ตอนที่ 6 ใหญ่เกินตัว
“เธอเป็นน้องฉันอีก ห้ามเรียกฉันว่านายต้องเรียกฉันว่า เฮีย” เขาทำท่าภูมิใจตัวเอง เพราะไปไหนมาไหนมีแต่คนนับถือเพราะความเก่งและหล่อ
“ฝันไปเถอะ!” อีพี่หุบยิ้มทันทีเมื่อได้ยินแพรวาตอบ
“ร้ายไม่เบานะเรา”เขาเดินสำรวจเรือนร่างเธอ ก่อนใช้สายตาเน้นจดจ้องตรงหน้าอก
“ใหญ่เกินตัว” ขุนศึกเดินเข้ามากระซิบตรงหูของแพรวา
“ไอ้ลามก ไอ้คนบ้าเอ้ย! แพรวาด่าเขาไม่ไว้หน้าดีที่พวกเขาเดินไปยังห้องอาหารส่วนตัวอีกฝั่งสำหรับลูกค้าVIP ไม่มีใครได้ยิน”
“ปากคอเลาะร้ายจังเลยนะเรา” มือหนาดึงเก้าอี้ของเธอมาขยับชิดใกล้
“ว๊าย! นายจะทำบ้าอะไร” ขุนศึกดึงร่างของแพรวาไปกอดรัดไว้แน่น
“เฮียก็จะสอนมารยาทให้น้องหญิงไงค่ะ”
“ไอ้บ้า ! ปล่อยฉันออกไปเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงของหญิงสาวโกรธจัด เธอก้มกัดที่แขนของเขา
“โอ้ย! เจ็บ ๆ เป็นคนหรือเป็นหมานี้ทำไมดุอย่างนี้”
บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่หน้าห้องรีบเปิดประตูเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงเจ้านายร้อง
“นายเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ลูกน้องคนสนิทเอ่ยถามด้วยความแปลกใจเพราะในห้องไม่มีใครนอกจากขุนศึกและแพรวา
“ฉันไม่เป็นอะไร ออกไปได้แล้ว” เมื่อลูกน้องออกไป ขุนศึกถกแขนเสื้อเชิ้ตขึ้น เผยเห็นผิวขาวของตัวเองเต็มไปด้วยรอยฟันของแพรวาซ้ำเลือด
“แสบนักน่ะเรา เดี๋ยวเมื่อไรที่เธอเป็นเมียฉัน ๆ จะจัดไม่ยั้งเลย”
“ไอ้คนลามกเอ้ย!” แพรวาทำท่าจะยกถ้วยกระเบื้องใส่อาหารที่วางบนโต๊ะปาใส่หน้าเขา ขุนศึกร้องห้ามเสียงหลง
“นี่เธอจะทำบ้าอะไรนี่อ่ะ เกิดหน้าหล่อ ๆ ฉันเป็นอะไรไปเธอจะรับผิดชอบไหวไหม”
“ก็ใครใช้ให้นายมาทะลึ่งใส่ฉันก่อน” แพรวาที่มีนิสัยห้าวมาตั้งแต่เด็กเพราะพี่ชายเลี้ยงมา เธอเป็นคนไม่ยอมคน
….RRRRRRRR….
เสียงโทรศัพท์ของแพรวาดังขึ้นห้ามศึกระหว่างแพรวากับขุนศึกพอดี
“คะ พี่กิต” หญิงสาวเปลี่ยนจากเสียงแข็งกระด้างมาเป็นอ่อนหวานปนเศร้านิด ๆ จนคนพี่จับความรู้สึกได้ เขาลอบสังเกตใบหน้าของเธอที่เปลี่ยนไป
“ได้ค่ะ เดี๋ยวเจอกันค่ะ” พอเธอวางสายเสร็จ ก็เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าสะพายแล้วทำท่าจะเดินออกไป ขุนศึกทำหน้างง ๆ
“นี่เธอจะไปไหน” เขาร้องตะโกนตามหลัง แต่คนน้องก็หาเสียเวลาตอบ เธอยังคงเดินจ้ำอ้าวออกจากร้านอาหารมองหาแท็กซี่
“ฉันถามว่าจะไปไหน ไม่เอาหูมาด้วยเหรอ”
“ไปให้พ้นอย่ามายุ่ง!” แพรวารู้สึกหมดความอดทน อากาศก็ยิ่งร้อน แถมชุดบ้านี้อีกที่ยาวไปถึงข้อเท้าจะเป็นกุลสตรีอะไรปานนั้น ไม่เข้าใจว่าแม่ของเธอป่วยหรือไงทำไมถึงชอบบังคับทุกคนในบ้าน เป็นเพราะเหตุนี้เวลาปิดเทอมทีไรเธอไม่เคยอยากจะกลับเมืองไทยเลย
“จะไปไหนเดี๋ยวไปส่ง ตรงนี้เรียกแท็กซี่ยาก” แพรวามองคนพี่ไม่รู้ว่าคนอย่างเขาจะเชื่อใจได้ไหม
“ทำไมไม่เชื่อใจฉันเหรอ หรือว่าเธอไม่กล้า” แพรวาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาถ้าหากเธอไม่ไปตอนนี้อาจจะไปถึงที่นัดสาย
“แน่นะ ถ้าหากนายมีเลศนัยนายตายแน่!” แพรวามองขุนศึกตาขวางเอาจริงเอาจัง
“นี่ ๆ ไหน ๆ ฉันก็จะไปส่งเธอแล้วช่วยพูดให้เกียรติฉันหน่อยไม่ได้หรือไง ยังไง ๆ ฉันก็เป็นพี่เธอตั้ง 5 ปีเชียวนะ”
“ฝันไปเถอะ จะไปหรือไม่ไป ถ้าหากไม่ไปจะไปเอง”
“ไปค่ะ ไป คนอะไรเอาแต่ใจอ่ะ” ขุนศึกส่งสายตาบอกลูกน้องให้เอารถตู้มา ไม่นานรถตู้ก็มาจอดหน้าร้านอาหาร ก่อนที่เขาจะหยิบโทรศัพท์โทรหาพ่อตัวเอง
“ป๊า! ผมกับน้องแพรวาเราตกลงกันว่าจะเรียนรู้พฤติกรรมซึ่งกันและกัน ผมพาน้องออกมาข้างนอก ป๊ากับน้าไม่ต้องเป็นห่วงนะครับผมจะไปส่งน้องที่บ้านเอง”
“โอเค” ผู้เป็นพ่อรู้สึกพอใจเมื่อเห็นลูกชายตัวเองท่าทางเปลี่ยนไปเหมือนแมวเชื่องเมื่ออยู่กับแพรวา
“นี่ ทำไมถึงบอกพ่อนายอย่างนั้นแหละ” เมื่อทั้งสองนั่งบนรถตู้
“ไม่ให้บอกอย่างนี้จะให้บอกอย่างไร จะให้บอกว่าเธอจะเอาชามปาหัวฉันอย่างนั้นเหรอ แล้วอีกอย่างแม่เธอก็นั่งอยู่นั้นด้วยถ้าหากรู้ว่าเธอจะหนีจากการดูตัวไปหาผู้ชายอีกคน กลับบ้านไปจะไม่โดนบ่นจนหูฉีกเหรอ” แพรวานิ่งทำหน้าครุ่นคิดที่ขุนศึกพูดมามีเหตุผล
“แล้วนี่เธอจะไปไหน” คนขับรถรอคอยคำตอบจากเจ้านาย
“อ่อ ลืมช่วยไปส่งโรงแรมโนเวลเทลให้หน่อยค่ะ” แพรวาตอบคนขับรถ ก่อนขุนศึกจะทำหน้าเซ็ง ๆ
“ที่พูดกับฉันพูดเหมือนฉันเป็นเจ้ากรรมนายเวรเธอมาสิบชาติเนอะ พูดกับคนอื่นดีหมดยกเว้นฉัน”เขาพูดเสียงเบา ๆ เหมือนน้อยใจ ก่อนถอนหายใจ แพรวาไม่ได้สนใจว่าขุนศึกพูดหรือบ่นอะไรเพราะในใจของเธอตอนนี้คิดแต่งเรื่องของกิต
‘ทำไมอยู่ ๆ พี่กิตถึงมาเมืองไทยแล้วโทรหาเธอ’ เมื่อคิดเรื่องกิตทีไรหัวใจของเธอก็รู้สึกเศร้า ตลอดระยะเวลาเกือบสิบปี เขาแกล้งทำเป็นไม่รู้ว่าเธอแอบชอบเขา ทั้ง ๆ ทุกเทศกาลปีใหม่ วาเลนไทน์ หรือวันเกิดเขาเธอจะมีของขวัญให้ทุกปี พูดแล้วมันช่างน้อยใจจริง ๆ การแอบรักคน ๆ หนึ่งโดยที่เขาไม่เคยชายตามอง
“เป็นอะไรซึม ๆ อกหักมาเหรอ”
“นี่อย่ามายุ่งได้ไหม รำคาญ” แพรวาหันหน้าหนีออกไปมองถนน ลูกน้องกับคนขับรถต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่กเพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยได้ยินใครว่าเจ้านายของพวกเขาอย่างนี้