ตอนที่ 8 คุยกับหมา
“เดี๋ยวก่อนนะ เรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน นายไม่มีสิทธิ์” เธอแหงนหน้ามอง ๆ ด้วยแววตาดุแล้วใช้สายตาสั่งให้เขานั่งลง มาเฟียหนุ่มนั่งลงอย่างว่าง่าย ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องยอมเธอด้วย ยอมตั้งแต่แรกเห็น
“เป็นอะไรผีเข้าเหรอ ตอนแรกรับอาสาไปส่งที่โรงแรมอย่างดีตอนนี้ทำไมมาโวยวาย” แพรวาจ้องลึกเข้าในดวงตาคู่ดำนิล
หลังจากนั้นเธอก็เดินสำรวจห้องของชายหนุ่ม ซึ่งเป็นคอนโดหรูย่างใจกลางเมือง รักษาความปลอดภัยระดับสิบมีลิฟต์ส่วนตัว พอเข้ามาภายในห้องเป็นห้องกว้างใหญ่ขนาด 300 ตารางเมตร ดูเหมือนแต่ละชั้นจะมีเพียงไม่กี่ห้อง เธอเดินไปสำรวจที่ละห้องอย่างช้า ๆ
“มองหาอะไรเหรอ” ชายหนุ่มรีบเดินตาม
“เปล่าหรอก แค่เพียงไม่เคยเห็นห้องคนรวยเลยอยากเห็น”
“แพรวา เธอนี้พูดเหมือนคนปกติบ้างก็ได้นะ ยิ่งฟังเธอพูดฉันก็ไม่เข้าใจ”
“แล้วปกตินายไปเอากับผู้หญิงที่ไหนเหรอ ถ้าหากไม่พามาที่นี้” เมื่ออยู่ ๆ ถูกถามเรื่องนี้ก็ทำให้ชายหนุ่มหน้าแดงระเรื่อขึ้น
“ฉันก็ซื้อคอนโดให้กับเด็กของฉันทุกคนอ่ะ ไม่ให้ยุ่งก้าวก่ายกัน”
“โห!! รวยมาก” แพรวาทำตาแป๋ว
“ส่วนเธอถ้าหากเธอแต่งงานกับฉัน ทรัพย์สมบัติของฉันก็จะยกให้เธอครึ่งหนึ่ง”
“ทำไมได้แค่ครึ่งเดียว” เธอรู้สึกสงสัยถึงแม้ว่าในใจอย่างไงก็ไม่มีทางแต่งงานกับมาเฟียขี้เก๊กคนนี้แน่ ๆ
“ก็เผื่อไว้ เพื่อวันไหนเธอไม่รักฉัน ทิ้งฉันไปมีผัวใหม่ไง”
“อ๊า เข้าใจได้”
“แล้วเธอหล่ะ เป็นอะไรกับไอ้นั้น” น้ำเสียงห้วน ๆ
“นายหมายถึง พี่กิตเหรอ”
“ใช่”
“ฮือ คือ” เมื่อไรจะตอบอย่างไรดี จะตอบไปว่าแอบรักพี่ชายเพื่อนสนิทแอบรักมาเป็นสิบปีก็กลัวว่าจะโดนล้อ
“…”
แล้วตอนนี้เหมือนวิญญาณของเธอล่องลอย ไม่รู้จะตกใจอะไรก่อนระหว่าง วันนี้ต้องไปดูตัวแล้วอยู่ ๆ พี่กิตก็โทรหาเธอบอกว่า ตอนนี้อยู่เมืองไทยอยากเจอ ระหว่างนั้นก็โดนคนแอบซุ่มยิง เธอเหนื่อยและสับสนไปหมด หลังจากเดินดูตามห้องต่าง ๆ ทั้งหมด เธอก็เดินมาหยุดที่โชฟาตัวใหญ่ก่อนล้มตัวหลับตาลง
“นี่เธอยังไม่ตอบฉันเลยนะ เมื่อกี้” เขาเดินตามเธอเพื่อรอคำตอบ ไม่ใช่เพราะว่าซ่อนอะไรไว้ในห้อง
“ขอพักแป๊บนะ” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล่า
“ครับ ดื่มอะไรเย็น ๆ ไหมเดี๋ยวสั่งมาให้” จากเมื่อกี้ต้องการเค้นถาม แต่เห็นเธอเหนื่อย ก็ไม่อยากคาดคั้น
“ไม่เอาค่ะ จะนอน” ไม่นานหญิงสาวก็หลับไป ขุนศึกเมื่อเห็นแพรวาทำท่าหลับจริง เขาจึงเดินเข้าไปในห้องนอนก่อนจะโทรสั่งงานลูกน้องให้เช็คคนที่มาซุ่มยิงวันนี้ว่าต้องการชีวิตเขาหรือแพรวากันแน่ เพราะถ้าหากคนร้ายมุ่งเป้ามาที่เขา100% ก็จะได้สบายใจ ถ้าหากคนร้ายมุ่งเป้าไปที่แพรวานั้นแสดงว่าตระกูลของธราทิปคงไปขัดแข้งใครเข้าให้ ถึงหมายเอาหัวใจของคนทั้งตระกูลไป
“เราจับไอ้มือปืนได้แล้วใช่ไหม”
“ได้มา 1 ครับนายนอกนั้นมันหนีไปได้”
“อ่อ นั้นเค้นถามมันว่าใครจ้างมันมา แล้วต้องการฆ่าใครได้เรื่องอย่างไรรีบโทรมาแจ้งด้วย” เมื่อกำลังวางสายเขาก็นึกขึ้นได้ว่า
“เอ๋อ อีกอย่างช่วยเช็คให้ทีว่าคนที่โทรให้คุณแพรวาไปหาที่โรงแรมนั้นเป็นใครมีความสัมพันธ์อะไรกับเธอ ลึกซึ้งเพียงใด” เสียงสั่งลูกน้องเรื่องสุดท้ายนั้นเฉียบขาด
“ครับนาย” เขาต้องการเช็คให้ละเอียดเพื่อจะได้ดูแลแพรวาได้
ไม่นานโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
“ได้เรื่องแล้วครับ ไอ้คนรับจ้างวางมันรับสารภาพว่า มันถูกให้จ้างวางฆ่า ลูกสาวคนเล็กของตระกูลธราทิปครับ”
“ฆ่าแพรวาอย่างนั้นเหรอ…แล้วมันบอกไหมว่าใครจ้างวาน
“มันยังไม่ทันพูดครับ มีคนซุ่มยิงมันก่อน” ลูกน้องคนสนิทตอบด้วยน้ำเสียงผิด
“อืมไม่เป็นไร แล้วรถตู้กันกระสุนที่ฉันสั่งพร้อมบอดี้การ์ดเพิ่มอาวุธครบมือมาถึงยัง”
“มาถึงแล้วครับ รอนายอยู่ด้านล่าง”
“ดี”
เมื่อคุยกับลูกน้องเสร็จ ขุนศึกก็เปิดประตูห้องนอนออกมาเห็นหญิงสาวนอนหลับอย่างสลบ จนเขาอดกลั้นขำไม่ได้
“เธอนะเธอ มีคนกำลังจะตามฆ่าแต่กลับมาหลับได้ ฮ่า ๆ” ท่านอนของแพรวานั้นแสนน่ารักเหมือนแมวเหมียวตัวน้อย เมื่อเขายิ่งมองก็ยิ่งเอ็นดูจนอยากเข้าไปหยิกเข้าที่แก้มแดง แต่ถ้าหากทำเธอตื่นขึ้นมาตอนนี้เขาคงโดนเธอกินหัวแน่ ๆ ผู้หญิงคนนี้ดุซะมัด
“ว่าแต่ทำไมตัวกูถึงได้เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้วะ นี่กูงงตัวกูของจริง”
ขุนศึกกดสั่งอาหารมีทั้งสเต็ก พาสต้า สลัด พิซซ่า ชานม น้ำส้ม คิดว่าเมื่อคนตัวเล็กตื่นขึ้นมาต้องหิวแน่ ๆ เพราะอาหารกลางวันพวกเขาก็ยังไม่ได้ทาน ตอนนี้ก็บ่ายแก่ ๆ แล้ว…แล้ว…เมื่อไรจะตื่น
“ตื่นซะทีได้ไหม เฮียหิวข้าว” เขาเดินวนไปวนมารอบโชฟาหลายรอบ
“หรือว่าตายแล้ววะ!” เขาเอานิ้วชี้ยื่นใกล้จมูกดูว่าเธอยังมีหายใจอยู่ไหม
“ก็ยังหายใจอยู่ แต่ทำไมหลับลึกได้ขนาดนี้” เมื่อทนไม่ไหว เขาจึงเปิดกล่องพิซซ่าออก ไม่สามารถต้านทานความหิวได้อีกต่อไป เสียงแกะกล่องพิซซ่าปลุกให้แพรวายันตัวงัยเงียตื่นขึ้น
“ตื่นแล้วเหรอมากินข้าวเร็ว หิวไหมคะ” เขากวักมือเรียก เธอเดินไปตามเสียงเรียกแล้วเลื่อนเก้าอี้นั่งลง
“นายเป็นมาเฟียจริง ๆ ใช่ไหม”
“ทำไมเหรอ” คนถูกถามทำหน้างง
“ก็อ่อนแอแบบนี้” ขุนศึกทำหน้าคิดนิดหน่อย
“เธอหมายถึงอ่อนโยนใช่ไหม”
“อืม!” คนตัวเล็กหยิบกล่องสลัดออก
“ทีหลังจะพูดอะไรก็หัดคิดก่อนพูดซะบ้าง ฉันหล่ะเวียนหัวกับเธอ แปลความหมายไปไกลเลย ฮ่า ๆ”
“ฉันไม่พูดไม่ถูกตรงไหน” แพรวาหยิบช้อนซ้อมพลาสติกขึ้นมาจะตักสลัด
“ไม่รู้ว่าความเป็นคนง่าย ๆ หรือความขี้เกียจของเธอกลับไปขัดตาคุณชายเจ้าระเบียงอย่างเขาจนต้องลุกขึ้นไปหยิบช้อนกับซ้อนสแตนเลสยี่ห้อดีที่ขัดอย่างเงาวับยื่นให้
“อ่ะ เห็นแล้วรำคาญตา” คนน้องจ้องหน้าคนพี่ก่อนหยิบซ้อมมาตักสลัดเข้าปาก
“เป็นไงบ้าง อร่อยไหม”
“ค่ะ อร่อยมาก” คนน้องเคี้ยวตุ้ย ๆ
“นี่นอกจากกินแล้วก็นอนชีวิตนี้ยังมีอะไรอีกไหม” คนพี่ถามประชด
“ก็มีนะ คุยกับหมา”
“ที่บ้านเลี้ยงหมาด้วยเหรอ”
“เปล่า…ก็กำลังคุยอยู่นี้ไง”
“…”