บท
ตั้งค่า

บทนำ เล่ห์ร้ายจอมราชันย์ (5)

บทนำ เล่ห์ร้ายจอมราชันย์ (5)

“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้หรอก ไปเก็บของจำเป็นของเจ้าเถอะ เดี๋ยวข้าจะส่งเจ้าออกไปจากที่แห่งนี้”

ฝู่ซานหันไปบอกด้วยรอยยิ้มตามปกติ ทว่าคนฟังกลับยืนนิ่งก่อนจะก้มหน้าไปเก็บของตามคำสั่ง นี่เป็นข้อดีของลั่วเหยียนเจิ้งคือการเคารพในการตัดสินใจของเขา แม้เจ้าตัวจะสงสัยใคร่รู้แต่ก็ไม่ได้คาดคั้นเอาคำตอบ แต่นั่นเป็นเพราะเขาคืออาจารย์ แต่หากเป็นคนอื่นลูกศิษย์คนนี้คงคาดคั้นจนกว่าจะได้คำตอบแน่ๆ เขาดูคนไม่เคยผิด

ลั่วเหยียนเจิ้งกลับมาที่กระท่อมหลังขนาดกลางที่อาศัยตลอดสามปีที่ผ่านมาด้วยความรู้สึกใจหาย ต่อไปนี้เขาไม่สามารถกลับมาที่แห่งนี้ได้อีกแล้วเพราะที่นี่เป็นที่ที่มนุษย์ไม่สมควรอยู่ แม้จะดูสงบแต่กลับอ้างว้างเขาไม่รู้ว่าต่อไปนี้อาจารย์เขาจะอยู่คนเดียวได้เช่นไร

ภายในห้องนอนมีเพียงเตียงไม้ไผ่แข็งๆ ไม่ได้นุ่มอุ่นเหมือนในวังหลวง แต่มันก็เป็นที่ที่เขาหลับตาลงได้อย่างสบายใจเสียทุกครั้ง เขาไม่ได้เอาสิ่งใดออกไปนอกจากกระบี่หยกสีขาวที่อาจารย์มอบให้ มันงดงามและเด่นสะดุดตาเกินไป ทว่าด้วยคาถาอาคมของอาจารย์กลับเปลี่ยนโฉมภายนอกเหมือนกระบี่สนิมเขรอะไร้ราคาเล่มหนึ่งเท่านั้น

เสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวมใส่เป็นสีขาวดูสะอาดสะอ้านคล้ายจอมยุทธ์น้อย ลั่วเหยียนเจิ้งหยิบหยกประจำตัวมาห้อยที่ข้างเอวเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยจึงเดินออกมาหาฝู่ซาน แม้ภายนอกอาจารย์จะดูสง่างามมีรอยยิ้มอ่อนโยนเพียงใด

ทว่าดวงตากลับฉายแววเศร้าหมองจนเขาซึ่งยังเป็นเพียงเด็กน้อยผู้หนึ่งยังรับรู้ความรู้สึกเจ็บปวดไปด้วย ได้แต่เก็บความสงสัยเรื่องอันใดกัน ที่ทำให้อาจารย์ผู้ที่เหมือนไม่สนใจสิ่งใดจึงมีดวงตาที่เศร้าหมองถึงเพียงนี้

“ความจริงข้าเป็นเพียงเทพตกสวรรค์ที่ถูกคุมขังไว้ในที่แห่งนี้เท่านั้น” ขณะเดินไปตามแผ่นหลังกว้างของผู้มีพระคุณเพื่อออกนอกเขตหุบเขาเร้นลับแห่งนี้ ฝู่ซานก็กล่าวออกมาจนทำให้ลั่วเหยียนเจิ้งชะงักงันหันไปมองอาจารย์อย่างไม่แน่ใจ

“เจ้าจากไปหากข้าไม่พูดคงค้างคาใจเจ้าใช่หรือไม่” คำถามที่ทำให้ลั่วเหยียนเจิ้งพยักหน้ายอมรับความจริง เพราะเขาไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับอาจารย์ผู้นี้เลยนอกจากความโดดเดี่ยวไร้คนคบหา

“เทพสวรรค์แม้จะมีความรักได้ แต่ก็มิอาจรักกับปีศาจได้นั่นคือความผิดของข้า ที่แห่งนี้คือที่คุมขังข้ามิให้ออกไปหรือผู้ใดเข้ามาได้ ที่เจ้าตกมายังที่แห่งนี้นับว่ามีวาสนาต่อกัน”

คำอธิบายสั้นๆ แต่จับใจความได้ทำให้ลั่วเหยียนเจิ้งนิ่งไป แม้จะยังไม่เข้าใจเรื่องความรัก แต่ก็เข้าใจเรื่องความผิดของอาจารย์ผู้นี้

“แล้วเมื่อไรจะพ้นความผิดขอรับ” ฝู่ซานหันไปยิ้มให้ลูกศิษย์สองเท้าก้าวเดินไปยังเขตทางออก เพราะเขาเองก็มิอาจตอบได้ก็ในเมื่อหัวใจของเขาตอนนี้ยังมิอาจตัดรักได้ โทษทัณฑ์นั้นยังคงอยู่

“ข้าก็มิอาจรู้แต่ข้าไม่เคยเสียใจในสิ่งที่ข้าทำ เจ้าเองก็เหมือนกันเหยียนเจิ้ง หากคิดจะทำสิ่งใดจงอย่าเสียใจที่ได้ทำมัน”

“ขอรับอาจารย์” ลั่วเหยียนเจิ้งตอบรับอย่างว่าง่าย แม้อาจารย์จะโดนลงทัณฑ์ มีดวงตาที่เศร้าหมองแต่ก็ไม่เคยที่จะเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปจนอดที่จะนับถือไม่ได้ หากเป็นตนเองไม่รู้ว่าจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวเช่นนี้ได้หรือไม่

“ข้าส่งเจ้าได้แค่นี้ ออกไปแล้วแม้จะหันกลับมาเจ้าก็จะไม่เห็นที่นี่อีก วาสนาเราสิ้นสุดแล้วจงนำสิ่งที่เจ้ามีไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ภายภาคหน้าข้าเชื่อว่าเจ้าจะเป็นฮ่องเต้ที่ดี ขอให้เจ้าโชคดี”

ฝู่ซานอวยพรให้ลูกศิษย์เป็นครั้งสุดท้าย รอยยิ้มอ่อนโยนที่มอบให้ทำให้ลั่วเหยียนเจิ้งน้ำตาซึม แต่เขาไม่อาจแสดงความอ่อนแอออกมาได้ มีเพียงรอยยิ้มจริงใจเท่านั้นที่ส่งมอบให้อาจารย์เป็นครั้งสุดท้าย

“ขอบพระคุณท่านอาจารย์ขอรับ ข้าจะจดจำคำสอนอาจารย์ตลอดไป” ลั่วเหยียนเจิ้งคุกเข่าคารวะอย่างจริงใจก่อนจะลุกขึ้นก้าวเดินออกจากที่แห่งนี้ด้วยความเชื่อมั่น

ดวงตากลมโตหันไปมองอาจารย์เป็นครั้งสุดท้าย รอยยิ้มอ่อนโยนที่มอบให้มาทำให้เขาได้แต่อวยพรให้สวรรค์เมตตาละเว้นโทษให้อาจารย์สักครั้ง สองเท้าเล็กก้าวเดินต่อไปข้างหน้าอย่างแน่วแน่ มุมปากยกยิ้มยิ้มน้อยๆ พร้อมมองไปตามเส้นทางของแคว้นลั่วหยาง

ทว่าดวงตากลับเย็นชามากขึ้นจนกระทั่งเย็นเยียบหากผู้ใดได้สบตาย่อมต้องหวาดกลัวไปถึงขั่วหัวใจ ต่อไปนี้เขาค่อยๆ จัดการหนูในวังหลวงให้สาสมกับที่กล้าลอบสังหารเขา ต่อไปนี้จะไม่มีลั่วเหยียนเจิ้งคนเดิมอีกแล้ว

...เพราะจะมีเพียงจิ้งจอกในคราบเด็กน้อยผู้อ่อนแอเท่านั้น!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel