ตอนที่ 4 ราชครูดุ
หงหลินซินอ้าปากค้างเพราะไม่รู้ว่าชายคนนี้เป็นใครแต่เมื่อเขาดึงนางเข้าไปจนชิดและกระซิบมาที่ข้างหูนางจึงได้รู้ทันทีว่าเขาคือราชครูจินจอมโหดที่นางไม่อยากเจอที่นี่มากที่สุด
“สนุกมากพอแล้ว ได้เวลากลับเสียที”
“คือว่า…ว้าย!!”
“เจ้าจ่ายเงินแล้วรีบตามมา”
“เอ่อ…เจ้าค่ะ!”
ท่านหญิงหันไปกะพริบตาและส่งสัญญาณอันตรายให้สาวใช้ทราบนางจึงรู้ทันทีว่าผู้ที่มาอุ้มท่านหญิงไปคือผู้ใด เมื่อราชครูจินอุ้มนางออกมาจากหอฉินหลันก็รีบพาขึ้นม้าและตามขึ้นไปทันที
“ท่านหญิง ดูเหมือนว่าข้าเคยเตือนแล้วว่าสถานที่เช่นนี้ไม่เหมาะที่จะมาเที่ยวเล่น หากว่ามีใครพบท่านที่นี่เข้าท่านจะเดือดร้อนได้”
“ข้าไม่ได้…”
“เงียบเถอะแล้วฟังข้าให้ดี ตอนนี้ที่อารามหย่งอันกำลังจะเดือดร้อนเพราะการกระทำของท่าน หากยังอยากรอดอยู่ก็ฟังข้าแล้วห้ามเถียง จากนี้หากกล้าออกมาโดยพลการอีก ข้าจะไม่ไว้หน้าแม้ว่าท่านจะเป็นพระราชนัดดาของฝ่าบาท”
“ท่าน!!”
"อยากจะลองดูก็ได้ ข้ารับคำสั่งฝ่าบาทให้มาดูแลปกป้องความปลอดภัยมิใช่ให้มาคอยเอาใจและตามใจท่าน"
“…”
หลินซินทำได้เพียงแค่นั่งนิ่ง ๆ ปล่อยให้ราชครูจินควบม้ากลับอารามด้วยความเร็ว นางไม่กล้าถามเขาเสียด้วยซ้ำว่าสาวใช้ของนางจะกลับเช่นไรเพราะดูแล้วเขาน่าจะไม่อยากพูดกับนางแม้อีกเพียงคำน้อย หลังจากที่เขาแอบอ้างคำว่า “สามี” ไปลากนางออกมาจากหอคณิกาชาย เมื่อมาถึงหน้าอารามก็พบว่าขบวนจากวังหลวงทั้งโหรหลวงและคนของตำหนักเต๋อหนิงของฮองเฮาเดินทางมาถึงหน้าอารามแล้ว
“แย่แล้ว พวกเขามาถึงแล้ว”
“ผู้ใดกัน”
“ต้องเข้าอีกทาง ท่านหญิงครั้งนี้คงต้องล่วงเกินแล้ว”
“ท่านหมายถึงอะไร อ๊ะ เดี๋ยวสิท่านราชครู”
“เงียบ!!”
เขาขู่นางอีกครั้ง เสียงที่ดุดันและทรงอำนาจทำเอาหลินซินเริ่มกลัวแต่ก็ไม่รู้ว่าราชครูจินจะพานางกลับอารามหย่งอันได้เช่นไรหากไม่ผ่านทางขึ้นด้านหน้าไป และไม่นานคำตอบก็อยู่ตรงหน้าเมื่อเขาอุ้มนางพาดไหล่และใช้วิชาตัวเบาที่รวดเร็วดุจบินได้พานางกลับขึ้นไปทางด้านหลังอาราม
“หากไม่อยากตกลงไปก็อย่าร้องและกอดแน่น ๆ”
“เดี๋ยว!! ท่านราชครู ท่าน… มีวรยุทธด้วยหรือ”
เขาไม่ตอบนางและรีบพาขึ้นไปก่อนที่นางจะถามเรื่องไร้สาระกับเขาอีก วิชาตัวเบาของเขานับว่ารวดเร็วและแข็งแกร่งมาก ไม่นานทั้งคู่ก็กลับขึ้นมาบนเขาก่อนที่ขบวนด้านล่างจะมาถึง ราชครูจินเมื่อวางนางลงก็เซเล็กน้อยจนร่างของเขาดันมาชนนางจนชิดกำแพงในเรือน
“ท่านราชครู ท่านเป็นอะไรหรือไม่”
เขาจับที่ไหล่ของนางด้วยท่าทีอ่อนแรงแต่ก็ต้องรีบรวบรวมคำพูดและบอกนางให้เร็วที่สุด
“รีบเปลี่ยนชุด… ก่อนที่พวกเขาจะขึ้นมา วันนี้มีคนตำหนักฮองเฮามาด้วย คิดว่าคงจะมีคนไปแจ้งนางแล้ว ท่านต้องระวังตัวให้มากกว่าเดิม”
“ท่านราชครู ดูเหมือนว่าท่านจะใช้กำลังภายในไปเยอะให้ข้าช่วย...”
“ไม่ต้องห่วงข้า จัดการตัวเองให้เรียบร้อยอีกครึ่งก้านธูปข้าจะให้คนมารับท่าน”
“เอ่อ…”
“ตอนนี้ยังไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น รีบทำตามที่ข้าสั่ง”
เขาเดินเซออกไปจากตำหนักของนางและกลับไปที่เรือนพักของตัวเองที่อยู่ข้าง ๆ หลินซินเริ่มรู้สึกผิดที่หนีออกไป แต่นางก็รู้สึกเบื่อเหลือเกินแล้วกับการสวดมนต์ และเหมือนถูกจับขังเอาไว้ที่นี่เกือบเจ็ดวันโดยไม่ได้ออกไปไหนเลย
หน้าอารามหย่งอัน
“คารวะท่านโหรหลวง”
“ตามสบายเถอะใต้เท้าทั้งสอง แล้ว.. ราชครูจินเล่าอยู่ที่ใด”
“เอ่อ… เรื่องนี้”
“หรือว่าพวกท่านกำลังจะบอกว่าท่านราชครูไม่อยู่ที่นี่ เช่นนั้นแล้วท่านหญิงหงล่ะ อยู่ที่ใด”
“ท่านคือ…”
“ขออภัยใต้เท้าทั้งสอง ข้าคือนางข้าหลวง “ซานหวนชิง” รับพระราชเสาวนีย์ฮองเฮาให้มาที่นี่เพื่อดูแลท่านหญิงหง”
“เอ่อ เรื่องนี้ไม่เห็นได้รับรายงานมาก่อนหน้านี้เลย”
“อิ่นเซิน! เอารายงานไปให้ใต้เท้า”
“แม่นางซาน ใต้เท้าเจิ้งเป็นถึงเจ้ากรมพิธีการ อีกอย่างใต้เท้าเสิ่นก็เป็นผู้รับหน้าที่ดูแลที่นี่ พวกเขาทั้งสองอาวุโสมากกว่าเจ้าอย่างน้อยก็ควรจะให้เกียรติทั้งสอง”
“ท่านโหรหลวง ข้ารับคำสั่งของฮองเฮามาที่นี่เพื่อทำหน้าที่ดูแลท่านหญิงต่างเมืองที่เข้ามาทำพิธีล้างซวย อย่างอื่นข้าไม่สนใจ”
“แต่ข้ากลับคิดว่าท่านโหรเองที่พึ่งจะพาตัวโชคร้ายเข้ามายังอารามแห่งนี้ นอกจากจะไร้มารยาทต่อผู้อาวุโสแล้วยังไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ตำหนักเต๋อหนิงส่งคนไร้การอบรมมาที่นี่ได้เช่นไร”
""ราชครูจิน""
ใต้เท้าทั้งสองเมื่อเห็นจินอวี้หานก็ออกท่าทางดีใจจนผิดสังเกต แต่ทว่าไม่มีผู้ใดทันสังเกตนอกจากท่านโหรหลวง เพราะซานหวนชิงมัวแต่ตกตะลึงในความรูปงามของราชครูจินตรงหน้าจนลืมสิ้นทุกอย่างอีกทั้งนางยังยอมโค้งตัวคารวะเขาอีกด้วย
“ซานหวนชิงคารวะท่านราชครูจิน”
ราชครูจินไม่พูดสิ่งใดจนคนที่ย่อค้างอยู่ท่าเดิมเงยหน้าขึ้นมามอง และต้องตกใจเมื่อหันไปเห็นสายตาที่เย็นชาราวกับจะกล่าวโทษมองมาที่นาง
“เจ้าบอกว่าเจ้ารับพระราชเสาวนีย์ฮองเฮามาที่นี่เพื่อจะมาดูแลองค์หญิงงั้นหรือ”
“เจ้าค่ะ ข้อน้อยมีคำสั่ง…”
“ข้าทราบแล้ว ก่อนหน้านี้กรมวังส่งรายงานมาแจ้งแล้วแต่เรื่องที่เจ้าพูดถึง ยังไม่มีผู้ใดแจ้งมา”
“ท่านราชครูเรื่องนี้ฮองเฮาทรงแจ้งต่อฝ่าบาทโดยตรง พระนางเห็นว่าท่านหญิงเสด็จมาที่เมืองหลวงเพียงลำพังเกรงว่าจะไม่ได้รับความสะดวกจึงส่งให้หม่อมฉันมาที่นี่เจ้าค่ะ”
“ความปรารถนาดีของฮองเฮาข้ารับทราบแล้วแต่การที่เจ้ามาถึงก็มาใช้พระราชาเสาวนีย์มาแสดงอำนาจโดยไม่เห็นหัวผู้อาวุโสที่นี่ย่อมเป็นสิ่งไม่ถูกต้องและเป็นเรื่องที่ข้ารับไม่ได้”
“แต่ว่า!”
“ข้าให้เจ้าพูดแล้วหรือ คุกเข่าลงจนกว่าพิธีจะเสร็จสิ้นห้ามให้นางลุกขึ้นเป็นอันขาด”
“ท่านราชครูแต่ว่านี่เป็นพระราชเสาวนีย์ หากว่าท่านกล้าขัดคำสั่งท่านเองมิเกรงกลัวความผิดหรือ”
จินอวี้หานคำนับให้ท่านโหรเพื่อเชิญเข้าไปด้านในก่อนจะหันมามองหน้าซานหวนชิงอีกครั้ง
“เกรงกลัวความผิดงั้นหรือ ข้าทำผิดเรื่องใด”
“ก็… ท่านขัดขวางมิให้ข้าเข้าร่วมในพิธีอีกทั้งยังไม่ให้ข้าพบท่านหญิงเช่นนี้แล้วหากข้ารายงานกลับไปท่านก็คง…”
“เช่นนั้นก็เอาสิ เจ้าส่งรายงานไปได้เลยเพราะข้าเองก็จะส่งไปด้วยเช่นกันว่าฮองเฮาส่งผู้ที่ไร้มารยาท และบังอาจแอบอ้างพระราชเสาวนีย์ของพระองค์ ใช้อำนาจข่มขู่และไม่ให้เกียรติต่อผู้อาวุโส อีกทั้งยังกล้านำคำสั่งนั่นมาขู่ข้าซึ่งเป็นผู้ที่ฝ่าบาทมอบหมายให้มาดูแลท่านหญิงที่นี่ เจ้าคิดว่าคำสั่งของฮองเฮากับฝ่าบาทคำสั่งใดที่ยิ่งใหญ่มากกว่ากัน หรือเจ้าอาจจะไม่ฉลาดพอที่จะตอบข้าก็ไม่แปลกใจหากดูจากการกระทำของเจ้า…”
“ท่านราชครู ข้าผิดไปแล้วเจ้าค่ะข้าไม่ควรเสียมารยาทกับใต้เท้าทั้งสอง ข้าขอน้อมรับผิด”
“ดี เช่นนั้นเจ้าก็อยู่ที่นี่รอจนกว่าพิธีการด้านในจะเสร็จสิ้น”
“ไม่ได้เจ้าค่ะ อย่างไรข้าก็ต้องเห็นกับตาว่าท่านหญิงหงอยู่ที่นี่และประกอบพิธีทุกอย่างครบไม่แอบหนีออกไปไหน”
“อ้อ ที่แท้ที่เจ้ามาก็เพราะเรื่องนี้สินะ เอาล่ะข้าจะได้กราบทูลฝ่าบาทได้ว่าฮองเฮาส่งเจ้ามาเพราะมีความเป็นห่วงเกรงว่าท่านหญิงซึ่งเป็นพระราชนัดดาของฝ่าบาทจะแอบทำเรื่องไม่งาม จึงส่งคนมาจับตาดูและรายงานกับฮองเฮาโดยตรง”
“ท่านราชครู อย่านะเจ้าคะข้ายอมรับโทษแล้วข้าแค่ทำตามคำสั่ง หากว่าข้ายังไม่พบท่านหญิงเกรงว่าจะทูลฮองเฮาลำบาก…”
ประตูด้านข้างเปิดออกมาในทันที ท่านหญิงหงในชุดสีขาวบริสุทธิ์ที่พร้อมจะเข้าพิธีเดินออกมาพร้อมกับสาวใช้อีกสองคน ราชครูจินเมื่อหันกลับไปมองก็ต้องตกใจกับท่วงท่าที่น่าเกรงขามนี้ของนาง อีกทั้งยังสร้างความตกใจให้กับซานหวนชิงได้อีกด้วย
“ข้าเองก็พึ่งทราบว่าฮองเฮาทรงเป็นกังวลพระทัยและเป็นห่วงถึงขนาดต้องส่งคนมาเฝ้า หากมิใช่ฮองเฮาสั่งแล้วข้าคงคิดว่ามีคนพยายาม “จับผิด” ข้าอยู่เป็นแน่”