บท
ตั้งค่า

บทนำ เล่ห์ร้ายจอมราชันย์ (3)

บทนำ เล่ห์ร้ายจอมราชันย์ (3)

“หืม แรงไปเหรอ ไม่เป็นไรเดี๋ยวเจ้าก็ชิน”

นั่นคือคำพูดของผู้มีพระคุณที่ลั่วเหยียนเจิ้งได้ยินก่อนจะสลบไปเพราะทนความปวดร้อนในอกและตามร่างกายไม่ไหว

ฝู่ซานยกมือตวัดร่างเด็กน้อยไปนอนเป็นเตียงไม้เล็กเหมือนเดิม ก่อนจะหยิบไข่มุกสีขาวอายุพันปีบดละเอียดในมือกรอกลงคอเด็กน้อยอย่างระมัดระวัง แม้จะชอบกลั่นแกล้งแต่หน้าที่ก็ยังเป็นหน้าที่ไฉนเลยเทพตกสวรรค์อย่างตนจะกล้าทำร้ายบุตรสวรรค์ได้ลงคอ

ลั่วเหยียนเจิ้งไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปเป็นเวลานานเท่าไร เมื่อตื่นมาอีกทีก็ขึ้นวันใหม่ ที่พระอาทิตย์ตั้งฉากอยู่กลางศีรษะ ร่างกายตอนนี้ไม่ได้เจ็บปวดเหมือนแต่เดิมแล้ว มีเพียงรอยแผลเป็นบางเบาเท่านั้น ลั่วเหยียนเจิ้งลุกออกจากเตียงไม้เดินออกไปนอกกระท่อมหลังเล็กเห็นผู้มีพระคุณนอนอาบแดดอยู่ใต้ต้นเหมยแดง อาภรณ์สีขาวขับผิวขาวเนียนให้ดูงดงาม แต่หากนับความร้ายกาจที่กลั่นแกล้งเขาแล้วทำให้ความงดงามที่เห็น ไม่ได้ทำให้น่าสนใจแม้แต่น้อย

ลั่วเหยียนเจิ้งพาร่างเล็กวัยสิบขวบของตนเองเดินเข้าไปหาคนที่นอนอยู่ใต้ต้นเหมยแดง ตอนนี้หายดีแล้วจึงมิอาจอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป และหากเป็นไปได้เขาอยากให้ผู้มีพระคุณที่แสนประหลาดคนนี้ชี้ทางกลับแคว้นลั่วหยาง

“เวลานี้เจ้ายังกลับไม่ได้หรอก” น้ำเสียงราบเรียบของผู้ที่นอนอยู่กล่าวออกมาแผ่วเบา ทว่ากลับทำให้ลั่วเหยียนเจิ้งชะงักงัน เพราะยังไม่ทันได้กล่าวสิ่งใดออกมาแม้แต่น้อยแต่คนประหลาดผู้นี้รู้ได้อย่างไรว่าเขาต้องการไปจากที่แห่งนี้

“ทำไมขอรับ” ลั่วเหยียนเจิ้งเอ่ยถามอย่างนอบน้อมด้วยความไม่เข้าใจ ร่างสูงในอาภรณ์สีขาวลุกขึ้นนั่งหันมามองเขานิ่งๆ ดวงตาที่เคยแวววาวกลับฉายแววจริงจังกว่าปกติที่เคยพบเห็น

“ที่นี่เป็นหุบเขาเร้นลับ กาลเวลาที่นี่จะเดินเร็วกว่าโลกภายนอกที่เจ้าจากมา ต่อไปนี้ข้าฝู่ซานจะเป็นอาจารย์สอนสั่งเจ้า เมื่อใดที่ข้าคิดว่าเจ้าสำเร็จวิชาที่ข้ามีและเอาตัวรอดได้แล้วข้าจะส่งเจ้าออกไป” ลั่วเหยียนเจิ้งมองคนที่จะมาเป็นอาจารย์อย่างพิจารณาอีกครั้ง พร้อมคิดทบทวนคำพูดของฝู่ซานอย่างถี่ถ้วน

“ท่านหมายความว่าที่นี่เวลาเดินเร็วอย่างนั้นหรือขอรับ”

“ใช่ หนึ่งปีที่นี่เท่ากับหนึ่งวันของโลกภายนอก หากเจ้าฝึกสักสิบปีเท่ากับหายไปแค่สิบวัน คงไม่เป็นไรหรอกกระมัง”

น้ำเสียงจริงจังที่ตอบกลับมาทำลั่วเหยียนเจิ้งมึนงงเล็กน้อย แม้ตกจะตะลึงกับเวลา ทว่าใบหน้ากลับนิ่งเฉยไม่แสดงสิ่งใดออกมา แต่เมื่อพินิจในคำพูดแล้วจึงรู้ว่าย่อมเป็นผลดีกับตนเอง

“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าลั่วเหยียนเจิ้งฝากตัวด้วยขอรับอาจารย์” ลั่วเหยียนเจิ้งกล่าวอย่างนอบน้อมและก้มลงคารวะอย่างจริงใจ

หลังจากที่ตกลงเป็นลูกศิษย์แล้ว ลั่วเหยียนเจิ้งจึงได้รู้ว่าอาจารย์ฝู่ซานนั้นมีนิสัยชอบกลั่นแกล้งตนเป็นที่สุด โดยเฉพาะให้เขาเป็นหนูทดลองยาสูตรแปลกใหม่

จนบัดนี้ผ่านไปสามเดือนแล้วร่างกายเขาก็สามารถต้านทานพิษได้ถึงห้าสิบชนิด นับว่าเป็นผลดีอย่างมากเพราะในวังหลวงที่อาศัยอยู่นั้นล้วนแต่มีอันตรายจากยาพิษและมีผู้คนมากมายที่ตายตกเพราะมัน

ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่ลั่วเหยียนเจิ้งสงสัย เหตุใดหุบเขาเร้นลับแห่งนี้ถึงมีแค่ตนกับอาจารย์เท่านั้น เมื่อยามเอ่ยถามกลับได้คำตอบเป็นรอยยิ้มละไม แต่ดวงตากลับเศร้าหมองจนมิอาจคาดเดาได้ จึงมิคิดจะไถ่ถามอีกและสิ่งที่ได้เรียนรู้จากอาจารย์ฝู่ซานคือการเสแสร้งด้วยรอยยิ้ม ไม่ว่าคิดสิ่งใดมีเพียงรอยยิ้มอ่อนโยนเท่านั้น แม้กระทั่งลงมือเอายาพิษให้ลูกศิษย์ดื่ม ใบหน้ายังยิ้มอบอุ่นจนบัดนี้เขารู้สึกระแวงรอยยิ้มอาจารย์ไปเสียทุกครั้ง

“เหยียนเจิ้ง วันนี้ข้ามีข้าวต้มสูตรพิเศษมาให้เจ้าด้วย”

เสียงนุ่มทุ้มพร้อมรอยยิ้มเดินเข้ามาหาลั่วเหยียนเจิ้ง ในมือถือชามข้าวใบใหญ่มาให้เหมือนทุกครั้ง แม้รสชาติจะย่ำแย่แค่ไหนเขาก็ต้องจำใจกินให้หมดไม่เช่นนั้นจักโดนงดอาหารมื้อต่อไป และที่สำคัญเขาทำกับข้าวไม่เป็น หลังจากลองทำครั้งสุดท้ายเมื่อหนึ่งเดือนก่อนคือการเผาโรงครัวอาจารย์จนวอดวายหมด สุดท้ายจึงได้รับโทษมานอนตากน้ำค้างด้านนอกอยู่เจ็ดคืน หลังจากนั้นเขาก็ไม่กล้าเข้าไปห้องครัวอีกเลย

“อาจารย์วันนี้ข้าต้องเรียนรู้สิ่งใดขอรับ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel