6.กลายเป็นภรรยาซื่อจื่อ
มู่เหนียงได้แต่ขำกับท่าทีของผู้เป็นนาย ซึ่งทำตาโตเท่าไข่หานไปแล้วยามนี้ นางช่างต่างจากเมื่อก่อนจริง ๆ
“รีบอาบน้ำเถอะเจ้าค่ะ หากที่นี่คือจวนกั๋วกงจริง กฎระเบียบและการรักษาเวลาเป็นเรื่องสำคัญ ประเดี๋ยวจะถูกตำหนิเอาได้” รีบเตือนผู้เป็นนาย พร้อมกับปลดอาภรณ์ออกให้ด้วย มือเล็กของอวี้หรูรีบยกขึ้นมากุมทันที
“ขอข้าทำเองนะ พี่ออกไปพักเถอะ ข้าดูแลตัวเองได้” บอกแล้วก็ดันร่างอีกฝ่ายให้ออกไปด้วย
“แต่คุณหนูไม่เคยอยู่คนเดียวยามอาบน้ำเลยนะเจ้าคะ ท่านจะทำเองได้เยี่ยงไร” สาวใช้ยังคงแย้ง
“เอาน่า ข้าไม่เหมือนเดิมแล้ว ทุกอย่างทำเองได้ พี่ออกไปพักเถอะ ข้าอาบเสร็จพี่ค่อยมาอาบแล้วกัน” บอกพร้อมกับดันจนมู่เหนียงพ้นออกมาจากห้อง
“เช่นนั้นรีบอาบนะเจ้าคะ” ยังมิวายร้องบอก
“รู้แล้ว” เสียงตอบกลับนั้นพาให้สาวใช้ถึงกับยิ้มเอ็นดู นี่คงเป็นครั้งแรกที่ผู้เป็นนายอาบน้ำเอง ไม่รู้จะออกมาเป็นเช่นไร ทว่ามันก็เป็นการดีที่อวี้หรูจะเข้มแข็งขึ้น
ผ่านไปหนึ่งเค่อ ร่างเล็กก็ขึ้นมาจากบ่อ นางห่อหุ้มตัวด้วยผ้าผืนใหญ่ ทว่าพอมองชุดที่วางอยู่ก็ยิ้มแห้งออกมา เพราะไม่รู้ต้องสวมใส่เช่นใด สุดท้ายก็ต้องเรียกสาวใช้มาช่วย ไม่นานก็แล้วเสร็จ แต่เหลือผมที่ยังเปียกอยู่
“พี่รีบจัดการตัวเองเถอะ ข้าจะออกไปตากลมด้านนอก ผมจะได้แห้งไวหน่อย” บอกก่อนจะตั้งท่าเดินออกไป
“ไม่ได้นะเจ้าคะ สตรีแต่งกายไม่เรียบร้อยออกไปนอกห้องไม่ได้” รีบเตือนทันที เรื่องนี้คุณหนูของตนรู้ดี ทว่าเหตุใดนางจึงเอ่ยราวกับไม่เคยปฎิบัติมาก่อนเลย
“โอ๊ย พี่ไม่ต้องใส่ใจข้าหรอก รีบไปอาบน้ำนู่น” ว่าพร้อมกับดันร่างของสาวใช้เข้าห้อง ส่วนนางก็เดินออกจากห้องหน้าตาเฉย มู่เหนียงจึงได้แต่ส่ายหัว ก่อนจะไปทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย
นอกห้องทางด้านหลังของเรือนใหญ่ อวี้หรูนั่งหย่อนขามองปลาที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในบึง เพราะเรือนนี้สร้างบนบึงน้ำขนาดใหญ่ ครึ่งหนึ่งตั้งอยู่กลางน้ำ
“ชีวิตคนรวยมันดีแบบนี้เองสินะ” มองไปโดยรอบก็นึกอิจฉาเจ้าของจวนขึ้นมา
“ใครให้เจ้าออกมาด้วยสภาพเช่นนี้” เสียงกดต่ำดังขึ้นจากด้านหลัง คนถูกทักรีบหันไปมองทันที ผมดำยาวสลวยจนถึงกลางหลังปลิวไปตามสายลมที่พัดผ่านมา
เผยแก้มเนียนใสแดงระเรื่อ ดวงตากลมโตราวกับลูกกวางกะพริบถี่ เพราะตื่นตระหนกเมื่อเห็นบุรุษตรงหน้า หน้าตาเขาคมคายรูปงามยิ่งนัก การแต่งกายก็สง่างาม
“เอ่อ ผมข้าเปียก เลยออกมาตากลมมันจะได้แห้งเร็วขึ้น” บอกไปตามจริง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ดูจากอาภรณ์ที่สวมเขาอาจจะเป็นลูกชายเจ้าของจวนก็ได้
โจวเยว่มองสำรวจสตรีตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า ริมฝีปากหนาเผยยิ้มบาง ซึ่งคนตัวเล็กไม่รู้ว่ามันหมายความว่าเช่นไร นางจึงเอาแต่มองเขาไม่ต่างกัน
“กลับเข้าไปแต่งตัวให้เรียบร้อย ข้าให้คนหาชุดใหม่มาแล้ว เปลี่ยนเสีย” เอ่ยจบเขาก็หมุนตัวหมายจะเดินออก
“ดะ เดี๋ยว ท่านเป็นใคร คงไม่ใช่” นิ้วขาวยกขึ้นชี้หน้าอีกฝ่าย เรียวตาสวยกะพริบถี่จ้องเขาด้วยความสงสัย
“แค่โกนหนวดเคราก็ทำให้เจ้าจำสามีตนเองไม่ได้แล้วหรือ” โน้มหน้าลงมาเอ่ยกับนาง
ทำเอาคนตัวเล็กตกใจจนก้าวถอยหลัง โดยลืมไปว่าระเบียงนี้ไม่มีราวกั้น ดีที่มือเรียวคว้าแขนนางไว้ได้ทัน
“อยากอาบน้ำอีกรอบหรือ” ถามเสียงเรียบ อวี้หรูยืนตัวแข็งทื่อ เพราะตนอยู่ในอ้อมกอดของอีกฝ่ายแล้ว
“ท่านทำข้าตกใจ” ต่อว่าเขาเสียงเบา โจวเยว่เผยยิ้มเล็กน้อย นัยน์ตาคมก้มลงมองใบหน้าหวานละมุนของสตรีที่เขาเคยได้ลิ้มลอง ค่ำคืนนั้นเขาเห็นนางไม่ชัดนัก ไม่คิดว่าคุณหนูรองสกุลถงจะงดงามถึงเพียงนี้
“รีบไปแต่งตัว พ่อข้ารออยู่” คลายอ้อมแขนตนออก ทว่าคนตัวเล็กก็ไม่ได้เดินเข้าห้องอย่างที่เขาเอ่ย
“บอกข้าก่อนได้หรือไม่ ท่านคิดจะทำอันใด” ถามเขาพร้อมกับยิ้มแป้นใส่ ทว่าพอเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของอีกฝ่ายก็หุบลงทันที
“ข้าจะได้เตรียมตัวถูก” บอกไปตามตรง ซูซูคิดว่าคนผู้นี้คงไม่พาตนมาเสวยสุขเป็นแน่ ไม่รู้เขามีแผนการณ์อะไร ถึงกล้าพาคนที่ชื่อเสียงไม่ดีเข้าบ้าน
“หึ! เจ้าคิดว่าตนเองมีสิทธิ์ที่จะรู้งั้นหรือ” เสียงหยันดังขึ้น พร้อมกับสายตาหยามเหยียด
“อ่อ” ตอบสั้น ๆ ก่อนจะยิ้มไม่เห็นฟันส่งให้ แล้วเดินกลับเข้าห้องไปโดยไม่เอ่ยอันใดอีก ทำเอาคิ้วหนาผูกกันเป็นปมทันที ไม่ต่างจากคนสนิทที่ยืนอยู่ไม่ไกล
“ง่ายเพียงนี้เชียวหรือขอรับ” ลั่วเฟยเอ่ย เมื่อเห็นสตรีของผู้เป็นนายยอมจากไปดื้อ ๆ
“หึหึ” เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้น ก่อนจะเดินจากไปเงียบ ๆ คนสนิทก็ได้แต่เกาหัวแล้วตามไป
อวี้หรูกลับเข้ามาในห้องแล้วก็ปิดประตู สาวใช้ก็เดินออกมาจากห้องอาบน้ำพอดี
“คุณหนูหอบสิ่งใดมาอีกเจ้าคะ”
“เขาให้ข้าเปลี่ยนใส่ชุดนี้” ตอบกลับทว่าสีหน้ายังคงครุ่นคิด สาวใช้จึงอดที่จะถามไถ่ไม่ได้
“เกิดอันใดขึ้นหรือเจ้าคะ”
“คนผู้นั้นดูมีบารมีมิใช่น้อย อาจเป็นบุตรชายเจ้าของจวน การที่เขาพาข้ามาที่นี่ ไม่รู้ว่าคิดจะใช้ประโยชน์อันใดกันแน่” กล่าวจบก็คลี่อาภรณ์ออก ราวกับสิ่งที่เอ่ยนั้นไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวล มู่เหนียงผูกคิ้วเป็นปมทันที
“หรือว่าเขาจะเป็นซื่อจื่อเจ้าคะ” สาวใช้บอกตาโต
“ซื่อจื่อหรือ?” เอ่ยตามอีกฝ่าย มือที่จับผ้าอยู่ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะวางมันลงแล้วเดินวนไปรอบห้อง ‘คนที่มีอะไรกับอวี้หรูคืนนั้นเป็นถึงซื่อจื่อเชียว ทำไมเรื่องราวมันถึงได้กลับตาลปัตรแบบนี้ล่ะ ดูท่าเรื่องยุ่งคงตามมาอีกเยอะแน่’ นึกถึงเรื่องที่มันตรงกันข้ามทุกอย่าง ชายที่ซูซูเขียนให้มีอะไรกับอวี้หรู ก็เป็นเพียงคนงานซึ่งไม่มีตัวตนในนิยาย เพราะเขียนถึงแค่ตรงนั้นก็ตัดไปฉากนางปลิดชีพตนเอง ทว่ายามนี้คนผู้นั้นกลับกลายเป็นซื่อจื่อเสียได้
“คุณหนูคิดสิ่งใดหรือเจ้าคะ ไยท่านถึงชอบทำลึกลับนัก แต่ก่อนท่านไม่เป็นเช่นนี้เลยนะ”
เพราะผู้เป็นนายต่างออกไปจากแต่ก่อนมาก จึงอดไม่ได้ที่จะถามให้หายสงสัย อวี้หรูหันกลับมาหาสาวใช้ของตน ก่อนจะยิ้มแห้งใส่แล้วเอ่ยขึ้น
“แต่งตัวก่อนนะ รอดูว่าทางนั้นจะว่าอย่างไร แล้วข้าจะเล่าให้พี่ฟังอีกที” ยิ้มแป้นใส่จนมู่เหนียงต้องยกมือตีหน้าผากเพราะเอ็นดู ก่อนจะจับผู้เป็นนายแต่งกายใหม่
อาภรณ์ที่ได้รับมางดงามยิ่งนัก เสื้อตัวในเป็นสีขาวบางมองเห็นผิวเนื้อปิดไปจนถึงข้อมือ สวมทับด้วยชุดผูกรอบอกเป็นสีชมพูอ่อน ไล่สีขาวลงไปด้านล่างจนเป็นชมพูเข้มตรงชายกระโปรง ขับผิวพรรณของนางให้ผุดผ่องขึ้น
ผมนั้นก็ถูกม้วนขึ้นครึ่งหัว ที่เหลือปล่อยยาวลงมา ทิ้งปอยผมปรกหน้าเล็กน้อย ทำให้แก้มเนียนใสน่ามองยิ่งนัก แม้แต่มู่เหนียงก็ยังอดชื่นชมมิได้ ถึงจะเห็นอยู่บ่อยครั้งก็เถอะ เพราะนางดูแลคุณหนูรองมาตั้งแต่เด็ก เป็นเพื่อนเล่น เป็นพี่เลี้ยง จนรักและเอ็นดูผู้เป็นนายมาก
ก็อก! ก็อก! “เสร็จหรือยัง นายท่านรอนานแล้ว” เสียงเรียกดังขึ้นที่หน้าประตู ทำเอาสตรีทั้งสองนางมองหน้ากันทันที อวี้หรูพยักหน้าให้คนสนิท
“นำทางไปสิ” มู่เหนียงเอ่ยกับผู้มาตาม ซึ่งยืนทำหน้าไม่สบอารมณ์อยู่หน้าประตู ทว่าพอเห็นคนทางด้านหลังเดินออกมา เขาก็ยืนนิ่งมองสตรีที่ตนเคยดูถูกว่ามอมแมมเหมือนขอทาน เพราะจางเหว่ยยังไม่รู้ว่านางเป็นใคร
“หึ! มองหน้าข้าอยู่เช่นนี้จะถึงที่หมายหรือ” ตำหนิเสียงเรียบ องครักษ์หนุ่มได้สติจึงรีบทำหน้าปกติ
“เชิญ” กระแทกเสียงใส่ ก่อนจะเดินนำออกไป