บทที่ 3
“อะไรของมึงวะ ไหนบอกว่าเจอกันที่เดิม” ขุนพลพูดขึ้น เมื่อมันเดินเข้ามายังลานกิจกรรม ที่เขากำลังประกวดนางนพมาศ ตอนนี้พวกเรามารวมตัวกันที่มหาลัยไอ้เหนือ เป็นที่เรียบร้อย ด้วยบุคลิกและหน้าตาอันหล่อเหลาของกลุ่มเรา ย่อมเป็นที่สนใจของทุกคน
“ถามมัน” น้ำเหนือโบ้ยหน้ามาทางผม แล้วไง!! ใครสน ใครบอกให้พวกมันตามมาเอง “กูไปทำงานกูก่อน พวกมึงก็เดินๆ ดูรอบงานไปแล้วกัน” มันพูดแค่นั้นก็ทิ้งพวกเราสี่คนเอาไว้ ผมก็นั่งอยู่ที่เดิม จ้องมองไปบนเวที ที่ตอนนี้มีหญิงสาวกำลังทยอยเดินขึ้นมาบนเวที
“ผู้เข้าประกวดหมายเลข 12 นางสาวปรางค์แก้ว พงษ์พิทัก ขอเสียงตบมือหน่อยครับ” ผมมองหญิงสาวที่เดินขึ้นมาบนเวที แล้วต้องตกตะลึง ผมยาวเมื่อตอนบ่ายถูกรวบเกล้าขึ้นอย่างสวยงาม เธอสวมชุดไทย ส่งยิ้มมาให้กรรมการพร้อมผู้คนที่นั่งอยู่ด้านหน้าเวที
“จ้องขนาดนั้นกูว่าไม่รอดว่ะ” ไอ้ขุนพลพูดขึ้น
“นี่คือเหตุผล ที่หอบสังขารพิการของมึงมาที่นี่” เคเค พูดเสริม
“เสือก”
“สวยหวานขนาดนี้ เป็นกูก็ชอบ” เพทายพูดขึ้น ผมส่งสายตาดุดันให้มัน ทั้งสามคนหัวเราะเล็กน้อย “แค่พูดเล่น มึงก็รู้กลุ่มเราไม่กินของเพื่อน เว้นแต่เพื่อนจะให้กิน” มันพูดต่อด้วยน้ำเสียงปกติ
“แต่สาวๆ ที่มอนี้แม่งสวยๆ ทั้งนั้น” ขุนพลพูดสายตาของมันแพรวพราวไม่น้อย ผมเบือนหน้าไปสนใจบนเวทีที่มีหญิงสาวคนนั้น ตอนนี้เธอกำลังตอบคำถามที่กรรมการถามอยู่ ทุกคำที่เธอตอบ ไม่มีขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย ผมนั่งดูการประกวดอยู่เป็นนาน จนเพื่อนๆ ของผม ไปเดินเล่นแล้วกลับมานั่งตามเดิม ผมก็ยังคงไม่ได้ลุกเดินไปไหน
แล้วงานก็มาถึงช่วงสุดท้าย น้ำเหนือที่เดินเข้ามานั่งข้างสะกิดผมเล็กน้อย ผมพยักหน้าเป็นการตอบตกลง ก่อนที่มันจะดึงเพื่อนอีกสามคนไปกับมันด้วย
“ไอ้สัด กูไม่น่ามาเลย ต้องมาเป็นทาสมึงเนี่ย” เคเคบ่นออกมา ในมือของพวกมันสี่คน หอบดอกกุหลาบกำใหญ่ที่ถูกห่อด้วยหนังสือพิมพ์ ก็ผมพึ่งไปเหมาดอกกุหลาบที่ตลาดสดมาไง
“เชี่ยหมดไปเท่าไหร่ว่ะ เปย์ขนาดนี้ มันคุ้มไหม” เพทายเสริมต่อ
“แล้วมึงจะเอาให้ใคร” ขุนพลถามขึ้น
“จ้องอยู่คนเดียว เบอร์12ไง” เพทายพูด
“อย่าลืมตอบแทนพวกกูล่ะ พวกมึงตามกูมา” น้ำเหนือเดินนำเพื่อนออกไปก่อน ผมนั่งมองไอ้เพื่อนสี่คนเดินหอบดอกไม้ไปที่หน้าเวที ทุกคนต่างให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เสียงซุบซิบเกิดขึ้น ทุกคนต่างลุ้นว่าดอกไม้มากมายเหล่านี้จะเป็นของผู้ประกวดคนใด
ก่อนที่ดอกไม้ของผมจะส่งไปถึงมือของมะปราง ผมก็เห็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่งหน้าตาดีไม่น้อย หอบดอกไม้หลายดอกยื่นมาส่งให้กับเธอ ทุกคนต่างกรีดร้องกันยกใหญ่ ที่ผมขัดใจคือ เธอยิ้มให้มันยิ้มจนแก้มแทบฉีก แล้วมันกระซิบอะไรกับเธอไม่รู้อยู่ครู่ใหญ่
น้ำเหนือหอบดอกไม้ไปให้กับมะปรางเธอตกใจไม่น้อย ก่อนที่มันจะกระซิบอะไรสักอย่างแล้วชี้มาทางผม เธอก็มองตามมา ผมจ้องมองเธออยู่ก่อนแล้ว เราสบสายตากัน มะปรางส่งยิ้มมาให้ผม ตึก ตึก เป็นเชี่ยอะไรวะ หัวใจแม่งเต้นแรงฉิบหาย
ผมนั่งดูการประกวดจนจบ และสุดท้ายมะปรางก็คว้าสายสะพายนางนพมาศคืนนี้มาได้ ผมยิ้มมุมปากอย่างพอใจ ก่อนจะเดินตามเพื่อนๆ ออกมาเดินดูงาน
“เต ใช่เตใช่ไหม” เสียงผู้หญิงดังขึ้นมาทางด้านหลัง ครั้งแรกผมว่าจะไม่หันกลับไป เพราะอาจจะเป็นผู้หญิงสักคนที่รู้จักหรือมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้ง ชั่วข้ามคืนกัน “เต..” เธอดึงชายเสื้อของผมเอาไว้ ทำให้ผมหันกลับไปมอง อย่างอารมณ์เสีย
“อะไร” ปากผมมันไว ยังมองไม่เห็นว่าใครผมก็ตะคอกเสียงดังออกไป “...” เมื่อผมรู้ว่าเป็น..... อารมณ์ของผมยิ่งปะทุมากขึ้น วันนี้มันคงเป็นวันซวยมากๆ ในรอบหลายปี
“เต อย่าทำหน้าแบบนั้นใส่โรสสิ”
“ถอยไป” ผมปัดมือที่จับชายเสื้อออกอย่างไม่ชอบใจนัก
“อ้าวโลกกลมจังวะ…” เพทายพูดขึ้น แล้วเดินเข้ามาใกล้ผม มันเลิกคิ้วเล็กน้อย เป็นเชิงถามว่าผมอยู่กับเธอได้ยังไง
“กลับ” ผมหันไปพูดกับเพื่อนๆ ที่เดินนำหน้า ทุกคนต่างหันมองมาอย่างสนใจ น้ำเหนือดูเหมือนจะตกใจมากกว่าคนอื่น
“ป่ะ กูขี้เกียจเดินเหมือนกัน ไปแดกเหล้าดีกว่าพรุ่งนี้หยุด” น้ำเหนือเดินนำทุกคนมายังรถที่จอดรออยู่ไกลพอประมาณ เพราะพื้นที่จัดงานมีขนาดใหญ่ ขณะที่ผมเดินออกมา ดูเหมือนโรสอยากเดินตามมาแต่เธอก็ถูกกลุ่มเพื่อนเรียกเอาไว้ก่อน “มึงโอเคไหม”
“อะไรที่มึงคิดว่ากูไม่โอเค” มันยักไหล่ใส่ผมแล้วเดินไปเปิดประตูรถ ผมกำลังเปิดประตูรถก้าวขึ้นประจำที่ ตาก็สะดุดเข้ากับหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ไม่รู้ว่าเธอมาทำอะไรแถวนี้ เพราะที่นี่มันมืด ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านมา
“ยืนอะไรของมึง รีบขึ้นรถสิ”
“...” ผมไม่ได้พูดอะไร แต่กลับเดินเข้าไปหาเธอ
“ว๊ายยย” เธอร้องออกมาด้วยความตกใจ ก่อนดึงเสื้อคลุมที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาปิดหน้าอก ผมมองไม่ชัดมากเท่าไร แต่ตอนนี้มองเห็นชัดมาก เธอกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า “มา..มา ตั้งแต่ตอนไหน” เธอถอยห่างจากผม ผมหันหลังให้เธอ
“มอนี้ไม่มีห้องน้ำ”
“มี”
“...”
“คนเยอะรอคิวนาน ออกไปจากตรงนี้ก่อนได้ไหม ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่”
“ใส่เสื้อ” ผมออกคำสั่งกับเธออีกครั้ง “เร็ว” ผมยังคงพูดเสียงดุดันใส่เธอ มะปรางคงงงไม่น้อยว่าผมจะมายุ่งอะไรกับเธอ ดีที่เป็นผมมาเห็นก่อนถ้าเป็นคนอื่น หรือเจอโรคจิตมีหวังไม่รอด มืดขนาดนี้โดนฉุดไปคงไม่มีใครช่วยทัน “เสร็จหรือยัง”
“สะ เสร็จแล้ว” เธอพูดแค่นั้นผมก็หันกลับมา คว้าเอาข้อมือของเธอ เดินมาที่รถของไอ้เหนือ
“ลงมา” ผมเปิดประตูรถ บอกเพื่อนเสียงเรียบ มันก็ทำตามอย่างงง เดินลงมาจากรถ ก่อนที่ผมจะผลักมะปรางเข้าไปในรถ “ฉันให้เวลา 10 นาที ให้เสร็จ” แล้วผมก็ปิดประตูรถ
“อะไรของมึงไอ้สัด”
“10 นาที”
“เอ่อ” น้ำเหนือเดินไปท้ายรถ หยิบบุหรี่ออกมาจุดสูบ อย่างสบายอารมณ์ ส่วนผมยืนเอาหลังพิงประตูรถ รอเวลาให้คนข้างในเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เสร็จ ไม่นานประตูรถก็ถูกเปิดออก
“ขอบคุณค่ะ” เธอก้มหน้าขอบคุณผม โดยไม่สบสายตา สองแขนเล็กกอดกระเป๋าผ้าด้านในคงใส่เสื้อผ้าเอาไว้ ตอนนี้มะปรางเปลี่ยนมาสวมชุดลำลอง เสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนขาสั้น เอวสูง มันก็ไม่ได้สั้นมาก แต่มันก็อวดเรียวขาขาวสวยของเธอ แล้วทำไมผมต้องไม่ชอบด้วยวะ
“อืม วันนี้ขอบคุณ” ผมพูดแค่นั้นก็เปิดประตูรถก้าวขึ้นมานั่งประจำที่ ไอ้เหนือมันก็ตามผมขึ้นมาบนรถ
“ตามไปส่งถึงบ้านเลยไหม” น้ำเหนือพูดขึ้น ตอนนี้เรากำลังมุ่งหน้าไปยังผับประจำที่เราไป วันนี้ผมคงไม่ดื่ม เพราะหมอห้าม พักตับบ้างก็ดี
“รู้จัก”
“อืม พอรู้ มะปรางสาวบัญชี ที่เลื่องชื่อ….”
ผมหันหน้าไปมองมัน ไอ้บ้านี้ก็เงียบซะงั้น ไม่พูดต่อ แล้วมันก็หัวเราะออกมา เมื่อมันแกล้งผมสำเร็จ ไอ้สัดเหนือ!!
“มึงจีบไม่ติดหรอก หลายคนที่เข้าหาเธอ ล้วนแต่ส่ายหน้า เธอไม่สนใจผู้ชาย วันๆ เอาแต่อ่านหนังสือ ที่กูรู้เพราะเพื่อนในคณะกูตามจีบมะปรางอยู่ ครั้งแรกกูเห็นก็แอบชอบนะ แต่คงไม่ไหว เด็กเรียนเกิน”