หลงไหลจนลมตัว
เมื่อรู้ว่าเยี่ยนฟางฟื้นแล้ว หนิงจินกับเพื่อนรักของเธอก็รีบมาเยี่ยมอาการทันที แม้ว่าจะเป็นห่วงกันมากแค่ไหน แต่เรื่องงานก็สำคัญเช่นกัน หากจะไปอยู่ดูแลตลอดเวลาที่โรงพยาบาลก็คงจะไม่ใช่ เพราะก็ไม่สามารถทำอะไรหรือช่วยเหลืออะไรได้
“เยี่ยนเอ๋อ พ่อสั่งซุปหัวปลามาให้เพื่อบำรุงสมองด้วย ลูกหิวหรือเปล่า จะกินเลยไหม”
“หิวนิดหน่อยค่ะ และก็ง่วงด้วย” คนป่วยตอบ เพราะเธอคงจะเพลียและอยากพักผ่อนด้วย
“ถ้างั้นฉันจะป้อนเธอนะ” จื่อลั่วเสนอตัว
“อื่ม” เธอตอบสั้น ๆ “แล้วเรื่องงานล่ะ เป็นยังไงบ้าง มีปัญหาอะไรไหม”
“ไม่มีหรอก ฉันกับทีม ช่วยกันทำงานแทนแกทุกอย่างแล้ว ส่วนเอกสารที่แกไปเซ็นกับลูกค้าเมื่อวาน โดนฝนเปียกทั้งหมดเลย ฉันโทรไปแจ้งลูกค้าแล้ว เขาบอกว่าให้ส่งเอกสารไปเซ็นใหม่ภายหลังก็ได้ ฉันเลยจัดการเซ็นเมื่อเช้าเรียบร้อยแล้ว” จื่อลั่วบอก เพราะไม่อยากให้คนป่วยต้องเป็นห่วงเรื่องงาน
“ขอบใจแกมากนะ หากไม่มีแก งานนี้ฉันคงแย่ เพราะลงทุนไปเยอะแล้ว”
“เอ่าน่า….งานนี้ฉันก็ร่วมคิดเหมือนกัน แกอยู่พักรักษาตัวให้หายดีก่อน มีอะไรฉันจะเอามาให้แกเซ็นที่นี่เอง” หญิงสาวบอก แล้วก้มลงไปกระซิบที่ข้างหูเพื่อสาวเพื่อหยอกล้อ “ช่วงนี้ก็ให้เทพบุตรของแกอยู่ดูแล อ่อยให้เต็มที่ล่ะ เผื่อพี่เค้าจะได้สนใจแกขึ้นมากกว่าเดิม”
“พูดบ้าอะไรของแก ฉันอิ่มแล้วจะนอนพัก แกก็รีบกลับไปทำงานเถอะ” ว่าแล้วก็ดึงผ้าขึ้นมาห่ม เพราะรู้สึกเขินอายกับคำพูดเพื่อนสาว
“งั้นแกก็นอนพักเถอะ เอาไว้ตอนเย็นฉันจะแวะมาเยี่ยมใหม่” เธออดขำเพื่อสาวไม่ได้ รักเขาแต่แอบเก็บไว้ในใจ แต่ก็พอจะเข้าใจเพื่อนสาวอยู่ไม่น้อย เมื่อคนที่แอบรักนั้นเขามีคนรักอยู่แล้ว
“งั้นเอาไว้ตอนเย็นพ่อจะมาเยี่ยมใหม่นะ ลูกก็นอนพักผ่อนเถอะ” ชายชราบอก แล้วหันไปบอกอีกคน “มีอะไรก็โทรไปหาลุงนะหลาน”
“ครับคุณลุงหลิน ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะดูแลเยี่ยนเยี่ยนเอง” เขาบอกอย่างเคารพ
เยี่ยนฟางนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมาสิบวันแล้ว หมอถอดผ้าพันแผลที่อยู่บนศีรษะออกให้ แต่ตรงหน้าผากของเธอก็เป็นรอยแผลเป็นขนาดสิบเซนติเมตรอยู่ ทำให้หญิงสาวมีสีหน้ากังวลและไม่มีความสุขเลย
“ทำหน้าแบบนี้ เป็นอะไรหรือเปล่า หรือว่ายังเจ็บแผลอยู่ครับ” หมอหนุ่มถาม
“เปล่าค่ะ ไม่ได้เจ็บแล้วค่ะ” เธอตอบด้วยใบหน้าที่คลอน้ำตา
“ร้องไห้ทำไม?” ตงหยางถาม เมื่อเห็นว่ารอบดวงตาของเธอมีน้ำตาคลออยู่ “หรือว่าไอ้หมอมันทำแรง เดี๋ยวพี่จะจัดการให้” เขาจับมือเธอไว้ ก่อนที่จะตีไปที่แขนของเพื่อนไปหนึ่งที
“โอ๊ะ ไอ้นี่ มึงจะมาตีกูทำไมล่ะ”
“ไม่ได้เจ็บอะไรเลยค่ะ แต่หนูกลัวมันจะเป็นรอยแผลเป็น” เธอบอก แล้วใช้มือจับไปที่รอยแผลเป็นนั้น “ดูสิคะ น่าเกลียดจริง ๆ เลย ทำไมแผลเป็นนี้ถึงได้ยาวขนาดนี้คะ มันยาวจนจะถึงคิ้วหนูอยู่แล้ว” เธอส่องกระจกดู รอยแผลที่ทั้งนูนและยาวนั่น
“แค่รอยแผลเป็นเอง มันได้ทำให้ความสวยของเธอลดลงเลยสักนิด เดี๋ยวมันก็หายเอง” ตงหยางพูดปลอบ
“ใช่ครับ หลังจากที่นี้ก็สามารถทำเลเซอร์ได้ เทคโนโลยีสมัยนี้เขาดีจะตายไป ยังไงมันก็หายครับ” หมอหนุ่มบอก
“มันต้องใช้เวลานานมั้ยคะพี่หมอ” เธอเงยหน้าถาม
“ไม่นานหรอก หากดูแลให้ดี ไปพบหมอศัลยกรรมบ่อย ๆ ไม่ถึงปีก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วครับ”
“ตั้งหนึ่งปีเลยเหรอคะ งั้นฉันคงต้องไว้ผมหน้าม้าไปอีกนานเลย”
“หน้าม้าก็สวยดีออก พี่ว่า พี่ชอบตอนที่เธอไว้ผมหน้าม้านะ มันน่ารักดี” หมอหนุ่มบอกด้วยรอยยิ้ม เพราะเขาคิดแบบนั้นจริง ๆ เวลาเธอไว้ผมหน้าม้ามันทำให้เธอดูเป็นเด็กใสใส ต่างจากที่ไว้ผมยาวและดัดลอนตอนนี้ มันทำให้เธอดูเป็นผู้ใหญ่และสาวมั่นอย่างเต็มตัว
“ใช่ครับ พี่ว่าเธอน่ะ ไว้ผมหน้าม้าแล้วน่ารักจะตายไป”
หญิงสาวรู้สึกเขินเมื่อมีสองหนุ่มหล่อเอ่ยมาแบบนั้น “พวกพี่สองคนออกไปเถอะค่ะ ฉันอยากพักผ่อนแล้ว” ว่าแล้วก็นอนตะแคงหันหลังให้ชายหนุ่มทั้งสองทันที
สองหนุ่มต้องหันหน้ามามองกันแล้วยิ้ม รู้ว่าเธอนั้นกำลังเขินอาย แต่ที่พวกเขาพูดนั้นก็พูดตามความจริง ไม่ได้พูดเพื่อหวังปลอบใจเธอเท่านั้น
“แกออกไปได้แล้วไอ้หมอ ฉันจะทำงานต่อ”
“เสร็จแล้วไล่เลยนะ”
“ก็หน้าที่ของแกเสร็จแล้วนิ”
“เออ เออ ไปก็ได้ว่ะ”
ตงหยางนั่งทำงานของตัวเองอีกครั้งหลังจากที่ภายในห้องนั้นเงียบลงแล้ว หญิงสาวพลิกกายกลับมาอีกครั้ง เธอจ้องมองเขาในตอนที่ทำงาน มันทำให้ใจของเธออยู่ไม่เป็นสุข
คนอะไรยิ่งมองยิ่งหล่อ หล่อแบบไม่มีคำบรรยาย ใบหน้าคมได้รูป ปากบางนั้นสีชมพูระเรื่อ ดูแล้วช่างดึงดูดให้อยากเข้าไปประกบจูบสักครั้ง “หากพี่ไม่มีแฟน ฉันจะต้องทำให้พี่มาเป็นแฟนของฉันให้ได้แน่นอน” เธอขบคิดอยู่ในใจ
“จะมองพี่อีกนานมั้ย” ชายหนุ่มเอ่ย ทั้ง ๆ ที่ยังก้มหน้าทำงานอยู่ เขาไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองด้วยซ้ำ
“มองที่ไหน ไม่ได้มองพี่ซะหน่อย” เธอปฏิเสธเสียงแข็ง
“อยากมองก็มองสิ พี่จะนั่งเก๊กหล่อให้เธอมอง เผื่อว่ามองหน้าพี่แล้วมันจะทำให้เธอจะสบายใจขึ้น” เขาพูดอย่างหลงตัวเอง
“หลงตัวเองซะไม่มี” เธอบอกแล้วหันหลังกลับอีกครั้ง
ตงหยางถึงกับยิ้มมุมปาก เขาวางงานที่ทำลงบนโต๊ะ ก่อนจะเดินเข้าไปดึงผ้าห่มให้เธอ
“เย็นนี้อยากกินอะไรมั้ย พี่จะได้ออกไปซื้อมาให้” เขาพูดอย่างอ่อนโยน
“แล้วพี่หยางจะกินอะไรล่ะคะ พี่จะกินข้างนอกเข้ามาเลย หรือว่าจะซื้อมากินด้วยกันที่นี่ล่ะ”
“อาจจะซื้อมากินที่นี่แหละ จะได้กินเป็นเพื่อนเธอด้วยไง”
“คุณพ่อคงจะสั่งให้แม่นมเอาซุปหัวปลามาฉันแน่นอนค่ะ ถ้างั้นก็เอาพิซซ่าสไปซี่ก็แล้วกัน นานแล้วที่ไม่ได้กิน”
“ได้ งั้นเดี๋ยวพี่โทรสั่งก็แล้วกัน”
"อ่าว แล้วพี่จะออกไปข้างนอกอีกมั้ยคะ" ถามอย่างสงสัย เพราะเมื่อกี้ดูเหมือนว่าเขาจะออกไปข้างนอก แต่จู่ ๆ ก็ทำเหมือนว่าจะไม่ออกไปแล้ว
"ก็จะออกไปอยู่เหมือนกัน แหละ พี่ว่าจะกลับไปบ้านสักหน่อย ไปเอาเสื้อผ้ามาไว้เปลี่ยนด้วย เสื้อผ้าหมดแล้ว"