บทย่อ
เพราะเธอเขาจึงสูญเสียทุกอย่างไป ในเมื่อสวรรค์ทำให้เธอมีชีวิตรอดเขาก็จะกลายเป็นมัจจุราชพรากความสุขไปจากเธอเอง แต่ทว่าเขากลับกำลังแพ้ให้แก่เมียแสนชังคนนี้เสียแล้วเมื่อเธอกำลังจะโบยบินหนีไปจากชีวิตเขา
บทนำ [1]
บทนำ
สายตาเศร้าของเด็กหญิงตัวน้อยวัยสิบกว่าปี เธอมองเขม่าควันไฟที่ลอยออกมาจากปล่องเมรุด้วยนัยน์ตาของความเสียใจ บริเวณศีรษะยังคงมีผ้าพันแผลเอาไว้ เหมือนบ่งบอกให้ทุกคนรับรู้ว่าเธอผ่านความเป็นความตายมาก่อน
หฤทัย เธอกลายเป็นเด็กกำพร้าเพียงชั่วข้ามคืน เพราะทั้งพ่อและแม่ของเธอที่เสียชีวิตไปเพราะอุบัติเหตุอย่างกะทันหัน ในตอนนี้เด็กหญิงตัวน้อยก็ไม่รู้ได้เลยว่าชีวิตของเธอจะเป็นอย่างไรต่อไปหากยังคงไร้ที่พึ่งพา นอกจากพ่อและแม่ก็ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนที่ดูท่าว่าจะรับเอาเธอไปเลี้ยงดูต่อ ตอนนี้เด็กหญิงก็เป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ไม่มีใครต้องการเท่านั้นแหละ
“ฮึก ฮือ พ่อจ๋า แม่จ๋าแล้วหนูจะอยู่ยังไง ทำไมไม่พาหนูไปอยู่ด้วยฮือ” คำพูดแสนเศร้าของเธอดังออกมาพร้อมกับเสียงสะอื้นไห้ คำพูดของเด็กหญิงทำให้ชายชราอย่างท่านกิตติศักดิ์มองด้วยความสงสารจับใจ เขาเป็นญาติของคู่กรณีที่ขับรถชนจนทำให้สองสามีภรรยาคู่นี้เสียชีวิตลง ส่วนทางด้านเขาเองก็สูญเสียบุตรชายกับลูกสะใภ้ไปเหมือนกัน
“ไม่ต้องร้องไห้ ในตอนนี้พ่อแม่ของหนูเขาไปสบายแล้วนะ ถ้าหากหนูเอาแต่ร้องไห้แบบนี้พ่อแม่ของหนูเขาจะเป็นห่วงเอาได้” เสียงของชายชราทำให้เด็กหญิงหันหน้าไปมอง งานศพในวันนี้ที่เสร็จลุล่วงไปได้ก็เพราะมีชายชราคนนี้คอยจัดการให้ทุกอย่าง
หฤทัยรู้เพียงว่าเขาคือญาติของคู่กรณีในอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นและก็ไม่ได้รู้จักอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับเขาอีกตลอดหลายวันนับแต่เกิดเรื่อง เธอรู้สึกขอบคุณเขาไม่น้อยที่จัดการทุกอย่างให้ เด็กน้อยตาดำๆ อย่างเธอคงไม่รู้จริงๆ ว่าจะทำอย่างไรต่อ ไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหนอะไรบ้าง อย่างน้อยครอบครัวฝั่งทางคู่กรณีก็ยังช่วยเหลือเธอ
เด็กหญิงพยักหน้าให้กับชายชรา เธอพยายามไม่ร้องไห้ออกมาแต่ก็ไม่ง่ายเลยสักนิด ท่านกิตติศักดิ์ยกมือขึ้นมาลูบศีรษะของเด็กหญิงตัวน้อยด้วยความเอ็นดูปนสงสาร
เหตุการณ์ในครั้งนี้ เขาเองก็เสียใจไปไม่ต่างกันที่ต้องสูญเสียลูกชายและลูกสะใภ้พร้อมกัน หลานๆ ทั้งสามของเขาก็กำลังเติบโต มาเจอเรื่องแบบนี้พวกเขาก็เจ็บปวดกันมาก แต่พอมาเจอเด็กคนนี้เขารู้สึกเอ็นดูเธอ อยากให้เธอมีชีวิตที่ดีขึ้น เพราะแบบนี้ท่านกิตติศักดิ์เลยตัดสินใจที่จะรับเลี้ยงเธอไว้ตั้งแต่นี้ไป
หลังจากที่เสร็จสิ้นงานศพของพ่อแม่ หฤทัยก็ย้ายมาอยู่ที่บ้านหลังใหญ่ของชายชรา เธอไม่อยากไปอยู่สถานสงเคราะห์ จึงตัดสินใจที่จะมาอยู่กับเขาคนนี้ ด้วยท่าทางใจดีของอีกฝ่ายทำให้เธอรู้สึกว่าไม่ได้น่ากลัวอะไร แต่ทว่าทันทีที่หฤทัยก้าวเข้ามาอยู่ในบ้านชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไปทันที
หลายปีต่อมา
หญิงสาวในชุดนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง ที่ครอบครัวกุลจันดามีหุ้นส่วนอยู่ที่นี่ การที่เธอเข้ามาอยู่ที่นี่ถึงได้รู้ว่าครอบครัวของท่านกิตติศักดิ์ ชายชราที่ช่วยเหลือเธอเป็นมหาเศรษฐี ร่ำรวยติดอันดับในประเทศ แต่หฤทัยก็รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัวทำงานบ้านอยู่ตลอด ถึงแม้จะโดนท่านกิตติศักดิ์บ่นทุกวันก็ตาม
“ขวัญ แต่งตัวเสร็จรึยังจ๊ะ?” เสียงของหญิงสาวรุ่นราวใกล้เคียงกับเธอเอ่ยขึ้น กานต์ชนก หลานสาวคนเดียวของคุณปู่กิตติศักดิ์ การที่เธอเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ผู้หญิงคนนี้ดีกับเธอมากๆ ทั้งสองกลายมาเป็นเพื่อนสนิทของกันและกัน สำหรับกานต์ชนกเองก็ดีใจเหมือนกันที่ได้มีเพื่อน ในตอนนั้นเธอก็ยังเด็กแต่ก็เข้าใจว่าเรื่องทุกอย่างมันเป็นอุบัติเหตุไม่ไม่ใครอยากให้เกิด ตอนที่เธอเสียใจผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ต่างจากเธอ เราทั้งสองสูญเสียพ่อแม่ไปเหมือนกัน
“คุณกานต์ ขวัญแต่งตัวเสร็จพอดีเลยค่ะ”
“เรียกคุณกานต์อีกแล้ว บอกกี่ครั้งว่าให้เรียกกานต์เฉยๆ เราเป็นเพื่อนกันนะ” คำพูดบวกรอยยิ้มของกานต์ชนกทำให้คนตัวเล็กอย่างหฤทัยยิ้มแห้งออกมา เธอรู้ตัวดีว่าไม่ควรกล้าไปเทียบกับผู้หญิงคนนี้ ถึงแม้กานต์ชนกจะบอกให้เธอทำก็เถอะ แต่มีคนสั่งห้ามเธอไม่ให้ตีตัวเสมอกานต์ชนก คนคนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือกิตติภพ พี่ชายคนโตของกานต์ชนกนั่นเอง
“ขวัญชินปากค่ะ”