ชอบเขาใช่ไหม
เยี่ยนฟางได้ย้ายเข้ามาอยู่ที่ตระกูลฟางเป็นการถาวรในช่วงระยะสามปีนี้ เธอได้รับการต้อนรับและดูแลเป็นอย่างดีจากคนในบ้าน เรื่องทุกอย่างจะไม่เป็นแบบนี้หากว่าพินัยกรรมของอดีตประมุขของบ้านไม่ดึงเธอเข้ามา
เธออยู่อย่างสบายใจถึงแม้ว่าจะมีอาการน้อยใจเกิดขึ้นบ้างเป็นบางครั้งเมื่อเห็นตงหยางอยู่กับคนรักของเขา เธอเคยแอบชอบเขามานานตั้งแต่เด็ก พี่ชายที่แสนดีและคอยเป็นห่วงเป็นใยเธอ เวลาที่เธอไปโรงเรียนมักมีเพื่อน ๆ คอยแกล้งเธอ เพียงเพราะเธอเป็นลูกคนรวย มักได้รับคำดูถูกและคำนินทาจากเพื่อน ๆ ว่าเธอใช้เส้น และไม่สามารถทำอะไรด้วยตัวเองได้
ตงหยางมักจะคอยปลอบโยนเธอและให้กำลังใจเธอเสมอ ไม่ให้เธอคิดมากและมองว่าเป็นเรื่องเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
จนมาถึงปัจจุบันนี้ เธอรู้ว่าชายหนุ่มมีคนรักอยู่แล้ว เธอกับเขาไม่มีทางเป็นอะไรกันไปได้มากกว่าพี่ชายและน้องสาวคนสนิทเท่านั้น แต่ถึงยังไงเธอก็ยังคงมีความรู้สึกดี ๆ ให้กับเขาอยู่เสมอมา
หลังจากเลิกงานแล้ววันนี้ พ่อของเธอยังอยู่ที่ห้องทำงาน เธอเดินเข้าไปหาผู้เป็นพ่อเพื่อพูดคุยบางอย่างที่ค้างคาใจ
“พ่อคะ เลิกงานแล้วพ่อยังไม่กลับบ้านเหรอ” เธอเอ่ยพร้อมเปิดประตูเดินเข้าไป
“ใกล้แล้วล่ะ พ่อแค่เตรียมเอกสารการประชุมพรุ่งนี้..มีอะไรหรือเปล่าล่ะ” ท่านเอ่ยก่อนจะเก็บเอกสารไว้ใต้โต๊ะ
“หนูมีเรื่องสงสัย เลยอยากจะถามอะไรบางอย่างหน่อย” เธอสงสัยมาเป็นเดือนแล้ว หลังจากย้ายไปอยู่ตระกูลฟู่
“เรื่องอะไรล่ะ ถึงทำให้ลูกสาวของพ่อต้องรอมาพบหลังเลิกงาน”
“หนูอยากรู้เรื่องระหว่างครอบครัวของเรากับตระกูลฟู่ค่ะ ทำไมคุณลุงฟู่ถึงได้ดึงหนูเข้าไปอยู่ในพินัยกรรมด้วย”
ท่านถอนหายใจก่อนจะตอบเธอ “สมัยก่อนนั้น ตระกูลฟู่เคยมีปัญหาเรื่องการเงิน เพราะเงินทุนไม่พอที่จะทำโปรเจคใหญ่ ลุงฟู่ได้มาปรึกษากับพ่อในเรื่องนี้ พ่อรู้ว่าตระกูลฟู่นั้นมีความสามารถและเงินไม่เคยมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเงิน แต่เพียงเพราะมีคนอื่นคิดอยากจะจัดการเขา ต้องการทำให้เขาหลุดออกจากตำแหน่งประธาน ลุงฟู่เลยอยากจะทำโปรเจคงานนั้น เพื่อให้ผู้ลงทุนทุกคนไว้วางใจเขาและไม่คิดสร้างปัญหาให้เขาอีก เขาจึงต้องทำโปรเจคนี้ แต่เงินทุนที่สามารถนำมาใช้ได้นั้นไม่เพียงพอ เพราะผู้บริหารคนอื่นไม่เซ็นอนุมัติเพิ่มให้ ต้องไปหาเงินทุนเพิ่มเอง”
“คุณพ่อหมายถึง พี่น้องต่างมารดาของลุงฟู่เหรอคะที่ทำแบบนั้น”
“ใช่ หากว่าโปรเจคนี้ผ่านไปได้ด้วยดี ลุงฟู่จะได้ถือหุ้นถึง 70% จากที่มีอยู่ 40% พ่อเชื่อว่าลุงฟู่สามารถทำโปรเจคนั้นได้หากได้รับเงินลงทุนเพิ่มเติม พ่อเลยเอาบริษัทของเราไปค้ำประกัน เพื่อกู้เงินให้เขา และสุดท้ายโปรเจคนั้นก็สำเร็จและผ่านไปได้โดยดี”
“พี่น้องของคุณลุงและผู้บริหารคนอื่น ๆ ก็เข้ามาก้าวก่ายเรื่องนี้อีกไม่ได้ใช่ไหมคะ ลุงฟู่เลยคิดเห็นว่าครอบครัวของเรามีบุญคุณต่อท่าน เลยอยากให้หนูกับพี่ตงหยางแต่งงานกัน”
“ใช่ ลูกคิดถูกแล้ว”
“แล้วคุณป้าฟู่กับพี่ตงหยางรู้เรื่องนี้มั้ยคะ”
“รู้สิ ตอนนั้นป้าฟู่กำลังตั้งท้องอยู่ เพื่อที่จะทำโปรเจคนี้ให้สำเร็จ ลุงฟู่เลยไม่ค่อยได้ดูแลภรรยาเท่าไหร่ เขาเล่าเรื่องทุกอย่างให้ป้าฟู่ฟัง และเธอก็เข้าใจ เมื่อตงหยางโตขึ้นมา ลุงฟู่กับป้าฟู่ได้เล่าเรื่องของบริษัทให้ตงหยางได้ฟังทุกอย่าง ว่าที่ลุงฟู่ได้อยู่ในตำแหน่งนี้โดยที่ไม่มีใครทำอะไรได้นั้นมาจากตระกูลหลินของเราที่ช่วยเหลือไว้”
“หนูเข้าใจแล้วค่ะ” เธอพยักหน้า
“ว่าแต่ลูกเถอะ สงสัยเรื่องนี้ไปทำไมเหรอ”
“หนูอยากรู้ว่าครอบครัวของเราสำคัญแค่ไหนกับครอบครัวนั้น ทำไมลุงฟู่ถึงตั้งกฎขอเรื่องแต่งงาน และอยากมอบหุ้นที่มีมูลค่าสูงขนาดนั้นให้กับเราด้วย”
“ตอนนี้ลูกก็เข้าใจแล้ว”
“ค่ะ หนูเข้าใจแล้ว”
หนิงจินมองเห็นแววตาที่กังวลของลูกสาว จึงถามออกไป “ลูกมีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า หรือคิดว่าสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้มันมีปัญหา”
“เปล่าค่ะ มันไม่มีอะไรหรอก”
“หนูชอบพี่ตงหยางใช่ไหม” เขาถาม เพราะรู้ว่าลูกสาวคิดยังไงกับพี่ชายต่างสายเลือด
“เปล่าซะหน่อยค่ะ หนูจะชอบพี่เขาได้ยังไงล่ะ เขามีคนรักอยู่แล้วนะคะ และก็รักกันดีด้วย”
ผู้เป็นพ่อมองออกถึงความน้อยใจ “ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์นะลูก ถึงแม้ว่าตอนนี้พี่เขาจะมีคนรักอยู่แล้ว แต่หากคนเกิดมาจะเป็นคู่กัน ยังไงก็คู่กันอยู่ดี แม้ว่ามันจะช้าไป” ท่านให้กำลังใจลูกสาว