ตอนที่1[ทายาทกิตติกรสกุล]
เล่ห์ร้ายของนายณภัทร
ตอนที่1
[ทายาทกิตติกรสกุล]
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
เที่ยวบินปารีส-กรุงเทพฯได้บินลงสู่รันเวย์ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแล้วจอดอย่างสนิท ร่างสูงใหญ่ที่มีส่วนสูง180กว่า ใบหน้าหล่อคมผิวพรรณขาวสะอาด กับการแต่งกายที่เรียบร้อยด้วยอาภรณ์หรูราคาแพง ได้ก้าวเดินลงมาเหยียบผืนแผ่นดินเกิดอีกครั้ง
ณภัทร กิตติกรสกุล เป็นทายาทคนโต ของบริษัทส่งออกเครื่องหนังไปทั่วโลก หลังจากเรียบจบปริญญาโทมาตั้งสองปีแล้ว แต่ที่เพิ่งได้กลับมาเพราะเขาได้รับคำขอจากมารดาเลี้ยง อย่างคุณประไพ ที่ให้เขารอน้องชายอย่างรณพีร์ กิตติกรสกุล ที่มีอายุอ่อนกว่าณภัทรถึงสองปี รณพีร์ที่มีความสูงพอ ๆ กับพี่ชายแล้วมีใบหน้าที่หล่อเหลาพอกัน ต่างกันตรงสีผิวน้องชายจะมีสีผิวที่เข้มกว่าเพราะได้ไปทางคุณประไพที่เป็นมารดา
ครั้นน้องชายเรียนจบทั้งคู่จึงรีบเดินทางกลับมาบ้านเกิดพร้อมกัน ร่างสูงเดินลากกระเป๋าเดินทาง ออกมาถึงด้านนอก
รณพีร์รีบก้าวเท้าขึ้นรถ เมื่อมารดาส่งคนมารอรับถึงสนามบิน
“รอพี่ภัทรก่อนครับ” รณพีร์เอ่ยบอกคนขับ เมื่อพี่ชายอย่างณภัทรได้ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ
“คุณผู้หญิงให้คุณพีร์ไปพบที่โรงพยาบาลครับ ท่านไม่สบาย ส่วนคุณณภัทรให้รอกลับรถอีกคัน” เสียงคนขับรถอธิบาย
“งั้นเหรอ แล้วคุณแม่เป็นอะไรมากไหม”
“ไม่ทราบครับ ผมทำตามคำสั่งของคุณผู้หญิงเท่านั้น” ว่าจบคนขับรถก็ขับเคลื่อนออกไป
ร่างสูงใหญ่ของณภัทร ที่ก้าวออกมาจนถึงที่วางสัมภาระก็ได้แต่เหลียวมองหาน้องชาย
ติ๊ง!
เสียงขอความไลน์เด้งขึ้นมา ทำให้ณภัทรรีบคว้ามือถือขึ้นมาดู
รณพีร์ : พี่ภัทรผมออกมาก่อนนะครับ ผมจะเลยไปดูคุณแม่ที่โรงพยาบาล ส่วนพี่ภัทรมีรถอีกคันรอมารับนะครับ
เมื่อได้อ่านข้อความจบณภัทรจึงมองไปอีกทาง ก็เห็นรถที่บ้านกำลังเคลื่อนตัวมาจอดเทียบอยู่หน้าเขาพอดี
“สวัสดีครับคุณภัทร ไปเรียนหลายปี กลับมาโตเป็นหนุ่มจนผมจำแทบไม่ได้เลยครับ” ลุงเติมเอ่ยทัก
“สวัสดีครับ ลุงเติมก็ยังเหมือนเดิมนะครับ”
ณภัทรเปิดประตูก้าวขึ้นรถ โดยมีลุงเติมคนขับรถเก่าแก่ ตั้งแต่สมัยคุณ ‘จิตตภา’มารดาของณภัทรยังมีชีวิตอยู่ ครั้นเรียบร้อยลุงเติมจึงออกรถไปทันที
รถออกตัวมาไกลเพื่อจะมุ่งหน้าเข้าสู่คฤหาสน์ กิตติกรสกุล ครั้นมาถึงทางแยกขณะที่รถของณภัทร นั่งอยู่กำลังจะเลี้ยวเข้าอีก ทาง แต่อยู่ ๆ มีรถกะบะคันหนึ่งแล่นมาด้วยความเร็วสูง แล้วพุ่งชนท้ายรถหรูของณภัทรอย่างจัง
โครม!!
บรึน! บรึน!
“ลุงเติมระวังครับ” ขณะที่รถคันดังกล่าวเข้าทุ่มท้ายอย่างแรงแล้ว แต่มันกลับเร่งความเร็วขึ้น ทำท่าจะตามมาทุ่มซ้ำ ทำให้ณภัทรรีบสลับที่นั่งกับลุงเติมทันที
“ลุงเติมท่าจะไม่ดี เดี๋ยวผมขับเอง” ณภัทรรีบถอดเข็มขัดนิรภัยออกอย่างรีบเร่ง แล้วแทรกตัวเข้านั่งเบาะคนขับแทนลุงเติม ทว่ารถกะบะที่ตามมาด้วยความเร็ว ก็พุ่งมาตบโดนแผลเดิมซ้ำรอยอีกครั้ง ณภัทรรีบเหยียบคันเร่งจนจมมิด แล้วประคองรถพุ่งทะยานไปด้านหน้า เขาขับส่ายไปส่ายมาด้วยความชำนิชำนาญ จนลุงเติมได้แต่ใช้มือทั้งสองข้างจับขอบเบาะรถเอาไว้แน่น
ครั้นเมื่อพ้นความเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาได้ ลุงเติมได้แต่ยกมือขึ้นมาทาบอก ทำคนแก่แทบจะลมจับเสียให้ได้
“เฮ้อ! คุณภัทรผมแทบช็อคเลยครับ ทำไมคุณภัทรขับเก่งแบบนี้” ลุงเติมได้แต่เอ่ยถามเจ้านายหนุ่มของเขา
“ผมอยู่เมืองนอกเคยออกไปขับรถแข่งกับเพื่อนมาครั้งสองครั้งครับ”
“มิน่าล่ะ! ผมนี่ฉี่แทบราดเลยครับ”
“ถ้าเราช้า เราอาจจะตายได้นะลุง”
“นี่! ผมกำลังสงสัยว่ากะบะคันนั้นมันตั้งใจตามขยี้เราเลยนะครับ” ลุงเติมได้แต่ออกความเห็น
“มันอาจจะหลอนยา” ณภัทรได้แต่คาดการณ์ตามที่เห็น เพราะเขาไม่ได้อยู่เมืองไทยมาตั้งหกเจ็ดปีแล้ว ถ้าจะให้คิดว่ามีใครโกรธแค้นเขาถึงกับอยากเอาชีวิตแบบนั้นก็ไม่น่าจะใช่
ไม่นานรถของณภัทรก็ได้แล่นมาถึงเขตรั้วสูงของคฤหาสน์ กิตติกรสกุล รถได้แล่นมาจอดที่หน้าตึกสามชั้น ร่างสูงใหญ่ของณภัทรเปิดประตูก้าวลงมา
“คุณภัทรมาแล้ว ป้าชื่นคุณภัทรมาถึงแล้ว” เสียงของนิดที่เป็นเด็กรับใช้ในบ้านมานาน วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาตามป้าชื่นถึงในครัว
“เออ! นังนิดแกจะตะโกนแหกปากทำไมนักวะ เดี๋ยวคุณผู้หญิงได้ยินก็โดนดุอีกหรอก”
“แต่คุณผู้หญิงออกไปข้างนอก ยังไม่กลับมานะคะป้า แล้วหนูก็ดีใจด้วยที่คุณภัทรกลับมา บอกเลยว่าหล่อม๊าก”
“เออ เอ็งก็ไปเตรียมน้ำเย็นไปให้คุณภัทรที”
“หนูดีใจ ที่คุณภัทรกลับมา แต่หนูต้องขึ้นไปเรียนคุณท่านด้วยนะป้า”
“เอ็งเอาน้ำไปให้คุณภัทรก่อน แล้วค่อยขึ้นไปเรียนคุณท่าน” ว่าจบป้าชื่นก็เดินมาถึงห้องโถง
“สวัสดีครับป้าชื่น” ว่าจบร่างสูงของณภัทรก็เดินมาสวมกอดหญิงสูงวัย
“คุณหนู คุณหนูของป้าชื่นกลับมาแล้วจริง ๆ” ว่าจบป้าชื่นก็สวมกอดเอวหนาของคุณหนูที่เธอรักและเลี้ยงดูมาตั้งแต่ตัวเล็ก แล้วน้ำตาของหญิงสูงวัยก็ไหลลงมาอาบแก้มที่เหี่ยวย่น
“อื้อ…ป้าชื่นร้องไห้ทำไมครับ ไม่ร้องแล้วนะ” ว่าจบณภัทรยกมือขึ้นปาดเกลี่ยน้ำตาให้ป้าชื่น
“คุณหนูน่ารักกับป้าเสมอเลยนะคะ นี่ดูโตเป็นหนุ่มแล้ว คุณหนูของป้าหล่อมากจริง ๆ”
“คุณพ่อไม่อยู่เหรอครับ แลบ้านเงียบจัง”
“คุณท่านพักผ่อนอยู่ข้างบนค่ะ ป้าให้ไอ้นิดขึ้นไปแจ้งแล้ว ส่วนคุณผู้หญิงออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้ายังไม่กลับมาเลย”
“ถ้างั้น ผมขึ้นไปหาคุณพ่อก่อนนะครับ” ว่าจบณภัทรก็ก้าวเท้าขึ้นชั้นสองที่เป็นห้องส่วนตัวของบิดา ณภัทรยืนอยู่หน้าห้องแล้วเคาะประตูเบา ๆ ก่อนจะผลักเข้าด้านใน
“สวัสดีครับคุณพ่อ” ณภัทรยกมือไหว้บิดา
“มาแล้วเหรอ! เห็นลุงเติมแจ้งมาว่ามีรถตามทุ่มใช่ไหม แล้วภัทรคิดว่าไง อุบัติเหตุรึว่าตั้งใจ” คุณอัศวินเอ่ยเนิบนาบ
“มองเหมือนตั้งใจนะครับ แต่แปลกผมไม่ได้อยู่เมืองไทยมาหลายปี แล้วใครกันที่คิดจะทำร้ายผม” ณภัทรได้แต่เอ่ยให้เหตุผลบิดา
“นั้นสิ! คือคำตอบที่ภัทรจะต้องค้นหา แต่ลูกปลอดภัยกลับมาพ่อก็สบายใจขึ้น ต่อไปเราก็ต้องระมัดระวังตัวเข้าใจไหม” บิดาได้แต่เอ่ยขึ้น เพราะหวงบุตรชายไม่น้อย ใครกันที่คิดจะเล่นงานทายาทของนายอัศวิน
“ครับคุณพ่อ งั้นผมขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะครับ” ว่าจบณภัทรก็ดึงประตูแล้วก้าวออกไป
ณภัทรกำลังจะก้าวถึงห้องส่วนตัว แต่มีเสียงของน้องชายทักขึ้นเสียก่อน
“พี่ภัทรมาถึงนานรึยังครับ ได้ไปหาคุณพ่อรึยัง” รณพีร์กล่าวทักแล้วก้าวเดินมาหาพี่ชาย
“อื้อ…สักพัก นายก็เข้าไปหาคุณพ่อสิ พี่ขอตัวไปพักผ่อนก่อนรู้สึกเพลีย ๆ อ้อ! แล้วคุณอาเป็นไงบ้างป่วยเป็นอะไร”
“คุณแม่ไม่เป็นอะไรมาก ท่านแค่ไปตรวจสุขภาพเฉย ๆ งั้นผมขอตัวไปหาคุณพ่อก่อนนะครับ” ว่าจบรณพีร์ก็ก้าวเข้าไปยืนอยู่หน้าห้องบิดา แล้วเคาะประตูขออนุญาต ก่อนจะผลักเข้าไปด้านใน
“สวัสดีครับคุณพ่อ”
“ตาพีร์ เรียนจบแล้วดูโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะสินะ” บิดากล่าวทัก
“ครับ ผมก็ดูแบบมาจากพี่ภัทร พี่ภัทรเรียนเก่งและก็เก่งหลาย ๆ ด้านด้วย”
“ดีแล้วเป็นพี่น้องกัน เรามีกันแค่สองคน พ่ออยากให้พีร์กับภัทรรักกันให้มาก ๆ เวลาพ่อตายจะได้ตายตาหลับ”
“ทำไมคุณพ่อพูดถึงเรื่องตาย คุณพ่อยังแข็งแรงจะต้องอยู่กับพวกเราไปนาน ๆ นะครับ”
“เรามาเหนื่อย ๆ ไปพักผ่อนเถอะ ตอนเย็นค่อยคุยกัน”