ตอนที่ 8 ข้าแค่อยากช่วยท่าน
รอยยิ้มอ่อนหวานที่ยั่วยวนนั้นส่งมาให้จินอวี้หานอย่างจงใจ แม้ว่าเขาจะมิได้แสดงท่าทีสนใจนางเลยก็ตาม เมื่อเห็นว่าราชครูหนุ่มไม่ตอบนางจึงค่อย ๆ หุบยิ้มลงไป
“ได้สิ”
“คุณชาย แต่ว่า…” / จื่อรุ่ย
“จื่อรุ่ยเจ้าไปแจ้งใต้เท้าเจิ้งมาเพื่อแจ้งเกี่ยวกับกฎระเบียบของที่นี่ให้ข้าหลวงซานทราบ”
“เอ่อ แต่ว่า…ท่านราชครูนี่ก็ดึกแล้วข้าเกรงว่าใต้เท้าเจิ้งน่าจะเข้านอนแล้วนะเจ้าคะ”
“เจ้าก็รู้ดีนี่ข้าหลวงซานว่าตอนนี้ดึกแล้ว”
“คือว่าข้าคัดอักษรตามที่ท่านสั่งเสร็จแล้วจึงนำมาส่ง ไม่คิดว่าจะดึกขนาดนี้ก็เลยเสียมารยาทดังนั้น…”
“หากเจ้ารู้ว่าเสียมารยาท แล้วเหตุใดจึงมาพบข้าในเวลาเช่นนี้”
“คือว่า!”
“เรื่องของกฎระเบียบพรุ่งนี้ข้าจะให้ใต้เท้าเจิ้งเป็นผู้แจ้งต่อเจ้า หน้าที่ของเจ้าก็แค่มาดูแลท่านหญิง แต่ไม่จำเป็นต้องเข้าไปรบกวนนางในเวลาพักผ่อน อีกอย่างหากไม่มีกิจธุระอันใดก็ไม่ควรมาวุ่นวายมาถึงเรือนพักด้านในนี้ จำเอาไว้เพียงแค่นี้ก็พอ”
เมื่อเอ่ยเสร็จแล้วอวี้หานก็เดินผ่านนางไปโดยไม่ใส่ใจอีก แต่ซานหวนชิงยังไม่ยอม นางหันไปเรียกเขาเอาไว้
“ท่านราชครูจิน ท่านคงไม่ลืมว่าท่านเองก็เป็นบุรุษ ท่านหญิงเป็นสตรีท่านก็คงทราบดีว่าฮองเฮาทรงสั่งให้ข้ามาที่นี่เพื่อปกป้องท่านหญิงจากสิ่งใด อะไรและผู้ใดบ้าง”
จื่อรุ่ยหันมามองหน้าอวี้หาน ครั้งนี้ดูเหมือนว่าซานหวนชิงจะพูดผิดเวลาเสียแล้วเพราะใบหน้าของจินอวี้หานตอนนี้พร้อมที่จะฆ่าคนได้เลยทีเดียว หากเขาเป็นนางจะไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดนอกจากรับคำและรีบจากไป
“งั้นหรือ ตกลงที่เจ้ามาที่นี่เพื่อสิ่งใดกันแน่ เจ้าบอกว่ามาเพื่อดูแลเหตุการณ์ระหว่างที่ท่านหญิงพักอยู่ที่นี่ แต่ข้าอ่านในพระราชเสาวนีย์แล้วกลับบอกเพียงว่าส่งเจ้ามาเพื่อช่วยข้าดูแลท่านหญิง ตกดึกเจ้ากลับมาบอกข้าว่ามาเพื่อปกป้องท่านหญิงจากข้างั้นหรือ”
“มิใช่เช่นนั้นเจ้าค่ะ... คือว่าข้าน้อยกล่าวผิดไป ข้าหมายถึงจากชายคนอื่น ๆ”
“ใครล่ะ ใต้เท้าเจิ้งกับใต้เท้าเสิ่นผู้อาวุโสงั้นหรือ นี่เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าจะมีผู้ใดเชื่อสิ่งที่เจ้าพูด ปากเจ้าบอกว่ามาเพื่อปกป้องท่านหญิงแต่แอบลอบมาพบข้าในตอนดึก… ข้าหลวงซานเจ้าคิดสิ่งใดอยู่คงรู้อยู่แก่ใจ ข้าหวังว่าจะไม่พบเจ้าที่นี่ในเวลาเช่นนี้อีก จื่อรุ่ย!”
“ขอรับ”
“สั่งองครักษ์เฟินหลินทุกคน หากพบว่ามีคนลักลอบเข้ามาเรือนด้านหลังนี้นอกจากสาวใช้และคนที่เกี่ยวข้อง… ฆ่าได้ทันที”
“ขอรับ”
“ท่านราชครู ท่านหมายความว่าเช่นไร”
“ยังต้องให้ข้าพูดอีกงั้นหรือ เรือนพักตรงนี้มีองครักษ์เฟินหลินของ "ฝ่าบาท" ดูแลอยู่แล้วและเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของข้า คงไม่ต้องรบกวนนางข้าหลวงของฮองเฮาอย่างเจ้ามาคอยสอดส่องเพิ่มหรอกนะ"
“ข้าเพียงแค่อยากช่วยท่าน”
“หากเจ้าอยากช่วยข้าจริง ๆ ก็ทำตามหน้าที่ของเจ้า ดูแลด้านนอกและปกป้องท่านหญิงจากอันตรายตามคำสั่ง หากเจ้ากล้าสาบานว่าจะทำเช่นนั้นได้จริง ๆ ขอตัวก่อน”
“ท่านราชครู”
“ข้าหลวงซานพอเถอะ เจ้าควรกลับไปได้แล้ว”
“แต่ว่าข้าก็แค่อยากอธิบาย”
“ท่านราชครูสั่งแล้ว เจ้ารีบออกไปจะดีกว่ามิเช่นนั้นข้าเองก็รับรองความปลอดภัยของเจ้าไม่ได้ องครักษ์เฟินหลินรับคำสั่งเพียงแค่ท่านราชครูกับฝ่าบาทเท่านั้นหากท่านอยากจะลองข้าก็ไม่ขวางหรอกนะ”
ซานหวนชิงกำหมัดแน่นก่อนจะเดินสะบัดออกไปพร้อมกับสาวใช้คนอื่น ๆ จื่อรุ่ยเมื่อเห็นว่านางเดินพ้นไปแล้วจึงรีบเดินตามราชครูเข้าไปในเรือนพักทันที หลินซินที่ยืนอยู่ด้านในกลับเข้ามาในห้อง
“นางไปแล้วหรือเจ้าคะคุณหนู”
“เป้าหมายของนางมิได้มาปกป้องข้าแต่เป็นเขาต่างหาก นางหลงรักจินอวี้หาน”
“อะไรนะเจ้าคะ เช่นนี้นางจะไม่หาเรื่องท่านหรือ”
“จินอวี้หานรู้เรื่องนี้และมองนางออกตั้งแต่แรก เขาจึงได้สั่งห้ามนางแต่เพราะคำสั่งนี้คิดว่าหลังจากนี้นางคงไม่อยู่เฉยแน่”
“คุณหนูเช่นนี้เรา…”
“ไม่เป็นไร นางก็คงยังไม่กล้าลงมือหรอกหากว่ามีจินอวี้หานอยู่”
“คุณหนูเช่นนั้นเราก็จะออกจากที่นี่ยากขึ้นทุกทีสิเจ้าคะ เช่นนี้จะตามหา…”
“วันนี้พักผ่อนก่อนเถอะเรื่องนี้เอาไว้ข้าจะหลอกถามราชครูจินเอง เขารับปากแล้วว่าจะพาข้าไปเดินเล่นเรายังพอมีเวลา”
“เจ้าค่ะ”
เรือนพักราชครู
“นางไปแล้วหรือ”
“ขอรับดูเหมือนว่านางมาที่นี่เพราะคำสั่งของฮองเฮา แต่คืนนี้น่าจะไม่ใช่เพราะท่านหญิง เป้าหมายที่นางมาคือท่านมากกว่า”
“แต่ก็ต้องขอบคุณนางที่มาได้จังหวะ”
“คุณชาย ท่านหมายความว่าอย่างไร”
“เจ้าก็รู้นี่ว่าท่านหญิงหงก็แอบฟังอยู่ที่เรือน”
“ขอรับ ข้าคิดว่านางได้ยินทุกคำที่ท่านพูดกับนางและตอนนี้คงจะไม่กล้าออกจากอารามโดยพลการอีก”
“อย่างน้อยก็ทำให้นางไม่ต้องก่อเรื่องได้อีกสักพัก จริงสิข้าอยากให้เจ้าตามสืบอีกเรื่อง”
“เรื่องใดหรือขอรับ”
“เรื่องในวัยเด็กของท่านหญิงหงผู้นี้”
“คุณชาย นี่ท่านคงจะไม่เริ่มรู้สึกสนใจนางขึ้นมาหรอกใช่หรือไม่ขอรับ”
"เจ้าถามเช่นนี้ทำไม"
“ก็… ก่อนหน้านี้ท่านไม่เคยสนใจสตรีคนใดมาก่อน อีกทั้งข้ายังไม่เคยเห็นท่านมีท่าทางร้อนรนเหมือนตอนที่อุ้มท่านหญิงออกมาจากห้องโถงพิธีวันนี้มาก่อนเลย แม้แต่โหรหลวงท่านก็มิได้ออกมาส่งไปที่เรือนพักจนใต้เท้าเจิ้งเป็นผู้พาท่านโหรไปส่งด้วยตัวเอง”
“ข้า… เพียงแค่สงสัยเท่านั้นว่าเหตุใดนางจึงเป็นโรคแพ้อากาศหนาว ในตอนเด็กทำไมจึงเป็นปอดบวมได้ ดูเหมือนว่านางจะยังเล่าไม่หมดเจ้ารีบไปสืบมาอย่างน้อยพวกเราจะได้เตรียมป้องกันเอาไว้”
“ขอรับ”
“เอารายงานของนางที่เคยส่งมาจากหยุนหนานมาให้ข้าอีกที”
“แต่ท่านบอกว่าไม่น่าสนใจ”
“ข้าไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เหมือนวันนี้อีก หากว่านางเกิดเป็นอะไรขึ้นมาพวกเราทั้งหมดจะต้องหัวหลุดจากบ่าเจ้าไม่เข้าใจหรอกหรือ”
“ทราบแล้วขอรับ”
จื่อรุ่ยรีบเดินออกไปเอารายงานที่เขาสั่งทันที แม้ว่าจะรับคำสั่งแต่จื่อรุ่ยเองก็รับรู้ถึงความผิดปกติของผู้เป็นนาย ซึ่งก่อนหน้านี้เขาไม่เคยเห็นราชครูจินผู้นี้จะยิ้มเช่นนั้นมาก่อน อีกอย่างวันนี้ราชครูจินไม่จำเป็นจะต้องออกไปตามหาท่านหญิงด้วยตัวเองก็ได้ แต่เขากลับหานางจนพบโดยใช้เวลาไม่นานอีกทั้งยังพานางขี่ม้าตัวเดียวกันกลับมาจนถึงอาราม
“ไม่สนก็ไม่สน ปากแข็งนักสักวันเถิดขอรับคุณชาย หากว่ามีชายอื่นเข้ามาเมื่อไหร่ข้าจะรอดูไหน้ำส้มที่ท่านดองเอาไว้แตกกระจาย”
เมื่อเขานำม้วนรายงานมาวางให้ตามสั่ง จินอวี้หานนั่งอ่านรายงานของท่านหญิงด้วยความสนใจซึ่งก่อนหน้านี้เขาเองก็นำมาให้ราชครูจินอ่านแล้วแต่เขากับหยิบขึ้นมาอ่านเพียงเล็กน้อยและตัดสินนางหลังจากอ่านไปเพียงสามหน้า
“ที่แท้ก็เป็นสตรีน่าเบื่อที่ไม่เอาไหน ขี้โรคและโชคร้ายจะแต่งกับผู้ใดบุรุษผู้นั้นก็ต้องมีอันเป็นไป ไม่น่าสนใจแค่จัดการตามหน้าที่ให้เสร็จก็พอ สามเดือนที่มีค่าของข้าต้องมาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระเช่นนี้งั้นหรือ ฝ่าบาททรงคิดสิ่งใดอยู่กันแน่นะ”
แต่วันนี้หลังจากที่ท่านหญิงมาพักอยู่นี่เพียงเดือนกว่า ๆ ท่าทางของราชครูจินกลับเปลี่ยนไป นับตั้งแต่ที่เขาไปตามหานางด้วยตนเอง แม้แต่ใต้เท้าเจิ้งและใต้เท้าเสิ่นเองก็ไม่เคยเห็นท่าทางร้อนรนของจินอวี้หานเช่นวันนี้มาก่อน อีกอย่างเขายังกล้าสั่งลงโทษคนของตำหนักเต๋อหนิง ซึ่งถือว่าท้าทายพระราชอำนาจของฮองเฮาอย่างเปิดเผย
“คุณชายท่านยังไม่ง่วงหรือขอรับ”
“เจ้าง่วงก็ไปนอนก่อนเถอะ อีกสักพักข้าจะไปนอนเอง”
“เหตุใดต้องสนใจเรื่องของท่านหญิงถึงเพียงนี้”
“นี่จื่อรุ่ย”
“ขอรับ”
“เจ้าคิดว่าหลังจากที่ท่านหญิงทำพิธีปัดความชั่วร้ายออกไปหมดแล้ว พวกคู่หมั้นเก่าหรือบุรุษอื่นจะกลับมาสนใจท่านหญิงอีกหรือไม่…."