**บทที่ 5**
ผมรู้สึกหนาวขึ้นมา อาการแบบนี้มันคืออะไร หรือเพราะผมกำลังจะตาย สติที่มีครบ ตอนนี้มันกำลังรางเลือน ไม่นะมึงห้ามเป็นอะไรนะไอ้เค ถ้าชายชุดดำกลับมาอีก มึงกับผู้หญิงคนนี้ไม่รอดแน่!!
“ไปโรงพยาบาล” ผมเอ่ยออกไปเสียงเบา ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดลง
เป็นยังไงบ้างครับนาย” มาร์ค ที่ยืนอยู่ข้างเตียงถามขึ้น ผมขยับตัวเล็กน้อย มันปวดระบม แต่ก็พอทนได้ “อย่างพึ่งขยับครับ หมอบอกให้นายพักผ่อนให้มาก ถ้าเจ็บตรงไหนต้องรีบแจ้งนะครับ”
“เลิกทำเหมือนกูเป็นเด็กสักที”
“นายก็ยังเด็กนะครับ”
“มึง!! โอ๊ยย แม่งเอ๊ยยย….” แค่ผมขยับตัว ตอนนี้ความเจ็บกลับเพิ่มมากยิ่งขึ้น แขนด้านซ้าย ถูกเข้าเฝือกเอาไว้ “แขนกูเป็นอะไรวะ”
“กระดูกร้าวครับ ช่วงนี้งดใช้แขน”
“หน้ามึงกวนส้นตีนมาก ออกไปเลยไป๊ ก่อนที่กูจะอารมณ์เสีย”
“คงไม่ได้หรอกครับ ผมมีเรื่องจะรายงานครับ ชายชุดดำสองคน ผมตามแล้วไม่เจอเลยครับ รถไม่มีป้ายทะเบียน แต่ผมมีข้อมูลใหม่ครับ” มาร์คยื่นไอแพดมาตรงหน้า ผมมองข้อมูลบนหน้าจอ
“งานล็อตนี้มีปัญหาไหม”
“ไม่ครับ คุณเฉิน ชมมาครับ ว่างานของเราถูกใจเขามาก”
“ดี.” ผมกวาดตามองไปรอบบริเวณห้องพัก แต่ก็ไร้วี่แววของผู้หญิงอีกคนที่ช่วยชีวิตผมเอาไว้
“เธอกลับไปนานแล้วครับ ผมมาไม่ถึงห้านาที ยังไม่ได้ขอบคุณด้วยซ้ำเธอก็ไปแล้วครับ แต่ผมเตรียมข้อมูลของเธอเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วครับ” มาร์คเดินถือไอแพดเข้ามาหาผมอีกครั้ง ผมรับมันมาอ่าน แค่ไม่นาน ที่จริงผมก็ไม่ได้คิดอะไร อย่างน้อยก็อยากขอบคุณเธอ
“ให้ผมส่งดอกไม้ขอบคุณไปให้เธอดีไหมครับ”
“อืม” ผมวางไอแพดในมือลง ตอนนี้ร่างกายมันปวดระบบไปหมด “ตรวจสอบเรื่องรถให้ด้วย ดูเหมือนสายเบรกจะโดนตัด”
“ผมตรวจเช็กเรียบร้อยแล้วครับ มีการตัดสายเบรกจริงๆ ครับ แต่กล้องวงจรปิดแถวนั้นมันใช้ไม่ได้เลย มันวางแผนมาดีมากครับ”
“มึงไม่เคยทำงานพลาด กูเชื่อฝีมือมึง” ผมพูดแค่นั้นแล้วหลับตาลง มาร์คเป็นลูกน้องคนสนิท เป็นคนที่ทำงานละเอียด รอบคอบ ไปไหนมาไหนกับผมตลอดเวลา ยกเว้นเมื่อคืน ที่ผมแอบออกมาคนเดียว บางครั้งชีวิตมันก็ต้องการความเป็นอิสระบ้าง
ก็เข้าใจ ว่าชีวิตของผมมันไม่เหมือนคนทั่วไป ทุกฝีก้าวต้องระวัง!! ชีวิตสีเทาๆ ไม่ได้ราบรื่นเหมือนอย่างที่คิด
“ไอ้เชี่ยเค ตายยัง” เสียงตะโกนดังลั่นห้อง ทำให้ผมถอนหายใจออกมา ไอ้เพทาย และไอ้เหนือเดินเข้ามาในห้อง “มันยังหายใจอยู่ ไอ้เหนือ มันยังไม่ตาย กูบอกมึงแล้วเห็นไหม มันยังครบสามสิบสองส่วน”
“เลิกโวยวายได้ไหม รบกวนคนอื่นเขา” น้ำเหนือบ่นขึ้น มีแค่ไอ้นี่แหละที่ประสาทดีที่สุดในกลุ่มนะผมว่า ส่วนคนอื่นก็…..
“กูดีใจที่เห็นไอ้เคไม่เป็นอะไรไง ไงไอ้เพื่อนยาก เป็นไงบ้าง เจ็บมากไหม”
“อืม แล้วคนที่เหลือไม่มา” ผมถามหาขุนพลกับภันเต
“เดี๋ยวมันตามมา ว่าแต่มึงไปทำอิท่าไหนถึงได้ขับรถตกถนนแบบนั้น” น้ำเหนือถามขึ้น
“มีคนไล่ยิงกู ตัดเบรกรถด้วย”
“ให้ตายสิ!! ใครวะ” เพทายอุทานออกมา “แต่แม่งโคตรโชคช่วย ดีแล้วที่ไม่เป็นอะไร แล้วรู้ไหมว่ามันเป็นใคร”
“ยังไม่รู้ แต่อีกเดี๋ยวก็คงรู้”
“ต่อไปมึงต้องระวังตัว จับมือใครดมไม่ได้ แบบนี้ยิ่งน่ากลัว ไม่ต้องมองหน้ากูแบบนี้ กูรู้ว่ามึงไม่กลัว คนเราชีวิตไม่ได้อยู่ค้ำฟ้า ระวังเอาไว้ก็ไม่เสียหาย” น้ำเหนือพูดด้วยเหตุผล
“ใช่ อย่างน้อยมึงควรที่จะมีเมีย มีทายาทอสูร ถ้าตายพวกกูจะได้คิดถึงมึงน้อยลงเพราะมีตัวแทนมึงไง โอ๊ย!!” เพทายร้องออกมาเสียงดัง มันโดนปลายรองเท้าผ้าใบของไอ้เหนือ แตะเข้าที่หน้าแข่งเต็มแรง
“ปากมึงนี่นะ หมาไม่เลิก!!”