ตอนที่ 5 เจ็บทั้งกายและใจ
ตอนที่ 5 เจ็บทั้งกายและใจ
น้ำเสียงสั่นเครืออ้อนวอนขอร้องอีกฝ่าย แต่ทว่าคำพูดกับหยาดน้ำตานั้น มันไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มคิดหยุดการกระทำของตัวเอง เขาต้องการปลดปล่อย ต้องการเอาความหงุดหงิดออกไปจากความรู้สึกของเขาในตอนนี้ และเธอก็คือเครื่องระบายอารมณ์ชั้นดีสำหรับเขาเลยก็ว่าได้
“นอนลง ไม่งั้นอย่ามาร้องว่าฉันรุนแรงกับเธอนะหฤทัย!”
“ฮึก ทำไมต้องทำกับขวัญขนาดนี้ด้วย ถ้าคุณอยากให้ขวัญไปจากที่นี่ ขวัญไปก็ได้ ขวัญจะไม่อยู่ให้คุณเห็นหน้าอีก อย่าทำกับขวัญแบบนี้เลยนะคะ ฮึกฮือ” เธอไม่อยากให้เขาทำแบบนี้กับเธออีกแล้ว เพียงแค่ครั้งเดียวมันก็เกินกว่าที่เธอจะทนรับเอาไว้ได้อีก ถ้าหากเขาไม่อยากเห็นหน้าเธอ ไม่อยากให้เธออยู่ในบ้านหลังนี้ เธอก็จะไป
“หึ! ไม่คิดว่ามันง่ายไปไหมหน่อยเหรอหฤทัย เธออยู่สุขสบายใช้เงินของครอบครัวฉันมานานหลายปี แค่นี้มันยังเทียบไม่ได้ด้วยซ้ำ!”
“ฮึก อย่าค่ะ ฮือ” ร่างเล็กถูกกดแนบลงบนเตียง มันก็ยิ่งทำให้เธอสั่นกลัวอีกฝ่ายมากขึ้นไปกว่าเดิม
“ฉันมีสิทธิ์ในตัวเธอ จำเอาไว้ เธอเป็นของฉัน ไม่ว่าฉันจะทำอะไรกับเธอก็ย่อมได้ แต่อย่าฝันสูงไปล่ะ ว่าฉันจะพิศวาสในตัวเธอ เปล่าเลยหฤทัย ที่ฉันเอาตัวเองมาเกลือกกลั้วผู้หญิงอย่างเธอ ก็เพราะต้องการให้เธอเจ็บปวดไงล่ะ!”
“ทั้งที่มันไม่ใช่ความผิดของขวัญงั้นเหรอคะ ฮึกฮือ เหตุการณ์ในคืนนั้นมันเป็นอุบัติเหตุ”
“ใช่ อุบัติเหตุ แต่ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อเธอมันจะเป็นแบบนี้งั้นเหรอ เธอผิดที่เป็นลูกของมันไงล่ะ”
“อย่ามาเรียกพ่อชาติแบบนี้นะ คุณภพจะใจร้ายเกินไปแล้ว” คำต่อว่าของหญิงสาวทำให้กิตติภพยกมุมปากขึ้นมา เขาใจร้ายงั้นเหรอ การที่เขาต้องสูญเสียบิดาไป ทำให้เขาต้องขึ้นมาดูแลงานต่อ ทั้งๆ ที่อายุเพียงแค่ยี่สิบ ต้องโดนการกดดันจากทุกคนในบอร์ดบริหาร ไหนจะการที่ต้องดูแลน้องทุกคน บอกว่าเขาใจร้ายงั้นเหรอ
“ใจร้ายงั้นเหรอ นี่แค่เริ่มต้น ยังไม่ได้ใจร้ายอะไรเลยสักนิดเดียวต่อจากนี้ต่างหากของจริง!” ชายหนุ่มดึงผ้าขนหนูที่โอบอุ้มร่างของหญิงสาวเอาไว้จนในตอนนี้ร่างกายเปลือยเปล่าเผยให้อีกฝ่ายได้เห็นอีกครั้งจนได้
ร่างบางอรชรดิ้นพล่านเมื่อถูกอีกฝ่ายสัมผัสร่างกายของเธออย่างนึกว่าเป็นของตัวเอง ท้ายที่สุดหญิงสาวก็ไม่อาจต้านแรงของอีกฝ่ายได้ ในยามที่ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาใกล้ ก่อนจะบดขยี้ริมฝีปากของเธอ มันก็ยิ่งทำให้หฤทัยเจ็บปวดไปทั้งกายและใจ ผู้ชายคนนี้ไม่เคยนึกถึงความรู้สึกของเธอเลย เขาเอาแต่ใจตัวเองเป็นที่สุด
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานกี่ชั่วโมงแล้วที่กิตติภพมอบบทสวาทอันดุดันให้แก่เธอ สติของหฤทัยดับวูบไป เธอเหนื่อยล้าจนไม่อาจฝืนร่างกายทนการกระทำของอีกฝ่ายได้จนเผลอหลับ กิตติภพเห็นว่าคนตัวเล็กหลับไปแล้ว ชายหนุ่มก็เร่งจังหวะก่อนจะปลดปล่อยน้ำสีขุ่นออกมาจนหมดทุกหยาดหยด ก่อนจะลุกขึ้นจากร่างของหญิงสาว
สายตาเรียบนิ่งจ้องมองไปยังร่างเปลือยเปล่าด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก เขามองนิ่งอยู่นานเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ ก่อนจะหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมใส่โดยที่สายตาก็ยังไม่วายมองไปที่คนตัวเล็ก
หลังจากที่ชายหนุ่มแต่งตัวเสร็จก็เดินออกมาจากห้องของหฤทัย ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอนของตน ฝีเท้าของกิตติพงษ์ชะงักเมื่อเห็นภาพของพี่ชายของตนเองออกมาจากห้องนอนของเด็กที่ปู่ของเขารับเลี้ยงเอาไว้ จากสีหน้าเย็นชาไม่ต่างจากพี่ชายคนโตก็เปลี่ยนเป็นสายตาตกใจทันที
‘นี่มันอะไรกัน พี่ภพกับน้องขวัญ?’
หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมง
ร่างเล็กก็สะดุ้งตื่นเธอมองไปรอบๆ พอไม่เห็นคนใจร้ายคนนั้นอยู่ในห้องของเธอก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก หฤทัยหอบร่างอันบอบช้ำตรงมาในห้องน้ำ ร่างบางอรชรปล่อยให้สายน้ำชโลมร่างกายอยู่นานสองนาน พร้อมใบหน้าของเธอที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ไม่รู้ว่ามันเป็นครั้งเท่าไหร่แล้ว ที่เธอเสียน้ำตาให้กับคนที่ชื่อกิตติภพ สิ่งที่ชายหนุ่มทำไว้กับเธอมันช่างแสนสาหัสเหลือเกิน
“ฮึกฮือ พ่อจ๋าแม่จ๋า ขวัญผิดมากใช่ไหมคะ ทำไมขวัญต้องมาเจอผู้ชายคนนี้ ทำไมขวัญถึงได้หวั่นไหวให้กับเขาด้วย” ใช่ ก่อนหน้านั้นหัวใจของเธอเคยสั่นไหวเพราะเขา เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้รู้สึกอย่างนั้นกับอีกฝ่าย แต่ทว่าความรู้สึกของเธอก็ถูกเขาเหยียบย่ำพังทลายไปจนไม่เหลือชิ้นดีแล้ว
หลังจากที่ปล่อยให้เวลาผ่านไป ร่างบางอรชรของหฤทัยก็เดินมาทิ้งตัวลงบนเตียง เธอสวมใส่เสื้อผ้ามิดชิดเพราะจู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนจับไข้ หญิงสาวเลยกินยาพาราที่มีติดไว้ในห้องก่อนจะนอนต่อ ในหัวของเธอในตอนนี้ ไม่อยากคิดอะไรอีกแล้ว ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งรู้สึกแย่
อีกด้านของกิตติภพ
หลังจากชายหนุ่มขึ้นมาบนห้องของตัวเองเขาก็ถอนหายใจเข้าออกอยู่หลายต่อหลายครั้ง ชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดกับความรู้สึกในใจของตนเองไม่น้อย จู่ๆ เขาก็รู้สึกสงสารหญิงสาวคนนั้น ยามที่เห็นร้องไห้จนหลับไป แต่อีกใจลึกๆ ของกิตติภพก็ร้องบอกตัวเองว่าไม่ควรสนใจใยดีอะไรกับผู้หญิงคนนั้น เรื่องมันเป็นแบบนี้ก็สมควรแล้ว เขาไม่ควรมานั่งคิดสงสารเธออีก
ชายหนุ่มสลัดความคิดก่อนจะเอื้อมมือไปปิดโคมไฟที่หัวเตียงก่อนจะข่มตาให้หลับลงไป เพียงไม่นานชายหนุ่มก็เข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว ที่ผ่านมากิตติภพดูเป็นคนเข้มขึงและเป็นผู้ชายที่ดูจริงจังตลอดเวลา อาจจะเพราะเขาต้องรับผิดชอบอะไรหลายๆ อย่าง ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบด้วยมั้ง ถึงทำให้บุคลิกของเขาดูเปลี่ยนไปมากจากเดิม
ท้องฟ้าจากที่มืดมิดในตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นสว่างสดใส แต่ทว่าสำหรับหฤทัยไม่ใช่แบบนั้นเลยสักนิด เธอไม่ได้สดใสอีกต่อไป ร่างกายของเธอมันปวดไปทั่วร่าง ไหนในหัวที่รู้สึกหนักอึ้งจนแทบลุกจากเตียงนอนไม่ไหว หฤทัยยังคงพยายามฝืนลุกขึ้นเพื่อที่จะตรงไปที่ห้องน้ำ แต่เพียงก้าวขาได้ไม่ถึงสามก้าวร่างของเธอก็ล้มลงไปกองกับที่พื้นด้วยสติที่หายไป
กานต์ชนกในชุดนักศึกษาเดินมาหาเพื่อนสนิทเฉกเช่นทุกวัน เธอยกมือขึ้นเคาะประตูห้องนอนของหฤทัยอยู่สองสามครั้งพร้อมส่งเสียงเอ่ยเรียก แต่ทว่าก็ต้องขมวดคิ้วที่ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา กานต์ชนกมองไปรอบๆ บ้าน แต่ก็ไม่เห็นหฤทัยเลยสิ้นความคิด กานต์ชนกก็เอื้อมมือไปหมุนลูกบิดแต่ห้องล็อกจากด้านในอยู่ จึงทำให้หญิงสาวแน่ใจว่าหฤทัยอยู่ในห้อง
“ขวัญตื่นรึยัง เปิดประตูหน่อย”
“......” เงียบ ทุกอย่างยังอยู่ในความเงียบเหมือนเดิม
“ขวัญ! ทำไมไม่เปิดประตูเป็นอะไรรึเปล่า?” หฤทัยไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย พอเห็นแบบนี้ก็ทำให้กานต์ชนกรู้สึกเป็นห่วงหญิงสาวขึ้นมาทันที
“ป้าน้อยคะ ป้าน้อย”
“มีอะไรคะคุณหนู?”
“เอากุญแจห้องขวัญมาเปิดประตูทีค่ะ กานต์เคาะประตูนานแล้วขวัญก็ไม่ยอมเปิดเลย ไม่รู้เป็นอะไรรึเปล่า ปกติขวัญไม่เคยเป็นแบบนี้”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวป้าไปเอากุญแจมาเปิดห้องให้นะคะ” ป้าน้อยพูดจบก็รีบไปหากุญแจบ้านที่มีสำรองอยู่ทุกห้องในบ้านหลังนี้ แต่ทว่าหญิงวัยกลางคนก็ต้องเผยสีหน้าสงสัยออกมา ทำไมกุญแจห้องของหฤทัยถึงหายไป
“ได้ยังคะป้าน้อย?”
“คุณหนูคะ คือว่ากุญแจห้องของหนูขวัญหายไปค่ะ ป้าหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ”
“อะไรนะคะ หายไปได้ยังไงกัน?”
“เกิดอะไรขึ้นกานต์ เสียงดังลั่นบ้าน” เสียงของกิตติพงษ์เอ่ยถามน้องสาวเมื่อเขาเดินเข้ามาในบ้าน หลังจากที่ไปวิ่งออกกำลังกายมา
“ก็ยัยขวัญสิพี่พงษ์ไม่รู้เป็นอะไรรึเปล่า เนี่ยกานต์เรียกนานแล้วนะ แต่ก็ไม่เปิดประตูสักที แถมกุญแจห้องของยัยขวัญก็หายไป ป้าน้อยหาไม่เจอเลย” กิตติพงษ์ขมวดคิ้วก่อนจะมองไปที่ประตูห้องของหฤทัย เขาไม่พูดอะไรออกมาก็หันไปบอกให้น้องสาวขยับหนี กานต์ชนกไม่เข้าใจแต่ก็ยอมหลบให้กับคนเป็นพี่