สามีในนาม
เวลาผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมงที่ทุกคนต่างนั่งเฝ้ารอที่หน้าห้อง ICU อย่างกังวลและเป็นห่วง ไม่นานหมอก็เดินออกมา ทำให้ทุกคนลุกขึ้นยืนอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ญาติของคุณหลินเยี่ยนฟางครับ” หมอหนุ่มเอ่ย
“ผมเป็นพ่อของเธอครับ” ชายชราลุกขึ้นตอบ
“ตอนนี้คน..”
“เธอเป็นยังไงบ้างไอ้หมอ ปลอดภัยดีใช่มั้ย” ตงหยางรีบถามเพื่อนหมอทันที เมื่อเห็นว่าหมอที่ทำการรักษาหญิงสาวนั้นเป็นเพื่อนของตนเอง
“แกใจเย็น ๆ ก่อนสิ ฉันกำลังจะบอกอยู่นี่ไง” หมอหนุ่มบอก “ตอนนี้เธอปลอดภัยดีแล้วนะครับ แต่ต้องรอดูอาการก่อน เพราะได้รับการกระทบกระเทือนศีรษะอย่างรุนแรง แต่ไม่มีเลือดคลั่งในสมอง”
“ไม่ร้ายแรงใช่มั้ยว่ะ”
“ตอนนี้ต้องรอให้เธอฟื้นขึ้นมาก่อน อาจจะประมาณ 8-12 ชั่วโมง แล้วค่อยตรวจเพิ่มอีกที”
“ตอนนี้เข้าไปเยี่ยมได้มั้ยหมอ” หนิงจินเอ่ยถาม เพราะอยากเห็นอาการของลูกสาว
“ได้ครับลุงหลิน แต่เดี๋ยวจะย้ายผู้ป่วยไปที่ห้องพักแล้ว ค่อยเยี่ยมตอนนั้นก็ได้นะครับ ว่าแต่ ห้องพักนี้เอาเป็น VIP เลยใช่มั้ยครับ”
“ใช่ ต้อง VIP อยู่แล้วสิ” ตงหยางตอบ โดยที่ไม่รอให้ผู้เป็นพ่อของเธอเอ่ย “คุณลุงจะกลับไปพักผ่อนที่บ้านก่อนมั้ยครับ เดี๋ยวผมจะขับรถไปส่ง แล้วจะกลับมาเฝ้าเยี่ยนฟางเองครับ มีอะไรผมจะโทรไปบอก”
“เดี๋ยวรอเยี่ยนเอ๋อย้ายมาที่ห้องพักก่อนก็แล้วกันค่อยกลับ ส่วนหลานไม่ต้องไปส่งลุงก็ได้ ลุงให้คนขับรถมาส่ง ตอนนี้ก็รออยู่ข้างล่าง”
“ครับ”
“จื่อลั่วก็กลับพร้อมฉันก็ได้นะ เดี๋ยวให้คนขับรถแวะไปส่งเธอก่อน”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูเอารถมาเองค่ะ”
“อืม….ผิงอานก็กลับพร้อมฉันเลยก็ได้นะ”
“เดี๋ยวผมไปส่งคุณแม่เองก็ได้ครับ ต้องไปเสื้อผ้ามาไว้เปลี่ยน และเอางานมานั่งทำที่นี่ด้วยครับ”
“เอางั้นก็ได้ ลุงฝากดูแลน้องด้วยนะ มีอะไรก็โทรหาลุงได้ตลอดเวลาเลย”
“ครับ”
หลังจากที่เยี่ยนฟางย้ายมาที่ห้องพักผู้ป่วยแล้ว คนอื่น ๆ ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ตงหยางไปส่งมารดาแล้วก็ขับรถกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง ถึงแม้ว่าเยี่ยนฟางจะไม่ใช่ภรรยาที่แท้จริง แต่เธอก็ยังถือว่าเป็นน้องสาวคนหนึ่งของเขาเหมือนกัน
หญิงสาวตื่นขึ้นมาอีกทีก็เป็นช่วงสายของวันใหม่แล้ว เปลือกตาที่ค่อยเปิดขึ้นมา กับอาการที่ปวดหัวเพราะถูกการกระแทกอย่างรุนแรง และเป็นบาดแผลยาวมาถึงหางคิ้ว ทำให้เธอเปิดเปลือกตาได้ไม่มาก เพราะไม่ชินกับแสงจ้าที่ผ่านเข้ามายังหน้าต่าง อีกอย่างเธอก็เจ็บแผลด้วย เพราะตอนนี้แผลนั้นก็มีอาการบวมขึ้นมาด้วย เนื่องจากบาดแผลนั้นใกล้ดวงตา จึงทำให้หางตาเธอมีรอยแดงซ้ำด้วย
“โอ๊ย….เจ็บ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงปวดหัวขนาดนี้” เธอเอามือกุมศีรษะของตัวเองไว้อย่างรู้สึกเจ็บปวด ตาข้างขวาก็ลืมขึ้นไม่สนิท
เมื่อได้ยินเสียงของคนที่นอนหมดสติไปนาน ตงหยางก็รีบวางมือจากงานแล้วเข้าไปหา “เยี่ยนเยี่ยน เป็นยังไงบ้าง ปวดหัวใช่ไหม เดี๋ยวพี่จะตามหมอให้นะ” ชายหนุ่มกดปุ่มสัญญาณที่อยู่บนหัวเตียงทันที “เดี๋ยวหมอก็มาแล้ว อย่าพึ่งไปจับที่หัวนะ เพราะมันเป็นแผลผ่าตัดอยู่” เขาบอกอย่างเป็นห่วง
“พี่ตงหยาง นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะ หนูเป็นอะไร แล้วทำไมถึงมาอยู่ที่นี่” เธอถามอย่างสงสัย เมื่อภายในห้องมีแค่ชายหนุ่มที่เป็นสามีเพียงในนามของเธออยู่แค่คนเดียว
“เมื่อวานเธอเกิดอุบัติเหตุหลังจากไปพบลูกค้าน่ะ” เขาบอก ก่อนจะจับมือเธอมากุมไว้ เพราะไม่อยากให้เธอเอามือไปจับที่หัวอีก กลัวว่าจะไปถูกบาดแผลเข้า
หมอเปิดประตูเดินเข้ามา พร้อมกับพยาบาลอีกสองคน หนึ่งในนั้นก็คือเฟยอิน แฟนสาวของชายหนุ่มนั่นเอง
“ตงหยาง ฉันขอตรวจอาการของน้องเยี่ยนฟางหน่อย” ห่าวซวน หมอหนุ่มเอ่ย เมื่อเห็นตงหยางยังจับมือของเธอไว้และยังไม่หลบให้หมอตรวจ
“อื่ม เยี่ยนเยี่ยนบอกว่าปวดหัวมาก แกดูสิว่าเธอเป็นอะไรมากหรือเปล่า” ชายหนุ่มบอกอย่างเป็นห่วง
“คุณอย่างเพิ่มร้อนใจไปเลยคะ น้องเยี่ยนฟางฟื้นขึ้นมาแบบนี้แล้ว ก็แสดงว่าปลอดภัยแล้วนะคะ” เฟยอินบอก
“ผมก็แค่เป็นห่วง กลัวว่าจะมีผลกระทบอะไรต่อสมองหรือเปล่า”
หมอหนุ่มตรวจดูอาการ และม่านตาของหญิงสาวอีกครั้งว่ามีอะไรผิดปกติหรือ สรุปว่าเธอไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว ความทรงจำของเธอยังดี แปลว่าไม่ได้ความจำเสื่อม สายตาก็มองเห็นเป็นปกติ ดังนั้นอาการปวดหัวน่าจะเป็นเพราะบาดแผล
“ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแล้วนะครับ ที่มีอาการปวดหัวก็เพราะอาการบาดเจ็บเท่านั้น คงจะต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลประมาณสองสัปดาห์นะครับ หลังจากนั้นหากไม่มีอะไรก็กลับบ้านได้” หมอหนุ่มตอบด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันไปยังเพื่อนชายแล้วบอก “แกก็ไม่ต้องกังวลอะไรให้มากแล้ว พักผ่อนบ้าง ใต้ตาคล้ำหมดแล้วนั่น” เขาแซว
“เอ่อ ตอนนี้เยี่ยนเยี่ยนปลอดภัยดีแล้ว ฉันก็สบายใจขึ้นแล้วล่ะ ว่าแต่..เยี่ยนเยี่ยนไม่มีอาการน่าเป็นห่วงแล้วจริง ๆ ใช่มั้ยว่ะ” เขาย้ำถาม
“ก็จริงน่ะสิ ฉันเป็นหมอนะเว้ย แกไม่เชื่อฝีมือฉันงั้นเหรอ”
“เปล่า….กูก็แค่ถามย้ำให้แน่ใจเท่านั้นเอง” ตอบอย่างรู้สึกผิด เพราะเรื่องแบบนี้อาจทำให้เพื่อนรักน้อยใจได้ อาจคิดว่าเขาไม่เชื่อฝีมือของเพื่อนรักได้
“งั้นกูไปล่ะ มึงก็พักผ่อนบ้างล่ะ” เขาบอก ก่อนจะหันกลับไปหาคนป่วยอีกครั้ง “พี่ไปก่อนนะครับน้องเยี่ยนฟาง หากมีอะไรก็กดปุ่มเรียกได้ตลอดเวลาเลย”
“ขอบคุณค่ะพี่หมอ”
“อ้อ เรื่องอาหารน่ะให้ทานแบบอ่อน ๆ ไปก่อนนะ ส่วนเรื่องงานก็อย่าพึ่งไปคิดมาก เพราะหากมีความคิดเรื่องงาน แล้วเกิดเคลียดขึ้นมา อาจจะส่งผลกระทบ และทำให้ปวดหัวได้”
“ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ”
“ฉันออกไปก่อนนะตงหยาง มีอะไรก็โทรหาฉันก็ได้”
“ครับ คุณไปทำงานเถอะ ช่วงนี้ผมคงไม่มีเวลาว่างให้คุณนะ” เขาบอก เพราะไม่อยากให้แฟนสาวเกิดความน้อยใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องนี้ฉันเข้าใจ คุณดูแลน้องเยี่ยนฟางให้หายดีเถอะค่ะ เอาไว้ว่าง ๆ ฉันจะเข้ามาเยี่ยมบ่อย ๆ” เธอตอบอย่างเข้าใจ และรู้สึกดีใจที่คนรักของเธอยังคงเป็นห่วงเรื่องความรู้สึกของเธอ