บทที่ 2
“รถชนหน้ามอ...อืม” ผมกดวางสายโทรศัพท์ หลังจากคุยกับน้ำเหนือเสร็จ วันนี้มันวันซวยอะไรของผม ตั้งใจจะไปเข้าเรียนคาบสุดท้ายของวัน แต่ดันมาเจออุบัติเหตุซะได้ ตอนนี้ผมได้แต่ถอนหายใจ มองหน้าเจ้าของรถต้นเหตุ เห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ เขาคงไม่ได้ตั้งใจจริงๆ
แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือ ผู้หญิงที่สวมชุดนักศึกษา กำลังทำแผลที่ศีรษะให้ผม เธอสวยมาก ผิวขาวจนเห็นเส้นเลือด ดวงตากลมโตทุกอย่างบนใบหน้ารูปไข่ล้วนดูลงตัว น้อยนักที่จะเจอผู้หญิงสวยที่ไม่พึ่งพาเครื่องสำอาง
แต่ปากเจ้ากรรมก็ไวกว่าความคิด ผมไม่ชอบให้ผู้หญิงมาวุ่นวายกับร่างกายของตัวเอง ยกเว้นเวลาผมต้องเข้ากิจกรรมรักกับสาวๆ อะนะ เมื่อเธอทำแผลให้เสร็จกู้ภัยก็เข้ามา ผมจึงได้รู้ว่าเธอชื่อมะปราง เรียนอยู่มอนี่ ข้างมอของผมเอง เป็นมหาลัยรัฐบาลที่มีชื่อเสียง ส่วนผมเรียนเอกชน เอกสถาปัต ปีสุดท้าย
“นางฟ้าของผมไปแล้วเหรอพี่วี”
“อืม มะปรางไปแล้ว เลิกทำหน้าหงอย พาคนเจ็บไปโรงพยาบาลได้แล้ว”
ผมถูกยกขึ้นนอนเปล ก่อนจะถูกนำขึ้นรถกู้ภัย ผมจึงโทรบอกเพื่อนให้ไปเจอกันที่โรงพยาบาล ส่วนเรื่องรถผมมีคนจัดการให้แล้ว ผมถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดของย่านนี้
สรุปผมไม่ได้เป็นอะไรมาก ตอนแรกหมอจะให้นอนโรงพยาบาล ผมเป็นคนเกลียดกลิ่นของโรงพยาบาลมากที่สุด จึงขอหมอไม่นอน แขนด้านซ้ายถูกดามด้วยปลอกแข็งสีขาว เพราะกระดูกแขนร้าวหมอจึงให้เข้าเฝือก หน้าอกก็เจ็บเล็กน้อย คงเพราะแรงกระแทกของรถคันหลัง ดีที่ผมคาดเข็มขัดนิรภัย
“เป็นไงบ้างวะ” น้ำเหนือที่เดินเข้ามาถามขึ้น
“อย่างที่เห็นยังไม่ตาย”
“ไอ้สัด ถามดีๆ ดูตอบเข้า แล้วหมอว่าไง ไม่ต้องนอนโรงบาลหรือไง” น้ำเหนือมันจ้องมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ตอนนี้ผมนั่งอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์เพื่อรับยาจะกลับบ้าน
“ไปเอายา” ผมโบ้ยหน้าให้มันเดินไปเอายาให้
“ใช้กูชิบ ไอ้สัด ขาก็ไม่ได้พิการ” มันบ่นออกมา แต่ถึงอย่างนั้นมันก็คงทำตามที่ผมบอก ไอ้เหนือเป็นเพื่อนสนิทสุดในกลุ่ม ส่วนอีกสามคนตอนนี้เข้าเรียนอยู่มาไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้น ในไลน์กลุ่มก็ยังคงเสียงดังสั่นไม่หยุด
ไลน์กลุ่ม
เพทาย : @ น้ำเหนือ มันตายไหม
ขุนพล : ใครตาย
เคเค :?????
ภันเต : กูยังอยู่ แค่รถชน
เคเค : อย่าพึ่งตาย พวกกูยังเรียนไม่เสร็จ แข็งใจเอาไว้
ภันเต : นี่เรียนอยู่???
เพทาย : @ภันเต อยู่ไหน
ภัณเต : โรงบาล กำลังกลับ เจอกันที่เดิม
ผมปิดหน้าจอถึงแม้โทรศัพท์จะสั่นไม่หยุดผมก็ไม่ได้สนใจ น้ำเหนือเดินถือถุงยามาหาผม
“มึงไม่เป็นอะไรแน่นะ ไม่ใช่ไปตายบนรถกูนะ”
ผมไม่ได้ตอบอะไรเดินไปที่รถมัน ขี้เกียจต่อปากต่อคำ เพราะไอ้นี่มันเป็นคนพูดมาก ตรงข้ามกับผมที่พูดน้อย แต่อย่าให้พูด ขึ้นมานั่งบนรถไอ้เหนือก็ติดเครื่องยนต์รถเรียบร้อย ตอนนี้ผมมีสายห้อยคออยู่ ทำอะไรก็ไม่สะดวก ดีที่ไม่เป็นด้านขวา ไม่งั้นคงได้รำคาญมากกว่านี้
“แป๊บนะ กูรับโทรศัพท์ก่อน” น้ำเหนือพูดแค่นั้นก็ยกโทรศัพท์ที่ดังไม่หยุดขึ้นมารับสาย ไม่นานมันก็กดวางสาย “มึงจะไปไหน กูมีงานกิจกรรมมอ เดี๋ยวไปส่งมึงก่อน”
“ไปกับมึง”
“อย่ามาตลก กูไม่ว่าง ไม่ต้องมาเป็นภาระกู”
“....”
“เอ่อไอ้สัด ไปก็ไป มึงห้ามบ่นนะ”
“กิจกรรมอะไร”
“งานลอยกระทงไง คืนนี้กูต้องไปอยู่ซุ่มจัดงาน นี่..”มันส่งโทรศัพท์มาให้ผมดู มันคือภาพถ่ายโปรโหมดงานกิจกรรมหน้าเพจมหาลัยฯ สายตาของผมก็ไปสะดุดเข้ากับใครบางคน
ใช่หญิงสาวที่ช่วยทำแผลให้ผมนั้นเอง ผมจำเธอได้ ผมกดไปที่ภาพแล้วซูมชนิด เห็นยันรูขุมขน รอยยิ้มร้ายผุดขึ้นมา
“มึงยิ้มห่าอะไรว่ะ ขนลุก” มันเอามือสองข้างลูบแขนตัวเอง “สนใจหรอ เด็กบริหาร กูรู้จัก แต่ภาพนี่เป็นคนที่จะเข้าร่วมประกวดนางนพมาศคืนนี้”
“อืม ก่อนไปแวะที่หนึ่งให้กูก่อน”