บท
ตั้งค่า

บทนำ เล่ห์ร้ายจอมราชันย์ (4)

บทนำ เล่ห์ร้ายจอมราชันย์ (4)

ลั่วเหยียนเจิ้งเอ่ยถาม เพราะสามเดือนมานี้เขาได้แต่วิ่งขึ้นลงบนเขาแห่งนี้ อีกทั้งยังต้องจดจำสมุนไพรแปลกๆ ของอาจารย์ไปด้วยแรกๆก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเพราะพืชสมุนไพรบางชนิดมีลักษณะคล้ายกันแต่กลิ่นต่างกันทว่าหลายครั้งหลายหนสุดท้ายเขาก็จดจำสมุนไพรเหล่านี้ได้มากขึ้น แต่วิธีปรุงยาอาจารย์นั้นกลับดูแปลกตา บางครั้งจะปรุงยาแก้แต่ได้ยาพิษมาแทน ซึ่งเจ้าตัวดูไม่สำนึกแม้แต่น้อย จนเขาเริ่มชินชาไปแล้วว่าอาจารย์ปรุงยาได้เพราะโชคช่วยเป็นบางครั้งเท่านั้น

“นั่นสิอาการเจ้าก็หายดีแล้ว ยาพิษในร่างที่มีก็คงไม่ทำให้ตายง่ายๆหรอก ต่อไปก็เรียนกระบี่แล้วกัน” อาจารย์ยกมือลูบคางครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยออกมา ลั่วเหยียนเจิ้งมองอย่างแปลกใจไม่คิดว่าอาจารย์จะมีวรยุทธ์

ทว่าตั้งแต่นั้นมาลั่วเหยียนเจิ้งไม่เคยดูถูกคนที่ภายนอกอีกเลย เห็นอาจารย์เหมือนไม่มีแรงแต่กระบี่ที่ฟาดฟันมาแต่ละทีทำเอาเขาแขนสั่นสะท้าน กระบวนท่าที่ว่องไวและเฉียบขาดที่สอนสั่งทำให้เขาได้แต่เก็บความสงสัยไว้ภายในใจ

เพราะเหตุใดคนที่มีความสามารถเช่นนี้ถึงได้มาหลบซ่อนอยู่ที่หุบเขาเร้นลับ ไม่มีผู้คนคบหา? หรือมองอีกทางหนึ่งคือที่แห่งนี้เหมือนคุกคุมขังอย่างดี เวลาเดินเร็วกว่าภายนอกหากไม่สงบใจได้จริงๆ คงทุกทรมานกับเวลาไม่สิ้นสุด อีกทั้งไม่แก่ ไม่ตาย นั่นคือสิ่งที่เขาเรียนรู้มาจากที่แห่งนี้

วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทว่าความรู้ความสามารถที่ได้รับกลับมากมาย ทั้งร่างกายที่สามารถต้านทานพิษได้โดยไม่ต้องหวาดกลัวว่าจะโดนพิษในวังหลวงฆ่าตายได้ง่ายๆ ร่างกายที่ฝึกฝนกระบี่แม้จะรวดเร็วดุจสายลมแต่ยังคงอยู่ในวัยสิบขวบจนไม่น่าเชื่อว่าที่แห่งนี้เหมือนกาลเวลาหยุดนิ่งจริงๆ

ทั้งๆ ที่ความจริงผ่านมานานกว่าสามปี อาจารย์ฝู่ซานยังคงเป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย รสชาติอาหารย่ำแย่อย่างไรก็ยังคงเป็นอย่างนั้นการได้กลั่นแกล้งเขาเหมือนเป็นงานอดิเรกของอาจารย์จนเขาเริ่มชินชา

“เหยียนเจิ้งร่างกายเจ้าต้านพิษได้หลายชนิด อีกทั้งวิชากระบี่วิหคลมเก่งกาจกว่าผู้คนธรรมดาแล้ว เวลานี้ถึงเวลาที่เจ้าต้องออกจากหุบเขาแห่งนี้แล้วล่ะ” เช้าวันนี้อาจารย์เรียกพบเขาแต่เช้า คำกล่าวของอาจารย์พร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนทำให้เขารู้สึกใจหายไม่น้อย ตลอดสามปีที่อยู่ด้วยกันมาทำให้รู้จักอาจารย์ฝู่ซานมากขึ้น

“อาจารย์ ข้าอยู่ที่นี่ยังไม่ถึงสิบปีเลยนะขอรับ ทำไมรีบผลักไสข้าไปแล้วเล่าหรืออาจารย์เบื่อหน้าข้าแล้ว” ลั่วเหยียนเจิ้งกล่าวด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ แม้จะรู้หน้าที่ในอนาคตของตนเองแต่บางครั้งเขาก็อยากใช้ชีวิตเงียบๆ อย่างที่นี่ ไม่ต้องแก่งแย่งชิงดีกับผู้ใด ไม่ต้องระแวงว่าผู้ใดจะเข้ามาสังหารตนเอง

“ใช่ เจ้ารู้ทันข้ามากเกินไปจนน่าเบื่อ” ฝู่ซานตอบกลับเสียงเบื่อหน่ายเพราะไม่ว่าเขาจะกลั้นแกล้งลั่วเหยียนเจิ้งอย่างไร อีกฝ่ายก็มีแต่รอยยิ้มที่ลอกเลียนแบบเขามาอย่างไม่มีผิดเพี้ยน และให้ความรู้สึกว่าตัวเขากำลังมองตัวเองในวัยเด็กอย่างไรอย่างนั้น ที่สำคัญลูกศิษย์เขายังมีหน้าที่ต้องทำจะมาเสียเวลากับที่นี่ไม่ได้ อีกทั้งตนก็ไม่รู้ว่าจะสอนอะไรกับคนเจ้าเล่ห์รู้ทันคนอย่างบุตรสวรรค์ผู้นี้แล้ว

ลั่วเหยียนเจิ้งนิ่งอึ้งไปเมื่อรับรู้ความจริงจากปากผู้เป็นอาจารย์คนแรกและคนเดียว ทว่าดวงตาจริงใจที่ส่งมาทำให้หัวใจอบอุ่นมากขึ้น

“เหยียนเจิ้งอนาคตของเจ้าล้วนแต่ถูกสวรรค์กำหนด หากสิ่งใดที่ทำให้เจ้ามีความสุขจงอย่าปล่อยทิ้งไป แม้หน้าที่ของเจ้าจะหนักหนาจงอย่าท้อ แม้ไม่มีใครรักเจ้าจงจำไว้ว่าสวรรค์หาได้ทอดทิ้งเจ้าไม่” ลั่วเหยียนเจิ้งยิ้มรับเพราะอาจเป็นครั้งแรกที่อาจารย์จะพูดจริงจังกับเขาเช่นนี้

“ขอรับอาจารย์ ข้าจะจดจำไว้”

“ดีแล้วเจ้าเป็นศิษย์คนแรกและคนเดียวของข้า ต่อไปนี้เจ้าอาจไม่ได้พบข้าอีก ขอเพียงแค่เจ้าจดจำในสิ่งที่ข้าสอนและนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ข้าก็พอใจแล้ว” ฝู่ซานบอกด้วยจริงใจเขาไม่ได้คาดหวังให้ผู้ใดทำเพื่อตน เทพตกสวรรค์อย่างตนเพียงได้รับโอกาสได้สอนบุตรสวรรค์ก็เพียงพอแล้วไม่ใช่หรือ?

“เพราะเหตุใดอาจารย์ถึงออกไปจากที่แห่งนี้ไม่ได้หรือขอรับ” ลั่วเหยียนเจิ้งตัดสินใจเอ่ยถามสิ่งที่คาใจมาตลอดหลายปี อาจารย์เขานิ่งไปชั่วครู่รอยยิ้มที่มุมปากกลับเย้ยหยันชีวิตจนน่าประหลาดใจ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel