ตอนที่ 7 ข้าแค่เป็นห่วงท่าน!!
“คุณชาย ท่านหมายถึงหงชิงอ๋องบิดาของท่านหญิงหรือขอรับ”
“เจ้าสั่งให้คนคุ้มกันรอบเรือนพักท่านหญิงเพิ่ม อย่าให้พวกนางที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปที่นั่นได้”
“ขอรับ”
ห้องนอนหงหลินซิน
“คุณหนูท่านตื่นแล้ว”
“เนี่ยถงนี่ข้าหลับไปหรือ”
“เจ้าค่ะ ท่านราชครูอุ้มท่านกลับมาหลังจากทำพิธีเสร็จแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ทราบว่าท่านแพ้ความหนาวนะเจ้าคะ”
“ดีแล้วข้าเองก็ไม่อยากให้ผู้ใดรู้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเมื่อตอนบ่ายวันนี้ ฮองเฮาส่งคนของนางมาที่นี่”
“ทราบแล้วเจ้าค่ะองครักษ์ของท่านราชครูจินบอกข้าให้ระวังตัวเอาไว้แล้ว”
“อืม เอายามาเถอะ”
“นี่เจ้าค่ะข้าไปอุ่นมาให้ท่านแล้วดื่มตอนร้อน ๆ จะได้หายเร็ว ๆ”
หลินซินรับยามาและดื่มพรวดเดียวหมด นางค่อย ๆ รวบรวมความคิดบางอย่างและหันไปมองสาวใช้ที่กำลังใช้เตาถ่านค่อย ๆ รีดไปที่เตียงของนางอีกครั้งเพื่อทำการอุ่นเตียง
“เนี่ยถงเจ้ากลับมาได้อย่างไรงั้นหรือ”
“ตอนที่ข้าออกมาจากหอฉินหลันก็ได้ยินเสียงพลุเจ้าค่ะ ไม่นานองครักษ์ของท่านราชครูก็มาพาตัวข้ากลับมาที่อาราม แต่พวกเขารอให้คนที่มาจากวังหลวงเข้ามาก่อนถึงได้ให้ข้าเข้ามา และกำชับว่าอย่าได้ให้ผู้ใดที่มาจากวังหลวงทราบว่าท่านออกไปจากอารามเจ้าค่ะ”
“ราชครูจินรอบคอบมาก เขาจัดการทุกอย่างได้รวดเร็วมากจริง ๆ”
“คุณหนูแล้วท่านกลับมาอย่างไรหรือเจ้าคะ ตอนที่ข้ามาถึงคนของวังหลวงขึ้นบันไดหน้าอารามไปกว่าครึ่งทางแล้วข้าคิดว่าท่านกับท่านราชครูจะมาทันได้เช่นไร”
“คือเรื่องนี้…”
เมื่อหวนกลับไปนึกถึงเรื่องที่นางนั่งบนหลังม้าตัวเดียวกับจินอวี้หานมาจนถึงอาราม ตอนที่เขาจับนางพาดบ่าและวิ่งขึ้นเขาก่อนที่คนของวังหลวงจะมาถึงอย่างหวุดหวิด อีกทั้งสั่งสาวใช้ให้เปลี่ยนชุดในอย่างรวดเร็วนั่นใบหน้าก็เริ่มร้อนผ่าวขึ้นอีกครั้ง
“คุณหนูท่านไม่สบายหรือเจ้าคะ หน้าท่านแดงมากเลย”
“เปล่า ๆ ไม่มีอะไร ท่านราชครูพาข้าเข้ามาทางด้านหลังอารามก็เลยไม่พบพวกเขา”
“เช่นนี้นี่เอง”
ไม่นานก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาจากด้านนอก
“ใครกันมาเวลานี้”
“ท่านหญิงข้ามีเรื่องจะปรึกษากับท่านเล็กน้อย”
“คุณหนู ราชครูจินเจ้าค่ะ”
“อะไรนะ! เขาหรือ”
หลินซินรู้สึกตื่นเต้นเมื่อทราบว่าผู้ใดที่มาเคาะประตูอีกทั้งตอนนี้หัวใจนางก็เริ่มเต้นรัวไม่หยุดก่อนที่จะหาเสื้อคลุมสองสามชั้นมาสวมและเดินออกไปพบเขา
“ราชครูจิน ท่านมีเรื่องอะไรจะคุยกับข้างั้นหรือ”
อวี้หานเมื่อหันมามองเห็นใบหน้าที่แดงจัดแต่ปากของนางยังคงซีดอยู่ก็รู้สึกว่านางแปลก ๆ ไป
“ท่านหญิง ท่านไม่สบายหรือเปล่าเหตุใดท่าน… จึงหน้าแดงเช่นนี้”
“ขะ ข้า… เปล่า ๆ ไม่มีอะไรเชิญท่านนั่งลงก่อน เนี่ยถงเจ้าไปเตรียมน้ำชา”
“ไม่ต้องหรอก ข้ากินดื่มมาแล้วเจ้าออกไปก่อนเถอะ”
“เอ่อ… เจ้าค่ะ”
แม้หลินซินจะอยากเรียกสาวใช้เอาไว้แต่ที่นี่คำสั่งราชครูจินเป็นใหญ่ดังนั้นนางจึงทำได้แค่นั่งเฉย ๆ
“ท่านมีสิ่งใดก็รีบพูดเถอะนี่ก็ดึกแล้วท่านไม่หนาวหรือ”
“ท่านหญิงข้าจะจะถามแบบไม่อ้อมค้อม เหตุใดท่านป่วยเป็นโรคแพ้ความหนาวแต่จงใจปกปิด ท่านก็เห็นรายละเอียดของพิธีกรรมทุกอย่างแล้วแต่ไม่แจ้งข้า ร่างกายของท่านสูงส่งหากเกิดเป็นอะไรขึ้นมาข้าและใต้เท้าคนอื่น ๆ จะรับผิดชอบไม่ไหวนะขอรับ”
“ที่ท่านมา ก็เพื่อจะตำหนิข้าเรื่องนี้หรอกหรือ”
“ข้ามิได้ตำหนิ ข้าแค่เป็นห่วงท่าน!!”
สีหน้าที่จริงจังกึ่งหงุดหงิดของเขาทำให้หลินซินทำตัวไม่ถูก แม้ว่าเขาจะพูดเพียงแค่พลั้งปากออกมาเพราะหน้าที่ แต่นางกลับรู้สึกร้อนวูบวาบจนไม่กล้ามองหน้าเขา จินอวี้หานเองก็รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกเพราะเขาก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องหงุดหงิดถึงเพียงนี้เวลาที่จะต้องพูดเรื่องแบบนี้กับนาง
“คือข้า… ข้าก็”
“ข้ารู้ว่าท่านรับคำสั่งของฝ่าบาทมาเพื่อปกป้องข้า อีกอย่างการที่ฮองเฮาส่งคนของตัวเองมาเช่นนี้ก็ไม่ต่างกับการมาจับผิดท่าน เรื่องก่อนหน้านี้ข้าไม่รู้ว่าเป็นเช่นไรแต่จากนี้ไปข้ารับปากท่านว่าจะไม่ทำแบบวันนี้อีกท่านไม่ต้องกังวล”
“ขอบคุณท่านหญิงที่เข้าใจ”
“ข้าเป็นโรคกลัวความหนาวมาตั้งแต่เด็ก เรื่องนี้มีท่านพ่อกับเนี่ยถงที่ทราบเมื่อตอนยังเด็กข้า… เคยป่วยเป็นปอดบวมดังนั้นจากนั้นจึงไม่ถูกกับอากาศที่หนาวเย็นและชื้น ก่อนเข้าฤดูหนาวในห้องก็ต้องเตรียมเตาอุ่นเอาไว้มากกว่าคนอื่น ๆ เมื่อปีก่อนเพราะเตรียมถ่านไฟและเตามากเกินไป เรือนพักของข้าจึงไฟไหม้แต่โชคดีที่ไม่ได้อยู่ในนั้น เพราะเรื่องนั้นจึงได้มีข่าวลือออกไปมากมายข้าจึงได้ชื่อว่าเป็นตัวซวยอย่างที่นางข้าหลวงผู้นั้นพูด”
“ไม่ใช่! ท่านอย่าไปฟังคนไร้มารยาทเช่นนั้นพูดเป็นอันขาด”
แม้ว่านางยังคงรู้สึกหนาวแต่ในหัวใจตอนนี้กลับอบอุ่นเพียงเพราะเขาเชื่อว่านางมิใช่ตัวอับโชคอย่างที่ร่ำลือกันต่อ ๆ มา เพราะเรื่องนี้ท่านอ๋องจึงได้อนุญาตให้นางมาที่เมืองหลวง ฝ่าบาททรงเป็นกังวลพระทัยเกี่ยวกับข่าวลือและสุขภาพของนาง
“ขอบคุณที่ท่านช่วยข้าในวันนี้ ขอโทษอีกครั้งที่ทำให้พวกท่านเกือบเดือดร้อนเพราะข้า”
“หากท่านหญิงอยากจะออกไปเที่ยวเล่น เอาไว้หลังจากพิธีสวดมนต์เช้ากับโหรหลวงเสร็จข้าจะพาท่านไปเดินเล่น”
“จริงหรือ! ท่านจะเป็นคนพาข้าไปจริง ๆ น่ะหรือราชครูจินท่านเองก็มีด้านที่ใจดีเหมือนกับคนอื่น ๆ นี่ แค่ไม่แสดงออกมาเท่านั้น”
“คือข้า… เพียงแค่ ช่างเถอะคืนนี้ท่านก็พักผ่อนหากไม่มีเรื่องด่วนอันใดข้าจะหาวันพาท่านออกไปเดินเล่น”
“เช่นนั้นก็ได้ ขอบคุณท่านราชครูจิน”
“เรียกข้าว่าใต้เท้าจินก็พอ ไม่ต้องเรียกเต็มยศถึงเพียงนั้นหรอกขอรับ”
“อืม เช่นนั้นข้าเรียกเพียงชื่อของท่านได้หรือไม่”
“อะไรนะ”
“เอ่อ ไม่เป็นไร ๆ หากท่านไม่สะดวกใจก็ไม่เป็นไร”
“ได้สิ ท่านหญิงเรียกข้าว่า "อวี้หาน" ก็ได้"
หลินซินหันมาพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ ให้เขาหลังจากผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มากมายมาในวันนี้ รอยยิ้มของนางทำให้หัวใจของราชครูหนุ่มเริ่มกระตุกอีกครั้งราวกับนางกำลังกะเทาะเปลือกน้ำแข็งที่เกาะกุมหัวใจของเขาออกมาทีละนิดโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัวมาก่อน เขาเผลอยิ้มให้กับนางก่อนจะรีบบอกลา
“เช่นนั้นท่านหญิงพักผ่อนเสียหน่อยเถอะ คืนนี้ดึกแล้วเรื่องยาของท่านข้าให้เนี่ยถงจดตำรับเอาไว้และสั่งคนจัดหามาเพิ่ม เวลาท่านป่วยจะได้มียาเตรียมเอาไว้”
“เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านแล้ว”
“ขอตัวก่อน”
“แล้วพบกันพรุ่งนี้นะจินอวี้หาน”
อวี้หานที่กำลังจะเดินออกไปก็อมยิ้มให้กับคำเรียกชื่อของเขาที่ออกมาจากปากนาง เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าการที่มีคนเรียกชื่อเขาเช่นนี้จะทำให้เขายิ้มได้และดีใจถึงเพียงนี้
“พบกันพรุ่งนี้…. ท่านหญิง”
เขาเดินยิ้มออกมาจากเรือนพักของนางและกำลังจะเดินกลับไปยังเรือนของตัวเองก็พบกับแขกที่มายืนรออยู่หน้าเรือน ซึ่งรอยยิ้มที่มีพลันหายไปในทันทีก่อนที่นางจะทันได้เห็น สีหน้าของเขาเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อยเมื่อถามอีกฝ่ายอย่างไม่ยินดีที่พบนางอยู่ที่นี่
“นางข้าหลวงอย่างเจ้ามาทำอะไรที่นี่ในเวลาเช่นนี้”
ซานหวนชิงหันมาคำนับย่อให้เขาอย่างอ่อนช้อยกว่าปกติซึ่งแม้แต่จื่อรุ่ยที่ยืนด้านหลังยังรู้สึกขนลุกไม่น้อย
“ท่านราชครู ข้าน้อยอยากจะขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการดูแลท่านหญิงหงและพูดคุยกับท่านเพื่อขอคำชี้แนะสักเล็กน้อยหวังว่าท่านราชครูจะสละเวลาช่วยชี้แนะข้าด้วยเจ้าค่ะ”