บท
ตั้งค่า

บทที่ 2

พ่อบ้านกลับมารายงานข่าวให้นายท่านหลินฟัง

“นายท่าน สกุลเซี่ยตอบรับคำเชิญของสกุลหลินแล้วขอรับ”

“อย่างนั้นก็เป็นข่าวดี”

“เพียงแต่” พ่อบ้านใหญ่ยังคงรายงานต่อ

“เพียงแต่อะไร”

“มีข้อแม้ว่า คุณหนูหลินลู่ซิงจะต้องไปพบคุณชายเซี่ยเฟยหรงตามสถานที่ที่คุณชายเซี่ยกำหนด”

“ว่ายังไงนะ ทำไมถึงมาที่จวนไม่ได้ แล้วจะให้ลูกสาวข้าแบกหน้าไปพบผู้ชายอีกอย่างนั้นเหรอ” สีหน้าของนายท่านหลินดูกังวลถึงความปลอดภัยของบุตรสาว

“นายท่านอย่าเพิ่งกังวล ข้าน้อยถามมาให้แล้ว สถานที่คือ วัดหลงไห่ ไม่ใช่สถานที่อันตรายแต่อย่างใด”

“วัดหลงไห่ ทำไมเขาถึงได้อยากนัดนางไปที่นั่น เจ้าพอรู้เหตุผลหรือไม่”

“เท่าที่บ่าวทราบ คุณชายเซี่ยบอกว่าต้องการทำบุญให้คนในครอบครัวที่ล่วงลับไปแล้วขอรับ”

“ถ้างั้นก็ดี งั้นเจ้าไปรายงานคุณหนูเถอะ ให้นางเตรียมตัว” นายท่านหลินก็พอคลายกังวลไปได้บ้างบางส่วน แต่ก็ยังอดสงสัยไม่ได้ เหตุใดลูกสาวจึงได้เปลี่ยนใจทั้งที่ก่อนหน้านี้นางต่อต้านแข็งขืนอย่างสุดกำลัง

หลินลู่ซิงขบคิดถึงเรื่องที่พ่อบ้านมารายงานจนนอนไม่หลับ เพราะอะไรคุณชายเซี่ยถึงได้เลือกที่จะพบนางที่วัดและเหตุใดจึงเลือกไปในที่ที่มีผู้คนมากมาย เขามีแผนการอะไรที่ซ่อนอยู่กันแน่ อย่างไรก็ตาม ถึงจะเปลี่ยนสถานที่ ก็ไม่อาจทำให้นางล้มเลิกแผนการไปได้แต่อย่างใด อีกทั้งยังพอมีเวลาที่เตรียมตัวจนกว่าจะถึงวันนัด

รุ่งเช้า ลู่หลันเข้ามารายงานข่าวที่ให้ไปสืบเกี่ยวกับหมอจาง ที่แท้จางจื่อรั่วก็เป็นลูกสาวท่านหมอที่เกิดจากอนุนางหนึ่ง แต่ไม่มีใครทราบประวัติของอนุท่านนี้แน่ชัดนัก บ้างว่านางเป็นคนสติไม่ดีที่ท่านหมอจางนำมารักษา บ้างว่านางเป็นลูกสาวขุนนางตกอับที่หมอจางไถ่ตัวมาจากหอคณิกา แต่อย่างหลังดูจะมีเค้าความจริงเสียมากกว่า

ส่วนที่มาที่ไปของปิ่นหยก ไม่มีใครทราบได้ และที่สำคัญจางจื่อรั่วยังไม่มีคู่หมั้นคู่หมายแต่อย่างใด

อย่าว่าแต่คู่หมั้นเลย ร่ำลือกันว่าแม้แต่ชายหนุ่มสักคนก็ไม่ได้เฉียดเข้าใกล้นางด้วยซ้ำ แล้วเหตุใดนางถึงต้องโกหกกัน ปิ่นนี้มีความสำคัญอย่างไรกันแน่ ยิ่งคิดก็ยิ่งน่าสงสัย

“เสี่ยวหลัน ส่งคนนำความไปบอกท่านพี่ด้วย”

“ทราบแล้วเจ้าค่ะ”

ลู่หลันเป็นสาวใช้ที่นางไว้ใจได้มากที่สุด แม้จะเยาว์วัยกว่าหลินลู่ซิงถึงสองปี แต่ก็ถูกเลี้ยงดูและเติบโตมาด้วยกัน นางมีความเฉลียวฉลาด และหน้าตางดงาม เสียอย่างเดียวมีชาติกำเนิดที่ไม่ดีนัก จึงทำให้ต้องมาเป็นสาวใช้ แต่สกุลหลินก็ให้การอบรมเลี้ยงดูนางไม่ต่างจากลูกสาวอีกคนหนึ่ง นางได้รับการศึกษาและอบรมมารยาทในแบบเดียวกับที่ลูกสาวสกุลหลินได้รับทุกอย่าง ดังนั้นสำหรับหลินลู่ซิง ลู่หลันเปรียบเสมือนน้องสาวและคนในครอบครัวคนหนึ่ง

จางจื่อรั่วมาตามที่นัดไว้ นางคาดหวังจะได้รับการช่วยเหลือจากสกุลหลิน แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อได้ฟังคำตอบของหลินลู่ซิง

“ก่อนที่ข้าจะส่งคืนให้ท่าน ข้าขอทราบที่มาที่แท้จริงขอปิ่นหยกนี่ได้หรือไม่”

“เกรงว่าจะไม่ได้” เสียงมาจากประตู เป็นท่านหมอจางนี่เอง “ข้ามาตามลูกสาวข้ากลับ และขอโทษด้วยที่รบกวนพวกท่าน” น้ำเสียงเรียบนิ่งและเย็นชาจนน่าขนลุก

“ท่านพ่อ..ข้า”จางจื่อรั่วมีสีหน้าหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด นางตัวสั่นและเดินตามเขากลับไป หมอจางหันมาหาหลินลู่ซิงและหลินคุนอีกครั้ง “ขอสิ่งนั้นคืนด้วย” หลินลู่ซิงส่งคืนให้ เขารับมันก่อนคำนับลา “รบกวนท่านแล้ว”

ถึงแม้ว่าหลินลู่ซิงและหลินคุนจะสงสัยมากเพียงใด แต่ก็ไม่มีนิสัยอยากรู้อยากเห็นขนาดที่ต้องตามไปสืบความเป็นมาของหยกที่หักชิ้นหนึ่งให้เสียเวลา

“ข้าได้ข่าวว่าเจ้านัดคุณชายสามเซี่ยแล้ว เป็นอย่างไรบ้าง” หลินคุนถามด้วยความเป็นห่วงน้องสาว

“เขานัดรับข้าแล้ว แต่ว่าท่านพี่ มันน่าแปลกที่เขาจะให้ข้าไปพบที่วัด” หลินลู่ซิงพูดพลางกัดขนมกุ้ยฮวาเข้าปากคำโต

“แปลกยังไง เขาก็แค่อยากพาเจ้าไปทำบุญ แล้วก็ผูกชะตากับเจ้ากระมัง” หลินคุนหัวเราะน้องสาวที่ช่างสงสัย เดาว่านางคงคิดจะวางแผนอะไรแปลก ๆ อีกเป็นแน่แท้ เพราะตั้งแต่เด็กจนโตภาพลักษณ์ของนางคือหญิงสาวผู้อ่อนโยนและมีร่างกายอ่อนแอจึงไม่ค่อยไปไหนมาไหน หากมีแต่คนในบ้านเท่านั้นที่รู้ว่าแท้จริงนางเป็นอย่างไร

“ช่างเถอะ ถึงอย่างไร ข้าก็จะไป ข้าต้องหาจุดบกพร่องของเขาให้ได้ ข้าไม่อยากแต่งงานกับเขา”

“พี่ว่า เจ้าพูดคุยกับเขาไปตรง ๆ ก็ได้นะ ถามให้รู้เรื่องว่าทำไมเขาถึงอยากแต่งงานกับเจ้า” หลินคุนหยิบขนมเข้าปากชิ้นหนึ่งก่อนที่จะลุกจากไป

ที่พี่ใหญ่พูดก็มีเหตุผล ข้าควรถามเขาไปตรง ๆ

สัปดาห์ต่อมา

วัดหลงไห่ที่เคยเงียบสงบกลับเต็มไปด้วยผู้คนพลุกพล่าน ข่าวลือที่ว่าคุณชายสามสกุลเซี่ยนัดเจอคู่หมั้นตระกูลหลินแพร่สะพัดไปทั่ว ผู้คนจึงพากันมาจับตาดูคู่รักที่เป็นข่าวฉาว ว่ากันว่า คุณชายเซี่ยแต่งงานเพราะต้องการปิดบังเรื่องรสนิยมชายรักชายของเขา ส่วนคุณหนูหลินก็ถูกลือว่านางมีโรคประหลาดมาตั้งแต่เด็กเกรงว่านางจะอยู่ได้อีกเพียงไม่กี่ปี ดังนั้นการแต่งงานที่จะเกิดขึ้นจึงเป็นเพียงแค่ฉากบังหน้าเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้ประโยชน์เพียงเท่านั้น

รถม้าของสกุลหลินมาถึงที่วัดแล้ว หลินลู่ซิงลงมาจากรถก็พบว่าคุณชายสามเซี่ยมาถึงก่อนหน้านี้แล้ว เขามาก่อนเวลาที่นัดนานพอสมควร เพราะว่านางเองก็มาก่อนเวลา เดิมทีนางคิดว่าจะหาเรื่องให้เขาต้องรู้สึกผิดที่ให้นางเป็นฝ่ายรอ แต่นางไม่คาดคิดว่าเขาจะมาก่อนแล้ว

สาวใช้สกุลเซี่ยรอนางอยู่ที่หน้าประตู “คุณหนูหลิน คุณชายเซี่ยให้ข้าน้อยมารับท่าน เชิญนางนี้เจ้าค่ะ”

หลินลู่ซิงพยักหน้าและเดินตามนางเข้ามาในบริเวณวัด ผู้คนแถวนั้นจับจ้องมองนางเป็นสายตาเดียวกัน มีทั้งชื่นชมและดูราวกับเวทนานาง อาจจะเป็นเพราะผิวที่ขาวซีดและรูปร่างบางของนางทำให้คนเข้าใจผิดเสมอว่านางป่วยเป็นโรค และอ่อนแอ หากแต่ความงามของนางเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของผู้คนที่ได้พบเห็นเสมอ บ้างว่านางงามดุจเทพธิดา ผู้คนที่พบเห็นนางจึงพากันเรียกนางอย่างลับ ๆ ว่า “ไป๋มู่ตาน”

สาวใช้สกุลเซี่ยนำทางนางมาที่โถงพระพุทธรูป ที่นั่น คุณชายสามเซี่ย เซี่ยเฟยหรงรอนางอยู่นานแล้ว อาภรณ์ชุดขาวสะอาดนั่งคุกเข่าอยู่ที่หน้าพระพุทธรูป สวดมนต์พลางนับลูกประคำอยู่ และไม่ได้หยุดแม้นางจะมาถึงแล้ว

เขาเป็นชายที่มีลักษณะงดงามแม้เพียงมองจากทางด้านหลัง ก็พอจะเดาได้ว่าบุคคลตรงหน้าเป็นคนหน้าตาดี ผิวพรรณสะอาดหมดจด จนนางอยากจะเห็นหน้าเขาเต็มที

สาวใช้กำลังจะรายงานเจ้านาย แต่หลินลู่ซิงยกมือห้ามนางไว้ก่อน นางไม่อยากขัดจังหวะเขาที่กำลังสวดมนต์อยู่ จึงรอให้เขาสวดจนเสร็จ ขณะเดียวกัน นางก็นั่งลงอยู่ใกล้ ๆ เขา และสวดมนต์ภาวนาไปด้วย

เวลาผ่านไปสักครู่ใหญ่ เซี่ยเฟยหรงสวดมนต์เสร็จก็ลุกขึ้นมาหานางที่รออยู่ด้านข้าง

หลินลู่ซิงลุกโดยมีสาวใช้ประคองขึ้นมา

“คารวะคุณชายเซี่ย ข้าน้อยหลินลู่ซิง บุตรีขุนนางหลิน” หลินลู่ซิงที่เงยหน้ามองเขาก็ตกตะลึง เขารูปงามดั่งหยกสลัก นี่น่ะหรือคนที่ชาวบ้านร่ำลือกันหนักหนาว่าเขาเป็นต้วนซิ่ว

“ขอโทษที่ให้คุณหนูรอนาน เราไปนั่งคุยกันที่ด้านโน้นดีกว่า” เขาผายมือไปที่ศาลาด้านนอก ที่นั่นมีคนของสกุลเซี่ยรออยู่แล้ว

ดูเหมือนเซี่ยเฟยหรงจะเตรียมการทุกอย่างไว้เป็นอย่างดี เพราะขนาดวัดที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คน กลับมีที่ที่ไม่มีคนมานั่งและเงียบสงบเช่นศาลานี้

“ได้ยินว่าคุณหนูหลินอยากพบข้า ไม่ทราบมีเรื่องอันใดหรือ”

“ข้าเพียงแต่อยากพบหน้าว่าที่สามีในอนาคตก็เพียงเท่านั้น” หลินลู่ซิงเริ่มเข้าประเด็น ในเมื่อเขาเอ่ยถามก่อน นางก็ไม่ปล่อยให้เสียโอกาสไปเปล่า ๆ

“ถ้าเช่นนั้นก็ได้พบแล้ว ท่านรู้สึกเช่นไร” สายตาเขาที่มองจ้องนางมาทำให้นางรู้สึกร้อนผ่าวบนใบหน้า อาจจะเป็นเพราะความงามของเขาที่แม้แต่นางยังรู้สึกต้านทานไม่ไหว หรือเพราะสายตาที่จ้องนั้นมีความนัยมากกว่าที่เอ่ยถาม

“ข้า..ท่านก็เป็นบุรุษรูปงามตามที่ผู้คนร่ำลือ” หลินลู่ซิงเก็บอาการเขินไม่ไหว หน้าของนางแดงก่ำเมื่อเอ่ยชมเขา “แล้วท่านเล่าได้พบกับข้าแล้วรู้สึกเช่นไร”

สายตานั้นยังจับจ้องแต่คราวนี้กลับเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ท่านเป็นหญิงงามสมคำร่ำลือ” เขาย้อนถ้อยคำนางกลับด้วยท่าทีนิ่งสงบและไม่ได้ใส่ใจอะไร

“ในเมื่อท่านไม่เคยรู้จักหรือพบเจอข้ามาก่อน เหตุใดท่านจึงอยากแต่งงานกับข้า?” หลินลู่ซิงจ้องมองเขาด้วยแววตาสงสัย

“อยากแต่งงานกับเจ้า? คิ้วของเขาขมวดเป็นปม “คุณหนูหลิน เกรงว่าท่านอาจจะเข้าใจผิดไปบางส่วน ข้าเพียงแต่คิดที่จะช่วยตระกูลของเจ้าให้พ้นภัย หากข้าไม่ขอให้ฮ่องเต้ประทานสมรสให้ข้ากับเจ้าในวันนั้น เกรงว่าตระกูลหลินคงจะสิ้นชื่อไปเสียตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว”

หลินลู่ซิงรู้สึกเสียหน้าอยู่พอสมควร แต่ก็ถือเป็นโอกาสของนางที่จะได้ยกเลิกงานแต่ง “สกุลหลินติดหนี้บุญคุณท่านแล้ว แต่ทว่า ในเมื่อท่านเองไม่ได้อยากแต่งงานกับข้า ข้าเองก็มิอาจเอื้อมที่จะคิดแต่งงานกับท่านเช่นกัน เช่นนั้นหวังว่าคุณชายเซี่ยจะเข้าใจ และได้โปรดยกเลิกการแต่งงานกับข้าเสียเถิด หากมีโอกาสข้าน้อยและครอบครัวจะขอตอบแทนท่านด้วยวิธีการอื่น” หลินลู่ซิงคำนับเขาครั้งหนึ่ง “ขอตัว”

องครักษ์ของเซี่ยเฟยหรงยกดาบขึ้นมาขวางนางกับสาวใช้เอาไว้ “นี่ท่านจะทำอะไร” ลู่หลันสาวใช้ของหลินลู่ซิงส่งเสียงดังขึ้น

เซี่ยเฟยหรงยิ้มมุมปากเล็กน้อยและจิบชา “เสียมารยาทแล้ว ขอเชิญคุณหนูพูดคุยกับข้าอีกสักครู่เถิด หากท่านสังเกตดี ๆ ทุกสายตาต่างจับจ้องมองมาที่ข้ากับท่านอยู่ ข้าไม่อยากให้ใครพูดถึงเราในทางที่ไม่ดี”

หลินลู่ซิงทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งลง สีหน้าของนางเริ่มบูดบึ้งเพราะถูกบังคับ

“จิบชานี่ก่อน อารมณ์จะได้เย็นลง” เขาส่งถ้วยชาให้นางด้วยรอยยิ้ม “ไม่ทราบคุณหนูหลินมีคนที่พึงใจอยู่แล้วหรือไม่”

“ไม่” เสียงตอบด้วยความโมโหก่อนรับถ้วยชามาดื่ม

“ถ้าเช่นนั้นก็ถือเป็นเรื่องดี อย่างน้อยข้าก็ไม่ขึ้นชื่อว่าไปแย่งของใครมา”

“แล้วท่านเล่า มีหรือไม่?”

“มี”เขาตอบพลางชำเลืองมองนางครั้งหนึ่งก่อนก้มลงไปจิบชาใหม่

“แล้วเหตุใดท่านจึงไม่แต่งกับคนที่ท่านรัก?” หลินลู่ซิงตอนนี้สับสนและเต็มไปด้วยความสงสัย หรือหญิงนางนั้นจะเป็นคนที่ต่ำศักดิ์กว่า หรือว่านางนั้นไม่ใช่ผู้หญิง

เกรงว่าข่าวลือจะกลายเป็นเรื่องจริงเสียแล้ว!

“เมื่อถึงเวลาข้าจะบอกเหตุผลทั้งหมดให้ท่านฟัง...แต่คุณหนูสบายใจได้ หลังจากแต่งงานแล้วท่านจะได้ทุกอย่างที่เป็นของข้า ยกเว้นเพียงอย่างเดียวที่ข้าไม่อาจให้ท่านได้”

“อย่างเดียว? อะไรหรือ?”

“หัวใจของข้า”

“ถ้าอย่างนั้นก็คงเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับข้าเช่นกัน” หลินลู่ซิงยิ้มมุมปากเพียงเล็กน้อยแต่ก็เผยให้เห็นความคิดที่ซ่อนอยู่

นางพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงต้องแต่งงานกับนาง แต่นางก็ลังเลใจอยู่พอสมควรเหมือนกัน การที่นางจะเอาชีวิตทั้งชีวิตไปทิ้งกับชายที่นางไม่ได้รัก และเขาอาจจะไม่มีวันครองคู่ฉันสามีภรรยากับนางได้ด้วย

“ของขวัญเล็กน้อยนี่ ขอให้ท่านช่วยรับไว้ ถือว่าเป็นของขวัญในการพบกันครั้งแรก”

สาวใช้นำกล่องไม้เล็ก ๆ มาใบหนึ่ง เมื่อหลินลู่ซิงรับมาและเปิดมันออกก็ ด้านในเต็มไปด้วยเครื่องประดับชิ้นงามและไข่มุกหลายสิบเม็ด หากเป็นหญิงอื่นคงจะตื่นเต้นกับของขวัญตรงหน้า แต่นางกลับไม่รู้สึกกับของมีค่าพวกนี้แต่อย่างใด ของที่สกุลหลินมอบให้บุตรีมีมากเสียจนรู้สึกชินชากับของที่อยู่ตรงหน้า

“หวังว่าท่านจะชอบมัน และคงไม่น้อยเกินไป” เขายิ้มและลุกออกจากโต๊ะเดินออกไป ก่อนจากไป เขาหันมายิ้มและเดินมาพูดกับนางใกล้ ๆ “แล้วข้าจะแวะไปหาท่านที่จวน”

หลินลู่ซิงหัวใจเต้นแรงเพราะหน้าของเขาโน้มเข้ามาใกล้มากในขณะที่นางไม่ทันตั้งตัว นางรู้สึกว่าตัวเองถูกชายผู้นี้ปั่นหัวเล่นเอาเสียแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel