หญิงไร้ยางอาย
เหมยลี่เดินจากไปอย่างหัวเสีย คิดไม่ถึงว่าคนที่ร่ำรวยมหาศาลอย่างตระกูลฟู่จะขี้เหนียวแบบนี้ ไม่นานก็จะเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้ว เงินแค่เล็กน้อยเพียงเท่านี้ก็เอามาเป็นปัญหาได้ เธอต้องให้ลูกสาวจัดการอะไรบ้างแล้ว
“ค่ะแม่ มีอะไรหรือเปล่า ตอนนี้หนูกำลังทำงานอยู่” เฟยอินบอก เพราะรู้ดีว่าที่แม่ของเธอโทรมานี้ต้องมีเรื่องอะไรแน่ ๆ และก็คงไม่พ้นเรื่องเงิน “หากแม่ต้องการเงินอีก เลิกงานแล้วหนูจะโอนให้นะคะ”
“แกก็คิดได้แค่นี้ใช่มั้ย” นางต่อว่าลูกสาวทันที “เมื่อไหร่แกจะแต่งงานกับไอ้หนุ่มมหาเศษฐีคนนั้นสักที แกรู้มั้ยว่าวันนี้นางว่าที่แม่ผัวของแกมันว่าอะไรให้ฉันบ้าง”
เฟยอินชะงักมือค้างจากงานทันที “นี่แม่คงไม่ได้ไปที่บ้านนั้นอีกแล้วใช่มั้ยคะ” เธอเดินเลี่ยงออกมาที่บันไดหนีไฟ เพราะไม่อยากให้เพื่อนร่วมงานได้ยิน “หนูบอกแม่หลายครั้งแล้วนะคะว่าอย่าไปยุ่งวุ่นวายที่บ้านหลังนั้นอีก แม่ทำให้หนูไม่กล้าสู้หน้าตงหยางอีกนะคะ” พูดอย่างไม่พอใจ เพราะบอกไปหลายครั้งแล้ว
“ทำไมฉันจะไปไม่ได้ ในเมื่อบ้านหลังนั้นก็เป็นบ้านของว่าที่ลูกเขยฉัน ไม่นานแกก็เป็นเจ้าของบ้านหลังนั้นเหมือนกัน” พูดอย่างไม่รู้สึกผิด
“แต่หนูกับเขายังไม่ได้แต่งงานกันนะคะ แม่ทำแบบนี้ก็เหมือนแม่สร้างปัญหาให้หนู แล้วหนูจะกล้าสู้หน้าคนบ้านนั้นอีกได้ยังไง”
“มันก็เรื่องของแก ฉันขอบอกแกเอาไว้เลยนะ หากแกยังไม่พูดเรื่องแต่งงานอีก ฉันนี่แหละจะเข้าไปหาผัวแกถึงที่บริษัทเลยคอยดู”
“อย่านะแม่! หากแม่ทำแบบนั้นจริง ๆ เงินแค่หนึ่งเหรียญก็จะไม่กระเด็นไปถึงแม่อีกแน่นอน ตงหยางเขาบอกหนูไว้แล้วว่าให้รอก่อนสามปี หลังจากนั้นเขาจะมาขอหนูแต่งงานทันที”
“ทำไมต้องรอสามปี ไม่แต่งให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย ฉันจะได้เข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้นอย่างสบาย ๆ”
“เรื่องนี้แม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ถึงยังไงหนูกับเขาก็ต้องแต่งงานกันอยู่แล้ว”
“ถ้างั้นก็ให้คนบ้านนั้นมาสู่ขอแกก่อนสิ ให้มันหอบเงินสินสอดมาก่อน กว่าจะถึงสามปี หากหมอนั่นทิ้งแกไปมีคนใหม่ซะก่อนล่ะ แล้วแกจะยังได้อะไรอีกไหม”
“แม่!!”
เฟยอินไม่พอใจที่แม่ของตัวเองพูดมาแบบนั้น ถึงแม้ในใจจะมีความกังวลอยู่บ้าง แต่เธอเชื่อมั่นในความรักของเธอ แต่หากตงหยางจะทิ้งเธอไปจริง ๆ เขาจะไม่ทิ้งเธอไปอย่างเดียวแน่นอน เธอรู้ว่าเขาจะต้องจ่ายเงินให้เธอมากเหมือนกัน
“แล้วอย่าหาว่าฉันไม่เตือนล่ะ พวกผู้ชายมันก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ พอเจอของใหม่เข้าให้ ก็เขี่ยของเก่าทิ้งอย่างไม่ไยดี แกดูพ่อของแกเป็นตัวอย่างสิ”
“ตงหยางไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกค่ะ” เธอยังคิดเข้าข้างความรักที่เขามีให้
“เอ่อ แล้วฉันจะคอยดู”
บริษัท ต้าซื่อ กรุ๊ป
ช่วงนี้บริษัทมีงานเข้ามาอย่างมากมาย เยี่ยนฟางที่เป็นผู้จัดการฝ่ายขายก็กำลังทำการโปรโมทตัวสินค้า โดยการออกแบบโลโก้ของตัวผลิตภัณฑ์สินค้าใหม่
“จื่อลั่ว เดี๋ยวฉันจะต้องออกไปพบลูกค้า ยังไงฉันฝากงานที่นี่ด้วยนะ” เยี่ยนฟางเอ่ยบอกเพื่อนสาว
“ได้สิ แล้วนี่เธอจะกลับเข้ามาที่บริษัทอีกมั้ยล่ะ”
“กลับสิ งานเยอะขนาดนี้ แต่น่าจะประมาณสองทุ่มแหละ”
“โอทีอีกแล้วใช่มั้ย”
“ใช่ อีกแค่สามวันงานโปรเจคนี้ก็เสร็จสิ้นแล้ว รบกวนทุกคนด้วยนะคะ” เธอหันไปบอกกับพนักงานคนอื่น ๆ “เดี๋ยวตอนเย็นจะสั่งอาหารขึ้นมาให้นะ”
“โอเค เดี๋ยวฉันจัดการต่อให้”
“งั้นฉันไปล่ะนะ ค่ำ ๆ เจอกัน”
พนักงานทุกคนไม่ได้เกี่ยงเรื่องการทำโอทีเลยแม้แต่น้อย มีดีกว่าไม่มี อีกอย่างการทำโอทีเป็นอะไรที่สนุกมากสำหรับแผนกนี้ เมื่อผู้จัดการและรองผู้จัดการมีนิสัยที่เป็นกันเอง ทำงานเปิดเพลงฟังไปด้วยอย่างมีความสุข เลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำอย่างอิ่มหนำสำราญ ไม่ต้องไปซื้ออาหารเย็นกินกันเองอีกด้วย มันช่วยให้ประหยัดเงินค่าอาหารไปอีกหนึ่งมื้อ
จื่อลั่วเป็นเพื่อนรักของเยี่ยนฟาง ทั้งสองคนคบกันสมัยเรียนปริญญาด้วยกัน เพื่อคนอื่นคบกับเธอหวังเพื่อเอาหน้าและผลประโยชน์ มีเพียงจื่อลั่วเท่านั้นที่คบกับเธอแบบจริงใจ ช่วยเหลือกันทุกอย่าง เมื่อเรียนจบแล้ว เยี่ยนฟางจึงชวนเธอให้เข้ามาทำงานที่บริษัทของพ่อเธอด้วยกัน