บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 ราชครูจินอวี้หาน

หากเขามองไม่ผิดเขาเห็นแววตาผิดหวังอยู่เล็กน้อยจากสายตานาง

“ท่านหญิงเดินทางมาไกล เชิญพักผ่อนก่อนเถอะเอาไว้ตอนเย็นข้าน้อยจะให้คนนำอาหารมาส่ง พรุ่งนี้จะแจ้งเรื่องกำหนดการและพิธีทั้งหมดให้ท่านทราบ”

“ขอบคุณท่านราชครู”

นางคำนับให้เขาก่อนจะเดินเข้าไปด้านในตำหนัก ราชครูจินเมื่อส่งนางแล้วก็รีบเดินกลับเข้าไปในห้องพักของตัวเองเรือนข้าง ๆ ทันที

“จื่อรุ่ย”

"ขอรับคุณชาย"

“ส่งคนจับตาดูท่านหญิงหงให้ดีอย่าให้คลาดสายตาเป็นอันขาด”

“ขอรับคุณชาย ท่านกำลังสงสัยสกุลหงด้วยหรือขอรับแต่ว่าการตายของนายท่าน…”

“ไม่ว่าคนใดในราชวงศ์ข้าจะต้องสืบให้รู้ทั้งหมด หากว่าพวกเขาเกี่ยวข้องกับการตายของท่านพ่อกับท่านแม่แล้วละก็ข้าจะต้องรู้ให้หมด จะได้ไม่ต้องแก้แค้นผิดคน”

“ขอรับ”

“เรื่ององค์ชายสี่ที่ไปสืบไปถึงไหนแล้ว”

“องค์ชายสี่แอบลอบคุยกับแม่ทัพซ่างจริงแต่เห็นบอกว่าเป็นการคุยกันธรรมดาเพราะว่าบุตรสาวของแม่ทัพซ่างเป็นชายาของพระองค์”

“สืบต่อไป”

“ขอรับ”

"จินอวี้หาน" บุตรชายเพียงคนเดียวของอดีตที่ปรึกษาของฮ่องเต้พระองค์ก่อน หลังจากผลัดแผ่นดินบิดาของเขาและมารดาถูกลอบสังหารอย่างมีเงื่อนงำ แม้แต่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันจะสั่งให้เร่งสอบสวนแต่กลับไร้วี่แววคนร้ายที่ก่อเหตุ ในตอนนั้นจินอวี้หานอายุได้เพียงสิบขวบและกำลังศึกษาที่สำนักดาบอันดับหนึ่งที่เมืองหวงโจว เขาจึงเป็นทายาทสกุลจินเพียงคนเดียวที่รอดชีวิต

จากนั้นฮ่องเต้จึงได้เลื่อนบรรดาศักดิ์และให้เขาร่ำเรียนในสำนักศึกษาหลวงร่วมกับองค์ชายคนอื่น ๆ จนสอบเป็นขุนนางระดับเอกด้วยคะแนนสูงสุดที่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีผู้ใดทำคะแนนสูงกว่าเขาได้

“คุณชาย การมาของท่านหญิงผู้นี้หรือว่าฝ่าบาทจะตั้งใจทำเพื่อให้ท่านเบี่ยงความสนใจ”

“ข้าไม่สนใจคนในราชวงศ์ พวกเขาไม่ต่างกับศัตรูที่ฆ่าพ่อแม่ของข้าอีกอย่างนางเองก็เป็นบุตรีของท่านอ๋องซึ่งเป็นพระอนุชาของฝ่าบาท แม้จะอยู่ไกลแต่อย่างไรก็ยังเป็นคนในราชวงศ์อยู่ดี”

“แต่การตายของนายท่านกับฮูหยินในครั้งนั้นจะเกี่ยวข้องกับฝ่าบาทหรือไม่เรายังไม่ทราบเลยนะขอรับ อีกอย่างจนถึงบัดนี้ฝ่าบาทเองก็มิได้นิ่งนอนพระทัยในการสืบ”

“กับฝ่าบาทข้าไม่มีความคับข้องใจ แต่กับ…”

“ข้าน้อยทราบแล้ว”

“เรื่องที่ทำให้พ่อข้าตายหากไม่เกี่ยวกับฮ่องเต้ก็ต้องเกี่ยวกับสตรีสูงศักดิ์ในวังหลังผู้นั้น คนที่อยู่หลังม่านใหญ่ที่คอยบงการทุกคน แม้แต่ฝ่าบาทช่วงที่ขึ้นครองบัลลังก์แรก ๆ ก็ยังต้องฟังนาง”

“แต่จู่ ๆ ฝ่าบาทก็มอบหมายให้ท่านมาดูแลท่านหญิงอับโชคผู้นี้เพราะเหตุใดกันขอรับ”

“นั่นเพราะว่ามีบางคนเริ่มระแคะระคายว่าข้าจะเริ่มสืบความจากองค์ชายสี่ซึ่งเป็นทายาทโดยตรงของฮองเฮา จึงทูลขอให้ฝ่าบาทส่งข้ามาทำงานน่าเบื่อนี่”

“นั่นสิขอรับเดิมทีหน้าที่นี้ไม่ควรจะต้องถึงมือราชครูอย่างท่านเลยด้วยซ้ำ ดูแลท่านหญิงเพียงคนเดียวแต่กลับใช้ขุนนางใหญ่ในราชสำนักถึงสามคน นี่มันก็ออกจะเกินไปหน่อยจริง ๆ"

“เจ้าไม่รู้หรือว่านางมีความสำคัญอย่างไร”

“จื่อรุ่ย” องครักษ์ข้างกายของจินอวี้หานหันมามองผู้เป็นนายด้วยท่าทีแปลกใจ

“ข้าน้อยโง่เขลา หรือว่าท่านหญิงผู้นี้จะมีความสำคัญมากกว่านั้นหรือขอรับ”

“นางเป็นพระราชนัดดาของฝ่าบาทซึ่งฮองเฮารู้ว่าฝ่าบาททรงโปรดปรานนางมากเพียงใด เพื่อมิให้ข้าตามสืบเรื่องราวในอดีตจึงได้ทูลฝ่าบาทให้ข้ามาเป็นผู้ดูแลนางจนไม่มีเวลาไปตามสืบเรื่องอื่นอย่างไรเล่า”

“แผนการของพระนางช่างแยบยลยิ่งนัก เช่นนี้การที่ท่านหญิงผู้นี้เดินทางมาที่นี่ในตอนนี้ก็เป็นฝีมือฮองเฮาด้วยหรือขอรับ”

“เรื่องนี้ข้าไม่แน่ใจแต่จู่ ๆ ก็ส่งท่านหญิงต่างเมืองมาให้ข้าดูแลนั่นก็ชัดเจนว่าต้องการยับยั้งบางอย่าง ข้าคิดว่าเรื่องนี้คงจะไปแตะฝ่าเท้าผู้ใดเข้าเป็นแน่ถึงได้รีบดิ้นรนราวถูกน้ำร้อนลวกเช่นนี้”

“แล้วจะให้ทำเช่นไรกับนางขอรับ”

“ดูไปก่อน ถึงอย่างไรตอนนี้ก็ยังไม่มีภัยอะไรกับพวกเรา”

“ขอรับ”

สายตานิ่งเรียบดุจกระบี่มองไปยังเรือนดอกเหมยที่อยู่ข้าง ๆ พร้อมกับหรี่ตาลงเล็กน้อย แม้ว่าจะเป็นภารกิจที่เขาไม่เต็มใจรับแต่ในเมื่อเป็นพระประสงค์และคำสั่งของฝ่าบาทเขาจึงมิกล้าขัด อย่างน้อยเขาก็ยังมีฝ่าบาทที่คอยหนุนอยู่แม้ว่าฝั่งวังหลังจะพยายามขัดขวางการสืบคดีของเขาอยู่ก็ตาม

“หงหลินซิน ต้องติดอยู่กับเจ้าไปอีกสามเดือนช่างเป็นช่วงเวลาที่น่าเบื่อยิ่งนัก คิดว่าขังข้าเอาไว้ที่อารามเช่นนี้แล้วข้าจะทำอะไรไม่ได้งั้นหรือ พวกท่านประเมินข้าต่ำเกินไปแล้ว”

เย็นวันนั้น

จินอวี้หานเดินเข้ามาพบกับท่านหญิงหงด้านในเรือนพัก เขาทราบว่านางพึ่งกินข้าวเย็นเสร็จจึงได้มานั่งรอ ไม่นานนางก็เดินออกมาพร้อมกับใบหน้าที่ไม่ได้สวมผ้าคลุมหน้าและต้องทำให้เขาตะลึงไปชั่วขณะ เพราะใบหน้าที่ปราศจากสิ่งปกปิดนั้นงดงามกว่าที่เขาเคยคิดเอาไว้มากนัก ทั้งดูไร้เดียงสา น่าหลงใหลและยังดูลึกลับมีความนัยอย่างที่เขาก็มิอาจจะอธิบายได้หมด

“ท่านราชครูจิน”

“ท่านหญิง! ขออภัยข้าน้อยเสียมารยาทแล้ว”

“ท่านคิดอะไรอยู่ถึงได้เหม่อลอยเช่นนั้นข้าเรียกท่านตั้งนานแล้ว”

“เอ่อ ท่านหญิงเหตุใดจึงไม่สวมผ้าคลุมหน้า”

“ผ้านั่นน่ะหรือ ก็เพราะข้าหายใจไม่ออกน่ะสิจะให้ใส่ทุกเวลาตลอดสามเดือนคงไม่ใช่กระมังท่านราชครู อย่างน้อยเวลาเข้าเฝ้าฝ่าบาทอย่างไรเสียก็ต้องถอดอยู่ดี ข้าก็แค่สวมมันตอนที่เข้าเมืองกับ… เอ่อ ช่างเถอะเห็นเนี่ยถงบอกว่าท่านมารอพบข้ามิใช่หรือ”

“นี่คือกำหนดการที่ท่านโหรหลวงส่งมาให้ พิธีเหล่านี้มิได้ทำภายในวันเดียวแต่บางอย่างก็ต้องทำเกือบทุกวันอย่างเช่นการสวดมนต์”

“สวดมนต์ อาบน้ำท่ามกลางแสงจันทรา ทำพิธีปัดรังควานแล้วยังมี… ไหว้ฟ้าดินเพื่อขอขมาทวยเทพ”

“อาจจะยุ่งยากไปหน่อยแต่ต้องทำให้ครบทั้งแผ่นดินเบื้องล่างและสวรรค์เบื้องบน เบื้องหน้าคือบุพการีเบื้องหลังคือบรรพชนผู้ล่วงลับ ดังนั้นจึงต้องทำอย่างเคร่งครัด ไม่ต้องห่วงเพราะข้าจะอยู่กับท่าน”

“ไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นแต่ว่าส่วนใหญ่พิธีพวกนี้ทำไมต้องทำในตอนกลางคืนด้วยเล่า”

“แล้วท่านไม่อยากทำกลางคืนเพราะอะไรกันล่ะ”

“หมดสนุกกันพอดี นี่ท่านราชครูท่านเคยได้ยินหรือไม่ว่าในเมืองหลวงนี้มีสถานที่หนึ่งซึ่งข้าอยากไปมาก ๆ และมันก็น่าจะเปิดในเวลากลางคืน”

“ท่านหมายถึงที่ใดกัน”

หงหลินซินยิ้มให้เขาอีกครั้ง รอยยิ้มของนางทำเอาหัวใจของราชครูหนุ่มกระตุกเล็กน้อย เขาที่ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับอิสตรีมาก่อนแทบจะตั้งสติไม่อยู่แม้ว่าสตรีในเมืองหลวงที่งดงามจะมีมากและเขาเองก็เป็นที่หมายปองจากพวกนางหลาย ๆ คนแต่ยังไม่เคยรู้สึกใจเต้นกับผู้หญิงคนใดมาก่อนเลย

“ท่านเป็นชายอาจจะไม่สนใจสถานที่แบบนี้แต่ข้าน่ะ อยากจะไปสัมผัสบรรยากาศเช่นนั้นสักครั้ง”

“ท่านหญิง นี่ท่านคงจะมิได้หมายถึง… หอคณิกาชายที่เขตท้ายเมืองนั่นหรอกนะ"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel