ตอนที่2[ตำแหน่งประธาน]
เล่ห์ร้ายของนายณภัทร
ตอนที่2
[ตำแหน่งประธาน]
บนโต๊ะอาหารของคฤหาสน์หรู มีคุณอัศวินประมุขของบ้านที่แต่งตัวด้วยสูทสีกรมได้นั่งอยู่หัวโต๊ะ ฝั่งขวามือเป็นคุณประไพที่เป็นภรรยาลำดับที่สองของบ้าน หลังจากคุณจิตตภาที่เป็นภรรยาในสมรสได้ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต จากทางรถยนต์เมื่อยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ณภัทรมีอายุได้เพียงสองขวบเท่านั้น ทำให้ประมุขของบ้านมีคำสั่งให้คุณประไพที่อยู่เรือนเล็กได้ย้ายมาอยู่ตึกใหญ่นับจากวันนั้น
ส่วนซ้ายมือเป็นบุตรชายคนโตอย่างณภัทร ถัดไปจะเป็นบุตรชายคนเล็กอย่างรณพีร์ บนโต๊ะอาหารเช้าที่เงียบสงบ ต่างนั่งทานอาหารกันเงียบ ๆ
จนกระทั่งประมุขของบ้านยกแก้วน้ำขึ้นดื่มจนหมดแก้ว ได้เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ
“เราสองคนเตรียมตัวให้พร้อม พรุ่งนี้พ่อจะให้เราออกไปดูงานที่บริษัททั้งสองคน” คุณอัศวินหันมามองบุตรชายทั้งสองคน
“ครับคุณพ่อ/ครับคุณพ่อ” บุตรชายตอบรับพร้อมกัน จากนั้นประมุขของบ้านได้ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปหน้าบ้าน โดยมีคุณประไพได้ก้าวตามไปส่งจนถึงหน้าบ้าน
“เย็นนี้คุณพี่อยากทานอะไรพิเศษรึเปล่า ไพจะให้แม่บ้านทำให้”
“ไม่ต้องลำบากหรอก เย็นนี้ผมติดธุระ ต้องออกไปทานข้าวกับลูกค้ารายใหญ่” ว่าจบคุณอัศวินก็ก้าวไปขึ้นรถ โดยมีลุงเติมที่ทำหน้าที่เป็นสารถี
วันถัดมา…
สองหนุ่มทายาทของตระกูลกิตติกรสกุล ที่อยู่ในชุดสูทหรูที่พร้อมจะออกไปทำหน้าที่บริหารบริษัท ณภัทรอยู่ในชุดสูทสีดำ ใบหน้าที่หล่อเหลาดั่งเทพเจ้าปั้นแต่งจนคนที่พบเห็นต่างก็ชื่นชม ไม่แปลกใจเลยที่ตอนใช้ชีวิตอยู่เมืองนอก หนุ่มรูปงามอย่างเขาจึงมีสาว ๆ แวะเวียนมาขายขนมจีบอยู่เป็นเนืองนิจ แต่ณภัทรก็ยังไม่คิดจริงจังกับใคร ร่างที่สูงใหญ่กำยำทำให้เขาดูสง่าและภูมิฐานไม่น้อย ณภัทรก้าวออกจากบ้านมาขึ้นรถแล้วขับออกไป
ส่วนรณพีร์เขาอยู่ในสูทสีเทาเข้ม ความหล่อเหลาไม่ได้แตกต่างจากพี่ชายนัก เพราะตอนอยู่ที่เมืองนอกสาว ๆ ทั้งคนไทยและต่างชาติต่างก็หมายปองเขาอยู่หลายราย ความสูงใหญ่ของเรือนร่าง เป็นแรงดึงดูดจากเพศตรงข้ามไม่น้อย พอมาอยู่ในชุดสูทพร้อมทำงานแบบนี้เขาแลดูเฟอร์แฟคเอามากทีเดียว
สองหนุ่มมาถึงบริษัทไล่เลี่ยกัน ณภัทรก้าวเท้าลงจากรถแล้วก้าวเดินเข้าด้านใน
พนักงานที่พบเห็นต่างหันมาจ้องมองเขาเป็นตาเดียวกัน
“ใครนะหล่อชะมัด! อะแก”
“ฮื้อ! อย่างกับเทพเจ้าปั้นแต่งมาเลยอะ…หล่อโครต ๆ”
ครั้นณภัทรเดินผ่านหน้าไปเข้าลิฟต์ พนักงานที่มองตามจนสุดสายตา ต่างก็หันกลับมาแล้วสะดุดกับอีกร่างที่ความหล่อเหลาไม่แพ้กันเลย
“โอ้ย! ทำไมวันนี้มีแต่คนหล่อ ๆ เดินเข้าบริษัทอะ…”
“อื้อ! ฉันยิ่งเป็นโรคแพ้ความหล่อซะด้วยสิ!”
“อื้อ! ทำไมมีแต่หล่อล่ำ กำยำน่าขยำทั้งนั้นอะแก” สาวสองในกลุ่มได้แต่ทำสีหน้าเหมือนอยากกลืนกินร่างหล่อ ๆ ที่เพิ่งเดินผ่านตาไป
“นี่ ๆ พวกแกรู้ไหม วันนี้ลูกชายของท่านประธานมาแพ็คคู่เลย ได้ข่าวว่าเพิ่งกลับจากฝรั่งเศสด้วย แล้วได้ยินมาอีกว่าหล่อแพ็คคู่เชียวแหล่ะ” คนที่มาใหม่ได้แต่ทำท่าทาง อย่างกับเพิ่งเจอคนที่เอ่ยถึงมาแล้ว
“แกเคยเจอมารึยังยัยแหม่ม” รุ่นพี่สาวสองที่มีนามว่าหวานเอ่ยถาม
“ยัง! ฉันได้ยินเขาเล่ามา”
“โน้นแหกตาดูโน้น คนที่แกพูดถึงกำลังจะเข้าลิฟต์ไปโน้นแล้ว” รุ่นพี่ได้แต่ชี้นิ้วให้รุ่นน้องมองตามร่างสูงสง่าของรณพีร์ ที่กำลังจะก้าวเข้าลิฟต์
“เฮ้ย! แค่เห็นด้านหลังก็รู้ว่าหล่อโครตแล้ว”
“นี่ ๆ มายืนจับกลุ่มทำอะไรกันย่ะ…จะแปดโมงแล้วเมื่อไหร่จะเข้าทำงานกัน” เสียงพี่สมศรีที่เป็นฝ่ายบุคคลเดินมาเอ่ยเตือนสาว ๆ ตรงทางเดิน
“สวัสดีค่ะ พี่สมศรีพวกหนูกำลังจะไปกันพอดี”
“เดี๋ยว! พี่ลืมบอกน้อง ๆ ไปว่าวันนี้คุณณภัทร กับคุณรณพีร์ลูกชายของท่านประธาน ได้เข้ามาถึงบริษัทแล้ว เพราะฉะนั้นช่วยกันตั้งใจทำงานให้มากกว่านี้ ระวังใครที่ชอบอู้งานก็ปรับปรุงตัวซะ” ว่าจบพี่สมศรีก็หมุนตัวเดินเข้าออฟฟิศทันที
ครั้นทุกคนได้รับข่าวจากพี่สมศรี ต่างก็ถึงบางอ้อกันเสียที ว่าหนุ่มหล่อขั้นเทพที่เห็นกันก็คงจะเป็นทายาทของท่านประธานบริษัท KKกรุ๊ปนั่นเอง
สองหนุ่มที่มีความสามารถในด้านบริหาร และเก่งกาจในทางด้านภาษาด้วยกันทั้งคู่ ต่างมุ่งมั่นและตั้งใจพัฒนาบริษัทให้เจริญเติบโตขึ้นไปเรื่อย ๆ
หกเดือนผ่านไป…
ที่ณภัทรกับรณพีร์ต่างได้แสดงศักยภาพของตัวเองให้ผู้ใหญ่ทุกฝ่ายได้ประจักษ์ จนเป็นที่ยอมรับในกลุ่มนักธุรกิจชั้นแนวหน้า ทุกกลุ่มทุกแขนง
บนโต๊ะอาหารของคฤหาสน์หรู คุณอัศวินยกแก้วน้ำขึ้นดื่มในมื้อค่ำของครอบครัวในวันสุดสัปดาห์
“พ่อมีเรื่องจะแจ้งให้พวกเราทุกคนทราบ คือช่วงนี้พ่ออายุมากแล้ว และสุขภาพไม่ค่อยจะอำนวยมากนัก สิ้นเดือนนี้พ่อจะแต่งตั้งให้ณภัทรได้ขึ้นมาทำหน้าที่ตำแหน่งผู้บริหารต่อจากพ่อ” คุณอัศวินเอ่ยเนิบนาบ เพราะตำแหน่งใหญ่โตแบบนี้ ต้องตกเป็นณภัทรที่เป็นทายาทคนโตแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น เพื่อจะขับเคลื่อนบริษัทให้ได้ไปต่อ และเขาก็จะได้วางมือเสียที
“ส่วนตาพีร์พ่อจะยกตำแหน่งรองประธานให้เราสองพี่น้องจะได้ช่วยกันบริหารบริษัทของเราต่อไป”
“รับทราบครับคุณพ่อ/รับทราบครับคุณพ่อ” ทั้งคู่รับทราบถึงเรื่องสำคัญที่บิดาได้แจ้งออกมาจนเข้าใจกันแล้ว ครั้นบิดาลุกขึ้นลูก ๆ ต่างลุกตามบ้าง
ส่วนคุณประไพได้แต่เป็นผู้ฟังที่ดี ครั้นสามีและลูกชายลุกไปแล้ว เธอจึงลุกตามไปบ้าง
คุณประไพเคยทำงานเป็นพนักงานของบริษัท KKกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอได้ทำอยู่ในตำแหน่งประชาสัมพันธ์ของบริษัท เพราะเธอมีความสวยที่โดดเด่น ทำให้คุณอัศวินเล็งเห็นถึงความสามารถ และได้ใกล้ชิด จนกระทั่งมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งอยู่หลายครั้ง
จนกระทั่งวันหนึ่งเธอพลาดท้อง จึงทำให้เธอต้องบากหน้าไปขอพบคุณจิตตภา เพื่อขอความเห็นใจจากเธอ ขอร้องให้เธอยอมรับตัวเองได้เข้าไปอยู่ในรั้วของกิตติกรสกุล ตอนนั้นคุณประไพเสนอเองว่าจะขออยู่บ้านหลังเล็กก็ได้ ขอแค่เธอกับลูกได้อาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกันก็พอ
คุณจิตตภาเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยน และมีเมตตา ในที่สุดคุณประไพก็ได้ก้าวเข้ามาอยู่ในรั้วบ้านเดียวกัน
“หนูขอกราบขอบคุณ คุณผู้หญิงมากนะคะ ที่เมตตาให้หนูกับลูกได้เข้ามาอยู่ที่นี่ด้วย”
“ไม่เป็นไรนะ เราลูกผู้หญิงเหมือนกัน และเด็กในท้องของเธอ ก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของกิตติกรสกุลเช่นกัน เพราะฉะนั้นเธอไม่ต้องคิดมาก อยู่ที่นี่ทำตัวให้สบายเหมือนกับอยู่บ้านของตัวเองนะ”