2.เกิดใหม่ในนิยายที่ยังไม่จบ
**************20:59 น.***************
“กล้องพร้อมนะ สาม สอง หนึ่ง แอคชั่น” สิ้นเสียงสั่งร่างเล็กของนางเอกซึ่งอยู่ในชุดจีนโบราณก็วิ่งตรงมาที่หน้าผา ด้านหลังมีกลุ่มคนนับสิบตามมาพร้อมอาวุธ
“เจ้าหนีไม่พ้นแล้ว ส่งสมุดบัญชีมาเสียดีกว่า แล้วพวกข้าจะไว้ชีวิตเจ้า” นักแสดงสมทบที่แต่งกายชุดดำเอ่ยขึ้น ช่วงเวลานี้การถ่ายทำดำเนินไปโดยไม่มีติดขัด เพราะทุกคนต่างก็เป็นมืออาชีพกันทั้งนั้น จนมาถึงตอนที่ต้องเปลี่ยนเป็นซูซูรับแสดงแทน นั่นคือตอนกระโดดลงหน้าผา
ซึ่งมีความสูงเท่าตึกห้าชั้น ด้านล่างเป็นแม่น้ำขนาดใหญ่ มีเรือเร็วสำหรับรอรับนักแสดงขึ้นจากน้ำ มีหมอและพยาบาลเตรียมพร้อมเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน มาถึงช่วงนี้นักแสดงแทนอย่างซูซูก็ไม่รอช้าที่จะกระโดดลงไปทันที ด้วยท่วงท่าที่สวยงามสมใจผู้กำกับ
ทว่า! ในหัวเธอตอนนี้มันหมุนเคว้งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทุกอย่างมันมืดมิดก่อนที่ร่างเธอจะถึงผืนน้ำเสียด้วยซ้ำ ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครฉุกคิด จนเสียงสั่งคัดดังขึ้นเมื่อร่างของเธอจมลงน้ำไป เรือเร็วมุ่งหน้ามาจุดที่เธอตกลงมาทันที และเฝ้ารอเหมือนเคย เพราะนักแสดงแทนคนนี้ดำน้ำเก่ง หลายครั้งที่เธอแกล้งพวกเขาให้เป็นห่วง
แต่วันนี้ผ่านไปเป็นนาทีแล้ว ซูซูก็ยังไม่ขึ้นมา ผู้ที่อยู่บนเรือจึงไม่รอช้ารีบกระโดดลงไปงมหาร่างของเธอทันที ผ่านไปกว่าสิบนาที นักแสดงแทนก็ถูกพาตัวขึ้นมาจากน้ำ พร้อมกับอาการตื่นตระหนกของทุกคนที่มีไม่ต่างกัน
หมอ พยาบาลรีบทำการรักษา แต่คนที่ตกลงมาหมดลมไปตั้งแต่ยังไม่ทันจมน้ำแล้ว
************************************************
“คะ คุณหนู คุณหนูยังไม่ตาย” มู่เหนียงซึ่งมีร่างกายบอบช้ำจากการถูกโบยเอ่ยขึ้น เมื่อผู้เป็นนายซึ่งหมดลมหายใจไปหลายชั่วยามแล้ว ตื่นขึ้นมาในช่วงเช้ามืด หากฟื้นช้ากว่านี้ อวี้หรูคงนอนอยู่ในโรงไปแล้ว
หากมิใช่เพราะที่จวนสกุลถงมีงานมงคล บิดานางคงสั่งให้เอาโรงมาใส่ร่างของบุตรสาวไว้ ยามนี้คุณหนูรองจึงยังนอนอยู่บนเตียงในห้องของเรือนด้านหลัง มีสาวใช้คนสนิทคอยเฝ้าอยู่เพียงลำพังโดยไม่หวาดกลัวสักนิด
คิ้วสวยผูกกันเป็นปมเมื่อเห็นคนแปลกหน้านั่งอยู่ข้างตัว ก่อนจะยิ้มแหยส่งให้ เมื่อเห็นการแต่งกายของอีกฝ่าย
‘นี่เขาย้ายฉากมาถ่ายในบ้านแล้วเหรอ’ นึกในใจเมื่อเห็นการตบแต่งภายในห้อง แม้มันไม่ได้หรูหราก็เถอะ
ซูซูก็พอจะเดาได้ว่าน่าจะเป็นฉากที่นางเอกถูกช่วยขึ้นมาจากน้ำและมาพักรักษาตัว แต่เอ๊ะ! ‘ไม่สิ บทนี้ไม่ต้องใช้นักแสดงแทนนี่หน่า แล้วทำไมเราต้องมานอนอยู่ที่นี่ด้วย แล้วผู้กำกับและทีมงานไปไหนหมด ทำไมมีน้องคนนี้อยู่คนเดียว’ เพราะอีกฝ่ายน่าจะยี่สิบนิด ๆ หรืออาจจะน้อยกว่า ซูซูเลยคิดว่าคนที่นั่งอยู่ข้างเตียงเป็นน้อง
“เอ่อ คนอื่น ๆ ไปไหนกันหมดเหรอ” พยายามลุกขึ้นนั่ง พร้อมกับถามไปด้วย มองดูรอบห้องก็เห็นแต่ของใช้ในยุคโบราณ จนอดชมคนจัดฉากไม่ได้ ที่สรรหาและตบแต่งได้ดีสมจริงเอามาก ๆ
“คุณหนูยามนี้อย่าพึ่งถามหาผู้อื่นเลยนะเจ้าคะ ข้าน้อยว่าเรารีบหนีกันดีกว่านะ” เพราะเกรงว่าคนจะรู้ว่านายของตนยังไม่ตาย มู่เหนียงจึงหมายจะพาอวี้หรูหนี อยู่ที่นี่ก็มีแต่จะอับอายไม่จบไม่สิ้น ไม่แน่นายท่านอาจจะสั่งลงโทษบุตรสาวไม่รักดีคนนี้อีกก็เป็นได้
“ดะ เดี๋ยว มาคุณนงคุณหนูอะไรกัน ทีมงานกับผู้กำกับไปไหนกันหมด แล้วนี่เขาย้ายกองมาถ่ายที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉากที่แล้วยังอยู่ที่หน้าผาอยู่เลยนะ หรือว่าฉันตกน้ำแล้วหลับไปนานงั้นเหรอ” ยิงคำถามใส่คนตรงหน้า จนสาวใช้ถึงกับมึนงงกับประโยคที่ไม่ค่อยคุ้น
ทว่ายามนี้นางจะรอช้าไม่ได้ อีกไม่ถึงชั่วยามฟ้าก็จะสว่างแล้ว ต้องรีบพาตัวคุณหนูของตนออกจากที่นี่
“ยามนี้ไม่มีเวลาอธิบายเจ้าค่ะ เราต้องรีบออกจากจวนสกุลถงเสียก่อน” ไม่ว่าเปล่า นางหันหลังที่มีบาดแผลจากการถูกโบยให้ผู้เป็นนาย แล้วคว้าเอาขานางมาเกี่ยวไว้ พยุงตัวลุกขึ้นแบกเดินออกไปที่หน้าประตู ซึ่งไร้เวรยามเฝ้าอย่างที่ควรจะเป็น เพราะต่างก็กลัวคนที่ตายไปแล้ว
“สกุลถงเหรอ?” คนบนหลังยังมึนงงกับชื่อที่หญิงสาวผู้นี้เอ่ย มากไปกว่านั้นเมื่อออกมาจากเรือน สิ่งที่ปรากฏให้เห็นคือภาพสวนแบบสมัยโบราณไม่ต่างจากในซีรีย์นัก
เพียงแต่ว่ามันใช้แสงสว่างจากคบไฟเท่านั้น ที่สำคัญคือดูวังเวงเหมือนไม่มีใครอยู่เลย มันก็ต้องเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว ในเมื่อเรือนที่เก็บศพอยู่ด้านหลังสุด ใครจะมาเดินในยามค่ำคืนกันล่ะ คงมีแค่มู่เหนียงผู้นี้กระมัง
‘ทำไมไม่มีคนเลย ทีมงานไปไหนหมด’ มองสำรวจภายในจนกระทั่งผู้ที่แบกเธอพาออกมาพ้นประตูหลัง ภาพเบื้องหน้าก็เป็นซอยให้เดินทะลุผ่าน ตอนนี้เองที่ซูซูได้ลองสังเกตไปทั่วบริเวณ เธอนึกใจหายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เมื่อภาพตรงหน้ามันดูสมจริงยิ่งกว่าที่เคยเห็นมา
“นี่เธอ ฉันขอถามได้ไหม ทีมงานไปไหนกันหมด แล้วตอนนี้ฉันรับบทเป็นใคร ทำไมถึงไม่แจ้งบทให้รู้ก่อน” คำถามของผู้เป็นนาย พาให้สาวใช้หยุดเท้าลง
“คุณหนูเอ่ยอันใดเจ้าคะ มู่เหนียงไม่เข้าใจ เอาไว้เราออกจากเมืองได้แล้วค่อยว่ากันนะเจ้าคะ” สิ้นคำนางก็แบกผู้เป็นนายเดินต่อ ดีที่อวี้หรูตัวเล็กจึงแบกง่าย
‘มู่เหนียง สกุลถง คงไม่มั้ง’ นึกในใจถึงสิ่งที่ได้ยิน ก่อนที่จะคิดอะไรได้อีก
‘เดี๋ยวนะ ถ้าคนที่แบกเราอยู่คือมู่เหนียง แล้วบ้านที่เราออกมาคือจวนสกุลถง แล้วคนที่มู่เหนียงแบกอยู่ก็ต้องเป็นถงอวี้หรูน่ะสิ’ ในหัวยามนี้ตีกันยุ่งเหยิงไปหมด แต่ถ้าจะให้แน่ชัดเธอต้องถาม
“เดี๋ยวค่ะ ช่วยตอบฉันมาก่อนว่า ฉันชื่ออะไร” รีบถามในสิ่งที่สงสัย และทำให้เธอขืนตัวจนอีกฝ่ายต้องปล่อยลง เพราะตัวของผู้เป็นนายเน้นใส่แผ่นหลังนางจนเจ็บระบม
“ขะ ขอโทษค่ะ ฉันทำคุณเจ็บเหรอ” ร้องถามเสียงหลง เพราะเธอพึ่งสังเกตว่าแผ่นหลังอีกฝ่ายมีร่องรอยถูกทำร้ายมา จึงรีบประคองให้มานั่งหลบในมุมซอย
“เจ็บแค่นี้ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ เมื่อครู่เหตุใดคุณหนูถึงเอ่ยถามเช่นนั้นเจ้าคะ แค่ตกน้ำก็จำชื่อตนเองไม่ได้เแล้วหรือ” ยังมิวายย้อนในสิ่งที่ตนสงสัย เพราะผู้เป็นนายมีท่าทางและใช้คำพูดประหลาดนัก
“คงใช้ ช่วยบอกทีนะว่าฉันชื่ออะไร” ยังคงคำถามเดิม เพื่อให้แน่ใจกับสิ่งที่ตนคิด และคำตอบมันก็ทำให้นิ่งไป
“อวี้หรูเจ้าค่ะนามของคุณหนู คุณหนูเป็นบุตรสาวคนที่สองของใต้เท้ากรมวัง ถงเสิ่นหลาง ท่านกระโดดน้ำเพื่อปลิดชีพตนเองเมื่อตอนหัวค่ำ ข้าน้อยคิดว่าท่านจะจากไปจริง ๆ เสียแล้ว ดีที่ฟื้นกลับมาได้ แต่ยามนี้เราไม่ควรมาถามไถ่กันเช่นนี้นะเจ้าคะ ต้องรีบออกจากเมืองเสียก่อน มิเช่นนั้นหากนายท่านรู้ เกรงว่าจะส่งคนมาตามท่านกลับไป ถึงยามนั้นไม่แน่ว่าอาจจะต้องตายจริง ๆ ก็เป็นได้” ร่ายยาวถึงตัวตนของผู้เป็นนาย แล้วก็ลุกพร้อมกับดึงเอาคนที่ยังมึนงงให้ลุกขึ้นตามมาด้วย ก่อนจะประคองกันไปที่หน้าประตูเมือง รอเวลาอีกไม่นานประตูก็จะเปิด