ตอนที่3[อุบัติเหตุ]
เล่ห์ร้ายของนายณภัทร
ตอนที่3
[อุบัติเหตุ]
ผับหรู
หลังเลิกงานณภัทรได้ขับรถออกจากบริษัท แล้วแยกออกเส้นทางไปที่ผับหรูของเพื่อนชายเนื่องจากได้นัดหมายกับหมอกริชไว้ ให้ออกมาเจอกันที่ผับประจำของไทน์เพื่อนชายสมัยเรียนชั้นมัธยมมาด้วยกัน
ครั้นณภัทรมองเห็นป้ายผับที่โดดเด่น เขาจึงได้ชะลอความเร็วลง แล้วเลี้ยวเข้าไปจอดหลังร้านอย่างเคย ร่างสูงก้าวเท้ายาว ๆ เดินขึ้นบันไดหลังร้านมาถึงชั้นที่สอง ก่อนจะก้าวขาขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้นที่สามที่ได้นัดเพื่อนเอาไว้
ทว่าพอเขาผลักประตูเข้าไป ปรากฏว่าเพื่อนชายได้นั่งดื่มรอเขาก่อนแล้ว
“เฮ้ย! ขอโทษวะ กูมาช้ารถแม่ง! ติด…” ณภัทรได้แต่ขอโทษเพื่อนชายที่ปล่อยให้รอนาน
“ไม่เป็นไร กูก็เพิ่งมาถึงก่อนมึงแป๊บเดียวเอง” เสียงหมอกริชเอ่ยขึ้น
หมอกริชเรียนจบแผนกกระดูกและข้อมาจากฝั่งเศส พอจบเขาได้เดินทางมาช่วยบิดาบริหารโรงพยาบาลในเครือของตระกูล ที่ชื่นชอบด้านการให้ความช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์ สืบทอดเจตนารมณ์ของบรรพบุรุษ
“กูได้ข่าวว่าพ่อมึงจะยกตำแหน่งประธานให้นี่หว่า…มันจริงไหมวะ” หมอกริชได้แต่เอ่ยถาม
“อืม…พ่อกูอายุมากแล้วท่านอยากพักผ่อนนะ” ณภัทรอธิบายให้เพื่อนฟัง
สองหนุ่มนั่งคุยกันไม่นาน ไทน์ก็เดินเข้ามาสมทบอีกคน
“กูคิดถึงพวกมึงมากเลยนะเว้ย! ตั้งหลายปีแล้วที่เราไม่เจอกัน วันนี้กูขอเลี้ยงพวกมึงนะเป็นการฉลองที่เราได้มาพบกันอีก” ไทน์ที่เป็นเจ้าของร้านได้แต่เอ่ยขึ้น
“งั้นกูกับไอ้ภัทรไม่เกรงใจนะเว้ย! จะแดกให้เกลี้ยงร้าน” หมอกริชเอ่ยหยอกเย้าเพื่อนบ้าง
“ถ้ามึงสามารถแดกจนร้านกูเจ๊งขนาดนั้น กูก็ยอม กลัวไม่เท่าไหร่พวกมึง ก็เมาคลานเหมือนหมาดิ!” ไทน์ว่าจบเพื่อนต่างขบขัน ร้านแม่ง! ใหญ่โตขนาดนี้ ถ้าแดกเหล้าหมดร้าน คงได้คลานเหมือนหมาอย่างมันว่าแหละ!
ณภัทรกับเพื่อนนั่งสังสรรค์ พูดคุยตามประสา เพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานาน เมื่อได้เวลาจึงขอกลับก่อน
“ไอ้หมอไอ้ไทน์ พรุ่งนี้กูมีประชุมขอตัวกลับก่อนนะมึง” ณภัทรเอ่ยขึ้น
“เอ่อ…มึงไปเถอะ กูขอคุยเล่นกับไอ้ไทน์ต่ออีกสักแป๊บ” หมอกริชว่า
รถหรูของณภัทรได้ขับเคลื่อนออกจากผับหรูของเพื่อนชาย ออกมาไม่นานก็ถึงแยกไฟแดง ครั้นไฟเขียวขึ้นมาณภัทรรีบเร่งความเร็วขึ้น แล้วพุ่งทะยานไปข้างหน้า อยู่ ๆ ก็มีรถกะบะออกมาจากซอย แล้วออกมาตัดหน้าเขาอย่างกระทันหัน
เอี๊ยด!
โครม!
ณภัทรเหยียบเบรกจนเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณ แต่เพราะรถแล่นมาด้วยความเร็วสูง จนทำให้เขาไม่สามารถประคองรถไว้ได้ จึงพุ่งชนอย่างจังแล้วรถพลิกคว่ำลงข้างทาง
ณภัทรดิ้นขลุกขลักอยู่ใต้ซากรถ หูตาพร่ามัวไปด้วยของเหลวสีแดงสด เขาพยายามช่วยเหลือตัวเอง เพื่อจะให้มีชีวิตรอดออกมาให้ได้ แต่สุดท้ายเรี่ยวแรงที่เหลือเพียงน้อยนิดก็ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองให้ออกมาได้ ณภัทรได้แต่นึกถึงมารดา แรงที่เหลือน้อยนิดได้แต่เอ่ยเรียกหามารดาของตัวเอง อยู่สองสามคำในที่สุดก็หมดสติไป
หมอกริชหลังจากอยู่คุยกับไทน์ไม่นานก็ขอตัวกลับบ้าง เมื่อรถแล่นออกมาเลยสี่แยก เขาจึงมองเห็นอุบัติเหตุข้างหน้า รถเขาแล่นเข้าไปใกล้แล้วมองลงไปข้างทาง
“เฮ้ย! รถไอ้ภัทร!” เขาเอ่ยแค่นั้นก็เหยียบเบรกกำลังจะเปิดประตูลง รถกู้ภัยก็มาถึงพอดี หมอกริชรีบก้าวลงไปดูเพื่อน
“ช่วยด้วยครับ เพื่อนผมติดอยู่ในรถ” ไม่นานกู้ภัยและรถพยาบาลก็ได้ช่วยกันนำร่างณภัทรออกมาจากซากรถจนได้
“เอาคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาลเอกชน…เลยครับ” หมอกริชได้แต่บอกพี่กู้ภัยให้นำเพื่อนชายไปส่งที่โรงพยาบาลของตน
โรงพยาบาล
ร่างของณภัทรได้ถูกนำเข้าห้องฉุกเฉินอยู่หลายชั่วโมง ทั้งคุณหมอทั้งพยาบาลเดินเข้าเดินออกกันให้วุ่น
หมอกริชเคร่งเครียด วิ่งเข้าวิ่งออก รอลุ้นเพื่อให้คุณหมอได้ช่วยเหลือเพื่อนชายของเขา ให้มีชีวิตรอดกลับมาอีกครั้ง
พอรู้ว่าเพื่อนชายพ้นขีดอันตราย หมอกริชจึงโทรแจ้งข่าวไปทางบ้านของณภัทรทราบ
“อะไรนะ! ตาภัทรประสบอุบัติเหตุ” เสียงคุณอัศวินทวนประโยคออกมาได้แค่นั้น มือถือก็หลุดร่วงลงสู่พื้น
“คุณพี่! ใครเป็นอะไรคะ ทำไมมือถือแตกกระจายแบบนี้” คุณประไพที่เดินออกมาจากห้องน้ำ ในเวลาตีสี่ได้แต่เอ่ยถามสามีของเธอ
“ตาภัทร…ตาภัทรประสบอุบัติเหตุอยู่โรง'บาล หมอกริชเพิ่งส่งข่าว”
“แล้วหมอบอกไหม ว่าตาภัทรอาการเป็นไงบ้าง” คุณประไพเอ่ยถามสามี
“ผมยังไม่ทันได้ถามอะไรเลย มือถือก็หลุดมือไปแล้ว ผมจะออกไปดูลูกก่อน” ว่าจบคุณอัศวินก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ แล้วก้าวเท้าลงไปชั้นล่าง ยังไม่ทันจะก้าวออกนอกบ้าน ร่างของคุณอัศวินก็ทรุดลงข้างโซฟา
“คุณพี่! คุณพี่เป็นอะไร ใครอยู่แถวนี้บ้างมาช่วยคุณพี่ที” เสียงโวยวายของคุณประไพดังลั่นบ้าน ทำให้ป้าชื่นกับลุงเติมรีบวิ่งตาลีตาลานเข้ามาทางหลังบ้าน
“คุณท่านเป็นอะไรครับ” ลุงเติมรีบถลาเข้ามาช่วยคุณประไพ ประคองร่างคุณอัศวินขึ้นนอนพิงโซฟาตัวยาว
“ป้าชื่นไปหยิบยาดมมา คุณพี่หน้ามืดนะ”
ป้าชื่นยื่นยาดมให้คุณประไพ ส่งให้ประมุขของบ้านสูดดม คุณอัศวินหลับตาลง แล้วหายใจเข้าออกลึก ๆ ทว่าความห่วงใยต่อบุตรชายทำให้คุณอัศวินต้องทำใจเข้มแข็ง เขาจะไม่ยอมเป็นอะไรไปง่าย ๆ หรอก ตราบใดที่ยังไม่รู้แน่ชัดว่าบุตรชายคนโต อาการหนักหนาสาหัสเพียงไร
คุณอัศวินนอนพักอยู่บนโซฟาอยู่ถึงสองชั่วโมง พออาการดีขึ้น จึงเตรียมตัวจะไปดูณภัทรที่โรงพยาบาลให้ได้
“ลุงเติมเอารถออก ผมจะไปดูเจ้าภัทร”
“คุณภัทรอยู่ที่ไหนครับ”
“อยู่โรง’บาล รถประสบอุบัติเหตุ ผมห่วงลูกไม่รู้ว่าเป็นไงบ้าง”
“คุณภัทรประสบอุบัติเหตุเหรอครับ/คุณภัทรประสบอุบัติเหตุเหรอคะ” ทั้งลุงเติมและป้าชื่นได้แต่อุทานออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจ
“ใครเป็นอะไรเหรอครับ” รณพีร์ที่ก้าวลงบันไดมาเกือบถึงชั้นล่าง ได้แต่เอ่ยถามอย่างสงสัย
“คุณภัทร…คุณภัทรค่ะ” ป้าชื่นละล่ำละลักอธิบาย
“คุณพ่อแล้วพี่ภัทรเป็นอะไรมากไหมครับ งั้นผมไปด้วยผมก็เป็นห่วงพี่ภัทร”
“คุณพี่ ถ้าตาพีร์ไปด้วย งั้นไพขอรอฟังข่าวอยู่ที่บ้านนะคะ”
“ตามใจเธอ” ว่าจบร่างสูงของคุณอัศวินก็ก้าวออกไป ขึ้นรถตามด้วยรณพีร์