ตอนที่ 5 นัดดูตัว
“ยัยแพร วันนี้แกแต่งตัวไปกินข้าวเป็นเพื่อนแม่หน่อย”
“แพรไม่ไปได้ไหม แพรไม่อยากออกงาน”
“ไม่ได้ต้องไป แม่เตรียมชุดไว้ให้แกแล้ว”
“แม่อ่ะ ทำไมชอบบังคับทุกทีเลย” หญิงสาวบ่นอุบอิบจนพี่ชายเกิดความสงสารน้อง
“เดี๋ยวพี่ไปเป็นเพื่อนไหม” นภันทร์เสนอ
“ไม่ต้อง! วันนี้ภัทร์มีประชุมไม่ใช่เหรอ รีบทานข้าวแล้วก็รีบไป เดี๋ยวแม่จะไปกับยัยแพรเอง” แม่สั่งด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด แพรวามองหาตัวช่วยคนที่สอง แต่นกันตร์ไม่มีทางตื่นเช้ามาทานอาหารเช้าแบบนี้แน่ ๆ กว่าจะตื่นก็บ่ายโมง หญิงสาวทำได้แต่เพียงถอนหายใจแล้วทำหน้าหงิกง้อเท่านั้น
“ป๊านัดทางนั้นเรียบร้อยแล้ว วันนี้เที่ยงมาเจอกันที่ร้านอาหาร”
เสียงโทรศัพท์ปลุกลูกชายตัวแสบที่ยังคงงัวเงียอยู่
“นัดอะไรเหรอป๊า”
“ก็นัดกับทางธราทิปนะซิ เดี๋ยวแพรวามาด้วย ป๊าก็อยากจะเห็นว่าจะสวยสู้ที่แกโม้ไว้ได้ไหม แค่นี้นะ”
“เดี๋ยวก่อนซิป๊า…ป๊า!”
“ป๊า!”
“เสียงใครโทรมาแต่เช้าเลยค่ะ กิ่งซึ่งเป็นเด็กในจำนวนหลาย ๆ คน ที่ขุนศึกเลี้ยงไว้เปิดประตูห้องน้ำออกมา
“ป๊าอ่ะ” ขุนศึกวางโทรศัพท์แล้วคว่ำหน้าจะหลับต่อ
“แล้วป๊าเฮีย มีนัดกับเฮียไปทำอะไรคะ”
“นี่หยุดเสือกเรื่องของคนอื่นสักทีได้ไหม มันน่ารำคาญ” ขุนศึกยันตัวขึ้นสาดสายตาดุใส่กิ่งเขาไม่ชอบผู้หญิงสอดรู้สอดเห็นเรื่องของคนอื่นเขาบอกเธอหลายครั้งแล้ว
“กิ่งขอโทษค่ะ เฮียอย่าโกรธกิ่งเลยนะคะ” หญิงสาวพยายามอ้อนออเซาะ
“ครั้งหน้าอย่าทำอีก”
ณ ร้านอาหาร
เมื่อมาถึงร้านอาหารแพรวาเห็นห้องอาหารที่ไว้ก็พอเดาออก
“แม่จะพามาดูตัวเหรอคะ”
“ใช่ รู้แล้วแกก็พยายามทำตัวดี ๆ หน่อยให้สมกับเงินที่ฉันส่งแกไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่เด็ก
“ทำไมแม่ชอบอ้างเรื่องนี้ทุกทีเลย”
“ก็มันจริง แกอยากได้อะไรฉันก็ประเคนหาให้ตลอด ปิดเทอมก็ไม่คิดจะกลับบ้าน ไปเที่ยวประเทศนั้นประเทศนี้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย นี่แกต้องรักเฮียแกให้มาก ๆ นะ เวลาแกรูดบัตรทีฉันว่าจะโทรด่าแก พวกมันไม่ให้ฉันโทร แถมยังแอบโอนเงินให้แกอีก อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ”
แพรวาสูดลมหายใจลึก ๆ เข้าเต็มปอดฟอดใหญ่ ฟังแม่บ่นจนหูชา
เมื่อประตูห้องอาหารส่วนตัวเปิดออก แพรวาพบคุณลุงคนหนึ่งท่าทางใจดีคาดว่าน่าจะเป็นพ่อของสามีในอนาคต
“สวัสค่ะ คุณปรีชา” แม่ของแพรวายกมือก่อนเธอจะไหว้ตาม
“แล้ว…” เหมือนแม่มองหาใครบ้างคน
“ขอโทษแทนด้วยนะครับ พอดีขุนศึกเพิ่งประชุมเสร็จกำลังจะมา”
“อ่อ อย่างนั้นเหรอคะ ไม่เป็นไรค่ะ” สีหน้าแม่ยิ้มเจื่อนลง แพรวานึกขำสีหน้าแม่ของตน เพราะว่าแม่เป็นคนตรงเวลา มารยาทนี้ถือว่าสำคัญที่สุดของชีวิต
‘ไม่ใช่มีประชุมคงไปนอนมั่วกับผู้หญิงแล้วตื่นไม่ทันละซิ…แต่เดี๋ยวก่อนขุนศึก…ขุนศึก ทำไมชื่อนี้คุ้น ๆ ว่าไหมมันเป็นชื่อแปลกเหมือนเคยได้ยินจากที่ไหน’ ไม่นานแพรวาก็คิดออก ไอ้คนขี้เก๊ก ขี้โม้ ขี้อวดใช่ไหม ใช่หรือเปล่า เธอลุ้นภาวนาอยู่ในใจว่าขอให้ไม่ใช่คนที่เธอกำลังคิดแต่ไม่นาน เสียงประตูห้องอาหารก็เปิดออก
แพรวามองตามฝีเท้าย่างก้าวเข้ามาใกล้และแล้ว ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็เป็น ‘ขุนศึกคนเดียวกัน’
“แม่!!” เธอกระซิบแม่เธอเบา ๆ
“สวัสดีครับคุณน้า ต้องขอโทษด้วยนะครับที่มาสาย” เขายกมือไหว้
“ไม่เป็นไรจ๊ะ น้าก็เพิ่งมาถึง ไม่เห็นตั้งหลายปี โตเป็นหนุ่มหล่อแล้วจำแทบไม่ได้ ขุนศึกกับนภัทร์สงสัยเจอกันบ่อย แต่กับยัยแพรวายังไม่เคยเจอใช่ไหมคะ” หญิงวัยกลางคนพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ที่จริงยิ้มเกินเบอร์มาก
“ใช่ครับ ผมเจอเฮียนภัทร์บ่อยเรื่องงาน แต่เฮียกันตร์เจอบ้างบางครั้งส่วนน้องแพรวาเพิ่งเจอเมื่อวานนี้เองครับ” สายตาของเขาจดจ้องมองเธอเหมือนเสือที่กำลังจ้องมองเหยื่อ
“แม่!”
“แกจะเรียกอะไรนักหนา” ผู้เป็นแม่หันไปเอ็ดลูกสาว”
“แม่ลูกไม่ชอบคนนี้ หนูเกลียดขี้หน้า!” น้ำเสียงกระซิบเบา ๆ แต่ก็ทำให้ขุนศึกได้ยินทุกถ้อยคำ
“ป๊าว่า แกพาน้องออกไปหาอะไรทานข้างนอกดีกว่า เดี๋ยวป๊ามีเรื่องจะคุยกับคุณหญิงหน่อย
“ได้ครับป๊า!” ขุนศึกลุกขึ้นยืนผายมือออกเป็นเชิงให้แพรวาเดินนำหน้า
“เธอไม่ชอบฉันขนาดนั้นเชียว” เมื่อคนทั้งคู่ก้าวเท้าอออกจากห้องอาหารแล้ว
“ใช่!” เธอตอบโดยไม่มองหน้าเขาด้วยซ้ำ
“ดูท่าแล้วก็คงไปนอนกกผู้หญิงมาใช่ไหม”
“ใช่!” ขุนศึกไม่ปฏิเสธ แต่เขากลับหันมายักคิ้วใส่เธอ อย่างหน้าหมั่นไส้
“ดี อย่างน้อยก็ไม่โกหก” หญิงสาวปรายหางตามองเขาตั้งแต่เท้าจรดศีรษะ
“อย่ามามองฉันอย่างนี้ฉันไม่ชอบ” ขุนศึกทำเสียงเข้ม ถึงแม้แพรวาจะเป็นผู้หญิงในสเปกเขาแต่ถ้าหากเธอหยามเขามากเกินไป เขาก็จะไม่ให้เกียรติเธอเช่นกัน
“ก็นายมองฉันดูสายตาอ่านกินทำไมก่อน” หญิงสาวเสียงแข็งใส่
“สายตาอ่านกินเหรอ ใครเป็นคนสอนนี่ ฮ่า ๆ ๆ” ขุนศึกที่ตอนแรกเหมือนจะโกรธเธอแต่กลับโกรธไม่ลง ตอนนี้ไม่ว่าเธอจพูด จะทำอะไร ทั้งใบหน้า น้ำเสียงเธอก็น่ารักสำหรับเขา
“นี่ห้ามมาหัวเราะเยาะฉันนะ”