ตอนที่ 4 คนเก่า
เขายิ้มหน้าบานจนชายวัยกลางคนแปลกใจ
“ทำไม ไปโดนตัวไหนมา เมื่อเช้าแกยังปฏิเสธเสียงแข็งอยู่เลยว่ายังไงก็ไม่ยอมแต่ง ฮ่า ๆ มาตอนนี้บอกว่าจะแต่ง”
“ก็ผมเผอิญไปเจอเขามา” ขุนศึกเลื่อนเก้าอี้นั่งคุยกับผู้เป็นพ่ออย่างจริงจัง
“แล้วเป็นอย่างไรบ้าง”
“ก็คงจะแสบใช่ได้เลยครับ” เขาตอบอย่างยิ้ม ๆ
“แต่คนนี้จะมาทิ้งขวางไม่ได้นะ แต่งแล้วรับผิดชอบด้วย ป๊าไม่ชอบหรอกนิสัยที่แกเป็นอยู่ ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า แต่เป็นเพราะแกรับผิดชอบหน้าที่การงานดีไม่เคยทำให้ป๊าผิดหวังฉันเลยไม่อยากมาพูดเรื่องนี้ แต่ตอนนี้วัยของแกก็ควรจะแต่งงานมีหลานให้ป๊าเลี้ยงได้แล้ว ปีนี้ป๊าก็แก่ลงมากอยากเลี้ยงหลาน
“ครับ ป๊า เรื่องนี้ผมจะไม่ทำให้ป๊าผิดหวัง”
“ดี”
“ว่าแต่ทำไมป๊าถึงอยากให้ผมแต่งกับตระกูลธราทิป” หนุ่มหล่อทำหน้าสงสัย
“ก็ธุรกิจนั้นแหละ แต่นั้นก็เป็นเพียงแค่ 5% ป๊าชอบนิสัยของคุณชนันทร์ แกเลี้ยงลูกมาได้ดี เรื่องธุรกิจก็ซื่อสัตย์ดี ถึงแม้จะออกเทา ๆ บ้างแต่ปีหนึ่งก็บริจาคให้มูลนิธิเป็นร้อยล้าน ไม่ได้เห็นแก่ได้ทั้งหมดเหมือนคนอื่น ๆ ลูกชายเขาสองคนก็นิสัยดี คนโตยิ่งดีถ้าหากป๊ามีลูกสาวจะยกให้ฟรี ๆ เลย แต่คนรองก็เก่งนะ ทำธุรกิจเก่งปีหนึ่งทำกำไรได้ไม่รู้กี่ร้อยล้าน เหลือเพียงคนเล็กที่ป๊าไม่เคยเห็นหรือเคยเห็นแต่จำไม่ได้ ที่จะให้แต่งกับแกนี้แหละ”
“คนเล็กสวยมากครับป๊า เคยเห็นแต่ป๊าจำไม่ได้สวยตั้งแต่เด็ก!” เขาอดอมยิ้มไม่ได้ไม่คิดว่าอะไรจะบังเอิญขนาดนี้
“ขนาดนั้นเชียว แล้วจะให้ป๊าไปคุยเรื่องฤกษ์เลยไหม” คำถามทำให้ขุนศึกชะงักงัน เพราะดูท่าแล้วเธอไม่ค่อยถูกชะตากับเขาเท่าไร ยิ่งบังคับให้ต้องมาแต่งกับเขาด้วยแล้ว ยิ่งจะเป็นปัญหาใหญ่
“เดี๋ยวก่อนครับ ผมอยากทำความรู้จักกับแพรวาก่อน”
“ทำไมครั้งนี้ดูเหมือนแกไม่ค่อยมั่นใจตัวเองนะ ฮ่า ๆ” ผู้เป็นพ่อหัวเราะชอบใจ เมื่อมีผู้หญิงที่สามารถทำให้ลูกชายที่ขึ้นชื่อว่า เป็นเสือผู้หญิงเสียเซลฟ์ได้
“เปล่าสักหน่อยป๊า ผมแค่อยากขอเวลานิดหน่อย”
Hello~
“แพรวาอยู่เมืองไทยเป็นอย่างไรบ้าง” เสียงปลายสายจากอังกฤษของเพื่อนสนิทโทรมาถามไถ่
“เบื่อ!”
“ไหน เธอบอกว่า แม่เธอให้กลับไปช่วยงานไง ยังไม่ได้ทำงานอีกเหรอ”
“เปล่า! ยังไม่ได้ทำ แม่จะให้แต่งงานอ่ะ” นิ้งคือเพื่อนสนิทคนไทยที่อยู่อังกฤษของเธอตั้งแต่สมัยเรียนไฮสคูล
“แล้วเธอว่าอย่างไร จะแต่งไหม แล้วแต่งกับใคร”
“ไม่แต่ง แต่ไม่รู้ว่าแต่งกับใคร แต่กับใครก็ไม่แต่งทั้งนั้นแหละ”
“แกยังไม่ลืมพี่กิตใช่ไหม” เสียงเบา ๆ เพราะกลัวไปสะกิดแผลใจเพื่อน
“ป่าว!” แพรวาปฏิเสธเสียงแข็ง
“นี่เราเป็นเพื่อนมาสิบกว่าปี แกจะมาโกหกฉันทำไม”
เสียงนิ้งไม่ได้โกรธเพียงแต่น้อยใจ
“ยัยแพรฉันขอโทษแทนพี่ชายฉันด้วย มันอ่ะโง่ พลาดคนดี ๆ อย่างแกไป ถ้าหากแกไม่เสียใจเพราะพี่กิตแกคงไม่กลับเมืองไทยหรอก แกอยู่ที่นี้ตั้งหลายปีแกก็ไม่เคยกลับไทยเลย พอแกกลับไทยปุ๊บแกโดนบังคับแต่งงานเลย” เสียงปลายสายทำท่าทางเหมือนจะร้องไห้ เพราะรู้สึกผิดคิดว่า ที่แพรวาโดนบังคับแต่งงานเป็นเพราะพี่ชายของตัวเอง
“จะบ้าเหรอ ที่ฉันโดนแม่บังคับแต่งงานไม่เกี่ยวกับอะไรกับพวกแกเลยจริง ๆ โอ้ โอ อย่าร้องไห้นะ พออีกหน่อยฉันไม่แต่งจริง ๆ แม่ก็คงเลิกบังคับไปเอง ไม่ใช่ความผิดอะไรของแกหรือพี่กิตเลย” แพรวารีบปลอบใจเพื่อน
หลังจากวางสายจากแพรวา นิ้งก็รีบไปแจ้งข่าวให้กับพี่ชายตัวดีของตัวเอง
“พี่กิตรู้ไหม ว่ายัยแพรจะแต่งงานเร็ว ๆ นี้ สมน้ำหน้าอยากปฏิเสธยัยแพรดีนัก ต่อไปนี้จะไม่มีใครมาคอยเอาของขวัญมาแอบให้พี่แล้ว” พอพูดจบนิ้งก็เดินจากไปทิ้งให้พี่ชายตกอยู่ในภวังค์
แพรวาคือเพื่อนสนิทของน้องสาวที่ชอบมานอนค้างที่บ้านบ่อย ๆ เขาเห็นเธอเป็นแค่น้องสาวคนหนึ่งเพราะเห็นเธอมาตั้งแต่เด็กน่าจะอายุสัก13-14 เอง ไม่รู้ว่าแม่ของเธอคิดอย่างไรถึงรีบส่งลูกสาวตัวเล็กมาอยู่ต่างประเทศคนเดียวยังเด็กขนาดนี้ ยังจำได้ดีวันแรกที่นิ้งพาแพรวามาที่บ้าน สาวน้อยดีใจมากที่พวกเขาเป็นคนไทยเสาร์อาทิตย์เธอก็จะคลุกอยู่บ้านของเขา จนเวลาผ่านไปจนนิ้งกับเธอต่างเข้ามหาลัยส่วนเขาเองก็เรียนจบ ได้เข้าทำงานเรียบร้อย เธอก็ยังมานอนค้างที่บ้านอยู่บ่อยครั้ง จนก่อนที่เธอจะกลับประเทศไทยเธอได้มาสารภาพกับเขาว่า เธอได้แอบชอบเขามาเป็นเวลาเกือบสิบปี ซึ่งเขาเองก็รู้มาโดยตลอดแต่ไม่อยากทำให้เธอเสียใจเพราะเห็นเธอเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง ไม่ใช่ว่าเธอไม่สวย เธอเป็นคนสวยสะดุดตาแต่เขากลัวว่าวันหนึ่งถ้าหากเขาไปคบกับเธอแล้วพวกเขาไปกันไม่รอด มันจะส่งผลกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างแพรวาและก็นิ้งด้วย ใช่เพราะเขาเป็นคนคิดมากและลังเล เลยทำให้เขาพลาดผู้หญิงที่แอบรักเขามาถึงสิบปี
ตอนนี้กิตเริ่มรู้สึกเสียดายแพรวาขึ้นมา เขาคิดมากจนรู้สึกกระวนกระวายใจ เขานอนส่องเฟสบุ๊กของเธอไล่ลงไปดูโพสต์ต่าง ๆ ซึ่งหลาย ๆ โพสต์ก็มีรูปของเขาด้วย เวลานั้นทั้งสามคนต่างก็มีความสุขมากบ้างครั้งก็บินไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกันอยู่บ่อยครั้งไม่ว่าจะเป็นอเมริกา ออสเตรเลีย หรือ แอฟริกาใต้ เมื่อคิดถึงเวลาเหล่านั้นเขายิ้มออกมาด้วยความลืมตัว
“แพร พี่ขอโทษ”