3 แก้ปัญหาตรงหน้าไปก่อน
“พี่ณีครับผมมีเรื่องอยากปรึกษา” เอกอาทิตย์พูดกับหัวหน้าพยาบาลเมื่อเดินออกมาจากห้องพักของอัญชิสา
“เรื่องอัญใช่ไหม”
“ครับพี่ณี ผมอยากชวนพี่ไปคุยกับอาจารย์หมอหน่อยได้ไหมครับ”
“ได้สิคะหมอซันพี่เองก็อยากถามถึงอาการของอัญอยู่เหมือนกัน”
“ฉันไปด้วยนะ”
“นายจะไปทำไม”
“ก็ไปในฐานะนายจ้างของอัญไงล่ะ”
ทั้งสามคนเดินไปยังห้องพักของอาจารย์หมอสุชาติ
ธีรกานต์เคาะประตูเมื่อได้ยินเสียงอาจารย์หมอสุชาติอนุญาตก็รีบเปิดประตูเข้าไป
“นี่จะมาคุยเรื่องคนไข้กับผมทั้งสามคนเลยเหรอ”
“ครับอาจารย์ ผมจะถามอาจารย์ว่าอาการที่คุณอัญเขาเป็นอยู่มีโอกาสจะหายไหม”
“โอกาสหายนะมีแต่ต้องใช้เวลาหน่อยน่ะ”
“นานไหมคะหมอ”
“บางทีอาจจะแค่วันสองวันหรือไม่ก็นานเป็นสัปดาห์ก็ได้”
“แล้วเป็นไปได้ไหมครับที่เธอจะจำอะไรไม่ได้เลย”
“เป็นไปได้ยากนะหมอซันเพราะผลซีทีสแกนไม่มีรอยโรคหรือเลือดออกตรงไหนเลย มันอาจจะเป็นแค่อาการวิตกกังวลหลังเกิดอุบัติเหตุหรือสมองอาจจะได้รับความกระทบกระเทือนเพียงเล็กน้อยแต่ผมว่าไม่นานเธอก็น่าจะกลับมาจำทุกอย่างได้” อาจารย์หมอบอกไปตามความจริง
“ได้ยินอาจารย์หมอพูดแบบนี้ณีก็โล่งใจหน่อยค่ะ แล้วแบบนี้จะต้องอยู่โรงพยาบาลนานไหมคะ”
“ผมขอสังเกตอาการสักสองสามวันก่อนนะ จากนั้นก็น่าจะกลับบ้านได้ ส่วนเรื่องกระดูกที่ร้าว เมื่อเช้าผมคุยกับหมอแผนกออร์โธฯ แล้วเขาบอกว่าไม่เป็นปัญหาอะไรแค่ใส่เฝือกอ่อนไว้แต่ห้ามคนไข้ลงน้ำหนักจนกว่าจะหายส่วนใหญ่ก็ไม่เกินสามเดือน”
“อาจารย์ครับถ้าเกิดว่าเธอหายเป็นปกติแล้วเรื่องราวระหว่างช่วงนี้เธอจะยังจำได้ไหม”
“ส่วนใหญ่คนไข้ก็จดจำได้ทั้งหมดนะ แต่ทั้งนี้ก็แล้วแต่คนไข้แต่ละคนด้วย ทางที่ดีช่วงนี้เราก็ค่อยๆ บอกข้อมูลของเธอไปทีละนิดถ้าเห็นว่าเธอเริ่มปวดหัวก็ให้เปลี่ยนเรื่องพูด”
“ค่ะ อาจารย์ณีกับน้องในแผนกจะมาพยายามมาคุยกับเธอบ่อยๆ ”
“ผมได้ยินบอกว่าเธออยู่คนเดียวที่หอพักโรงพยาบาลแล้วแบบนี้ถ้าออกโรงพยาบาลไปใครจะเป็นคนดูแลล่ะ”
“ผมคิดว่าจะพาเธอไปอยู่ที่บ้านครับอาจารย์”
“แต่หมอซันก็ต้องมาทำงานทุกวันนะแล้วตอนกลางวันล่ะ”
“คิดว่าจะจ้างพยาบาลพิเศษไปคอยดูแลเธอแล้วก็น่าจะหาเด็กรับใช้สักคนครับ”
“เรื่องเด็กรับใช้ไม่ต้องห่วงหรอกเดี๋ยวให้เด็กรับใช้ที่บ้านของแม่ฉันไปช่วยดูก็ได้บ้านของนายกับบ้านของฉันก็ไม่ได้ไกลกันมากเท่าไหร่”
“ไม่เป็นไรหรอกกานต์ฉันว่าฉันหาเองได้”
“แต่คนที่ไว้ใจมันหายากนะ เอาเถอะน่าเด็กที่บ้านฉันเยอะแยะให้ไปช่วยงานที่บ้านนายสักคนก็ไม่เดือดร้อนเท่าไหร่หรอก แล้วอัญเขาก็เป็นลูกน้องของฉันนะ ฉันก็อยากจะมีส่วนช่วยดูแลเธอบ้าง”
“ส่วนเรื่องพยาบาลเดี๋ยวพี่จะหาพยาบาลที่ไว้ใจให้ดีไหมคะ”
“ขอบคุณครับพี่ณี”
“วางแผนกันแบบนี้ถามคนไข้แล้วใช่ไหม”
“ยังเลยครับอาจารย์ ผมไม่รู้จะพูดยังไงให้อัญยอมไปอยู่กับผม”
“ปกติแล้วคนไข้ที่จำอะไรไม่ได้ค่อนข้างจะไว้ใจคนยาก การจะพาเธอไปอยู่ในสถานที่แปลกใหม่หรือไปอยู่บ้านผู้ชายมันก็ยากนะ” อาจารย์หมอบอกตามประสบการณ์ที่ตนเองเคยเจอมา
“ผมกำลังคิดเรื่องนี้อยู่ครับถ้าเกิดผมบอกว่าผมกับเธอเป็นแฟนกันเธอจะยอมไปที่บ้านของผมไหม”
“นายคิดอะไรของนายอยู่ซัน ถ้าเกิดเธอจำทุกอย่างได้ขึ้นมานายไม่กลัวเธอโกรธเหรอ”
"ฉันไม่รู้จะเอาวิธีไหนชวนเธอไปอยู่ที่บ้าน พี่ณีว่ายังไงครับ”
“พี่ว่าข้อเสนอของหมอซันก็น่าสนใจดีนะ”
“แล้วคุณอัญเขามีแฟนหรือเปล่าครับ” หมอธีรกานต์ถามหัวหน้าแผนกผู้ป่วยนอก
“เท่าที่พี่รู้อัญฉันไม่มีแฟนนะคะ”
“ถ้างั้นก็ตกลงตามนี้แล้วกันเราจะบอกเธอไปแบบนี้แหละให้เธอเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะไปอยู่กับผมที่บ้านหรือเปล่า แต่ถ้าได้พี่ณีช่วยพูดก็ว่าอัญเธอน่าจะเชื่อนะ”
“เดี๋ยวตอนเย็นพี่ว่าจะขึ้นมาคุยกับอัญ บางทีถึงตอนนั้นอัญเขาอาจจะจำเรื่องทุกอย่างหมดแล้วก็ได้”
“เรื่องนี้ผมรบกวนพี่บอกคนที่จะขึ้นไปเยี่ยมอัญด้วยนะครับ เรื่องที่ผมชวนอัญไปอยู่ที่บ้าน”
“พี่จะกำชับเด็กในแผนกให้บอกว่าหมอซันกับอัญกำลังคบกันอยู่ตกลงตามนี้นะคะ”
“ขอบคุณครับพี่ณี”
“หมอซันคิดดีแล้วใช่ไหม”
“ครับอาจารย์” เอกอาทิตย์ตอบอาจารย์หมอจากนั้นทั้งสามคนก็พากันออกมานอกห้อง
ศิราณีขอตัวไปทำงานต่อขณะที่หมอเอกอาทิตย์เติมตามหมอธีรกานต์ไปที้หองทำงานของเขา
“ฉันว่ามันมากเกินไปหรือเปล่าที่จะพาเธอไปอยู่ที่บ้าน แค่ให้เธอนอนพักรักษาตัวอยู่ที่นี่และจ้างพยาบาลดูแลก็น่าจะพอแล้วนะ”
“ถ้าเป็นนายป่วยแล้วให้อยู่ในโรงพยาบาลตลอดเวลานายจะเบื่อไหม”
“มันก็คงต้องเบื่อแต่ในเมื่อมันไม่มีทางเลือกก็คงต้องเป็นอย่างนั้น นอกเสียจากว่านายคิดอะไรกับเธอ” ธีรกานต์มองหน้าเพื่อนอย่างต้องการคำตอบและเมื่อเห็นเอกอาทิตย์หลบสายตาเขาก็เข้าใจทันทีว่าตอนนี้เพื่อนของตนรู้สึกยังไงกับพยาบาลสาวคนนั้น
“นายกำลังชอบเธอใช่ไหม”
“ไม่ใช่กำลังชอบแต่ฉันชอบเธอมานานแล้ว เพียงแต่ไม่มีโอกาสคุยกับเธอ”
“แต่นายก็เจอเธอมานานหลายเดือนแล้ว”
“ฉันย้ายกลับมาอยู่ที่นี่ได้เกือบสี่เดือนก็เท่ากับระยะเวลาที่ฉันรู้จักกับเธอนั่นแหละ แต่เราไม่ค่อยได้คุยกันตามลำพังเลยทุกวันเจอกันก็เหมือนเพื่อนร่วมงานคนอื่น”
“ถ้าเธอจำเรื่องทุกอย่างได้นายจะทำยังไง”
“ฉันยังไม่คิดตอนนี้เราต้องแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าไปก่อนถึงตอนนั้นค่อยว่ากันอีกที”
“นายไม่กลัวเธอจะโกรธเหรอ”
“มันก็เป็นสิทธิ์ของเธอนะถ้าเธอจะโกรธแต่ตอนนี้สิ่งที่ฉันทำได้ก็คือรับเธอไปดูแลอย่างดีที่สุด มันเป็นความผิดของฉันเองด้วยที่ขับรถประมาท”
“นายพูดเหมือนจะรับผิดชอบทั้งชีวิตเลยนะ”
“มันก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกนะ แต่ถ้าหากคุณอัญเขาเต็มใจให้ฉันรับผิดชอบมันก็โอเคนะ”
“ฉันขอถามอีกอย่าง ถ้าหากว่าเธอจำอะไรไม่ได้ตลอดล่ะ นายจะทำยังไง”
“ก็ดีนะสิฉันจะได้เป็นความทรงจำเดียวของเธอ”
“นายท่าจะบ้าแล้วนะ คิดอะไรแปลกๆ”
“ไม่แปลกหรอก คนเรามันก็ต้องทำอะไรเพื่อตัวเองกันบ้าง ฉันขอตัวไปทำงานก่อนนะ”