กหลังบ้านเพื่อทำอาหาร ครู่ต่อมาจึงยกชามข้าวต้มส่งกลิ่นหอมวางใกล้ร่างคนที่นอนหลับตาหันหลังให้

“ยายจ๋า ตื่นมากินข้าวต้มหน่อยสิ” หล่อนทำเสียงเล็กเสียงน้อย คลานเข้าไปโอบกอดอย่างประจบประแจงเหมือนเมื่อตอนเป็นเด็ก “ถ้ายายไม่กิน นิลก็ไม่กินเหมือนกันนะ”

สำรับตั้งอยู่ใกล้มือ จนเมื่อยายยอมลุกขึ้นรับประทานไปไม่กี่คำ แล้วเอนกายลงนอนเหมือนเดิม หญิงสาวจึงเข้าไปอาบน้ำในห้องนอนเล็กที่แยกเป็นสัดส่วนอีกฝั่ง

อุณหภูมิน้ำเย็นจัดตามอากาศทำให้หนาวสั่นทีเดียว เมื่อเสร็จจึงก้าวออกจากห้องน้ำ แต่งกายด้วยกางเกงผ้าฝ้ายขายาวเนื้อนุ่มกับเสื้อยืดแขนสั้น สวมทับด้วยเสื้อไหมพรมถัก จากนั้นจึงย่างเท้าเข้าไปในครัว จัดการอาหารมื้อเย็นตอนสองทุ่ม แล้วเก็บล้างจานจนเรียบร้อย ก่อนเข้าไปดูหญิงชราอีกครั้ง คิดว่าถ้าพรุ่งนี้ยายยังไม่หาย เธอคงต้องขอหยุดงานเฝ้าดูอาการ

นิลอุบลปิดประตูแง้มไว้เล็กน้อย ทรุดนั่งบนโซฟาตัวเก่าที่ยังใช้งานได้ดีในห้องนั่งเล่น แล้วยกถาดดอกไม้สดกับเข็มร้อยด้ามยาววางบนตัก ทำงานต่อจากยายที่คงทำค้างไว้ก่อนรู้สึกตัวว่าไม่สบายแล้วไปนอนซมอย่างที่เห็น

หลังจากนิลอุบลร้อยมาลัยดอกไม้สดจนเสร็จ จึงจัดเรียงในถาดวางไว้ที่เดิม รอให้โสมวดีเจ้าของแผงขายมาลัยมารับไปขายในตลาดสดหน้าปากซอยอย่างทุกวัน

ตีห้าของวันใหม่ นิลอุบลตื่นนอนมาทำข้าวต้ม เปิดหน้าต่างห้องครัวทิ้งไว้ ไม่นานเสียงจักรยานยนต์คุ้นหูก็แว่วมาให้ได้ยิน เห็นรถจอดหน้าประตูรั้วโปร่งด้านหลังเขตตึกใหญ่ หญิงสาวจึงวางมือจากหม้อข้าวต้ม หรี่ไฟลงแล้วกลับไปเก็บถาดพวงมาลัยที่เตรียมไว้แต่เมื่อคืน

โสมวดีที่เธอคุ้นเคยมาตั้งแต่เป็นเด็กซึ่งอาศัยอยู่ในละแวกชุมชนไม่ไกล เงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูรั้ว

“พี่โสม วันนี้นิลทำเองนะจ๊ะ ยายไม่สบายตั้งแต่เมื่อคืน พวงไหนขายไม่ออก ไม่คิดเงินจ้ะ” ใบหน้าหวานยิ้มพรายพลางพูดจาเย้าแหย่ก่อนส่งถุงใบใหญ่ยื่นให้คนนอกรั้ว

“จ้ะ ไม่ต้องห่วง วันนี้วันพระ วางขายรอบเช้าก็หมด อีกอย่างนิลร้อยได้สวยเหมือนยาย ว่าแต่ยายไม่สบายเป็นอะไร เมื่อวานพี่เอาดอกไม้มาให้ก็เห็นยังดีอยู่เลย” โสมวดีถามอย่างห่วงใยตามประสาคนคุ้นหน้าคุ้นตากัน

“อากาศเย็นน่ะจ้ะ บอกว่าครั่นเนื้อครั่นตัว วันนี้ถ้าอาการไม่ดีขึ้นคงต้องโทร.ไปลางานสักวัน ทิ้งไว้คนเดียว ข้าวปลาไม่ยอมกินแน่เลย” หญิงสาวพูดเสียงเป็นกังวลจนคนฟังอดสงสารไม่ได้

“ช่วงกลับ พี่จะซื้อน้ำเต้าหู้ร้อนๆ มาฝากแล้วกันนะ”

“ขอบคุณค่ะ” นิลอุบลยิ้มรับน้ำใจของอีกฝ่ายที่มีให้กันเสมอมา

หญิงสาวปิดประตูรั้วเมื่ออีกฝ่ายลากลับ แล้วเข้ามายังเรือนเล็ก พอเห็นว่ายายแถบยังนอนหลับจึงผ่านไปในครัว ปิดไฟจากเตาแล้วยกหม้อข้าวต้มมาวางพักบนโต๊ะกินข้าว

หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วก็แต่งตัวอยู่กับบ้าน ก่อนจะออกมานั่งรอเวลาข้างนอก จนเข็มนาฬิกาเดินมาถึงเวลาหกโมงครึ่ง เห็นว่าเป็นช่วงที่นิภา เลขาใหญ่ของฝ่ายบริหารคงกำลังเดินทางออกจากบ้าน จึงติดต่อไปหา

“ว่าไงจ๊ะ นิล” เสียงจากคนปลายสายทักถาม

“พี่นิภาคะ นิลขอโทษโทร.มารบกวนตอนนี้ค่ะ พอดียายไม่สบาย นิลจะขอลางานหนึ่งวัน ได้หรือเปล่าคะ”

คนโทร.ไปหาบอกเสียงเบาพลางเดินเลี่ยงไปทางหน้าบ้าน ให้ไกลจากห้องยายแถบ เพราะเกรงเสียงสนทนาจะดังแทรกไปปลุกจนตื่น

“ออฟฟิศไม่มีงานเร่ง แต่ช่วงบ่ายคุณสันติจะไปคุยงานกับเจ้าของโครงการคอนโดมิเนียมเกี่ยวกับงานศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ทางฝ่ายเราเพิ่งได้งานมา แล้วบอมไม่ว่างไปกับเจ้านายเพราะกำลังเร่งงานให้ทันมะรืน พี่เลยจะให้นิลไปแทน ถึงไม่รู้ด้านเทคนิคมาก แต่คงจับประเด็นมาสรุปให้ทางนี้รับไปต่องานได้” เลขาใหญ่อธิบายเสร็จสรรพ ทำให้คนฟังเริ่มลังเล

“อย่างนั้นหรือคะ ถ้านิลขอลาแค่ช่วงเช้า พอเป็นไปได้ไหมคะ”

นิลอุบลบอกอย่างเกรงใจ อย่างน้อยรอเวลาให้ยายแถบตื่นขึ้นมาก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าวันนี้เธอสามารถปล่อยให้อยู่คนเดียวได้

“เอางั้นก็ได้จ้ะ พี่จะเตรียมเอกสารไว้ให้ มาถึงก่อนเที่ยงนะ เพราะรถออกจากออฟฟิศตอนเที่ยงครึ่ง” เสียงตอบกลับมาอย่างเข้าใจและเห็นใจหญิงสาว เพราะรู้ถึงเรื่องราวส่วนตัวกันบ้างแล้ว

“ขอบคุณค่ะ นิลไปถึงตามเวลาแน่นอนค่ะ” นิลอุบลรับปากด้วยน้ำเสียงสดใสขึ้น แล้วตัดสายสนทนา สูดลมหายใจอย่างโล่งอก

หญิงสาวคิดว่าตนโชคดีเหลือเกินที่ได้มาทำงานกับนิภา รวมทั้งอุรวีย์และอีกหลายคนในสำนักงาน เพราะต่างมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อต่อกันดีเสมอ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel