3
สองชั่วโมงต่อมา...ภัคคินัยไปส่งพี่ชายที่สนามบินเสร็จ ก็รีบขับรถตรงกลับมายังสวนส้ม เพื่อรับผู้เป็นยายไปร่วมปาร์ตี้เลี้ยงฉลองที่รีสอร์ต แต่ทว่า...ทันทีที่ขับรถไปถึง ก็เห็นออดี้ R8 สีแดงเจิดจรัสของภาคินจอดอยู่
“อ้าว! ที่แท้ตาคินมาที่นี่หรอกเหรอ?” กังศมามองรถของหลานชายอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
‘หึ! คนอย่างไอ้คินมันจะไปไหนได้ล่ะครับ’ ภัคคินัยแอบตอบในใจ ก่อนจะรีบลงจากรถไปเปิดประตูให้ผู้เป็นยาย
“รถสปอร์ตนี่...จะว่านั่งสบายก็สบายนะ แต่เข้า-ออกยากน่าดู”
“หึๆ” ภัคคินัยได้ฟังก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
“แหม...ผมมองอยู่นานก็นึกว่านัยพาสาวที่ไหนมาด้วย” สินชัยยกมือไหว้พร้อมกับเอ่ยหยอก
กังศมารับไหว้ แล้วส่งยิ้มไปให้คนที่เดินออกมารับ “เห็นว่าคันหนึ่งเป็นสิบๆ ล้าน ฉันก็อยากจะลองนั่งดูสักครั้งน่ะพ่อสิน”
“แล้วเป็นไงบ้างครับ” สินชัยถามกลับอย่างสงสัย
“ลุกแทบไม่ขึ้น” กังศมาบอกพลางส่ายหน้าเบาๆ
“ฮ่าๆๆ เชิญด้านในดีกว่าครับ” สินชัยหัวเราะก่อนจะชวนทุกคนเข้าบ้าน
“สวัสดีครับอาสิน คินอยู่ที่นี่เหรอครับ?” ภัคคินัยแสร้งเอ่ยถาม
“ใช่ๆ กำลังจุดเตาเตรียมย่างของทะเลแน่ะ” สินชัยยิ้มรับอย่างรู้สึกดีที่ภาคินมาช่วยทำนู่นนั่นนี่ตั้งแต่ช่วงบ่าย จนกระทั่งเย็น
“อ่อ! แล้วน้องไวน์ล่ะครับ” ภัคคินัยถามอย่างเป็นห่วง กลัวว่าแฝดผู้พี่ จะฉวยโอกาสทำไม่ดีกับสาวน้อยอายุ 17 อยู่ข้างใน
“นากำลังขึ้นไปตามที่ห้องแล้ว อีกเดี๋ยวก็คงลงมา ว่าแต่...อาดีใจด้วยนะที่นัยกับคินเรียนจบ แถมยังคว้าเกียรติยมอันดับหนึ่งติดมือมาด้วยทั้งสองคน ไม่ธรรมดาจริงๆ” สินชัยเอ่ยชมอย่างรู้สึกตื้นตันใจแทนครอบครัวของสองหนุ่ม
“ขอบคุณครับคุณอา” ภัคคินัยยิ้มก่อนจะนั่งลงที่โซฟารับแขก
“ยายขอตัวไปดูตาคินก่อนนะ ไม่รู้ว่าจุดเตาถ่านเป็นหรือเปล่า” กังศมาแกล้งเอ่ยขอตัว
“ครับยาย” ภัคคินัยขานรับ ก่อนจะหันไปคุยกับสินชัยต่อ
หลังบ้าน...
“ไหนว่าจะไปบ้านว่าที่พ่อตา แล้วมาอยู่ที่นี่ได้ไง” กังศมาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกวนๆ
“ยาย!” คนที่จิตใจกำลังจดจ่อรอสาวที่พอกลับมาถึงบ้าน ก็วิ่งตรงขึ้นห้องนอนไปอาบน้ำโดยไม่แวะทักทายตนสักคำ ตกใจสะดุ้งจนตัวโยน!
“เออ! ก็ยายน่ะสิ ว่าแต่เราแอบชอบน้องไวน์ใช่ไหม?” กังศมาถามเข้าเรื่องที่ค่อนข้างมั่นใจว่าจะต้องใช่ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอคิดเสมอว่าภาคินแค่อยากแกล้งเด็กสาวเล่นตามประสา แต่พออายุเพิ่มขึ้น สายตาของภาคินก็เริ่มแสดงออกอย่างไม่ปิดบังว่ารู้สึกอย่างไรกับวรันยา
“เอ่อ...ผม...” คนที่ถูกไล่ต้อน เริ่มจะไปไม่ถูก
“น้องยังเด็กนะ” กังศมาเอ่ยเตือนโดยไม่สนคำตอบ
“โธ่! ยาย น้องไวน์ไม่ใช่เด็กแล้วนะครับ (หน้าอกตั้งคัพซีแน่ะ)” ภาคินแอบกลืนประโยคหลังลงคอ เพราะกลัวผู้เป็นยายจะลมจับ
“ก็เด็กกว่าเราตั้ง 7 ปี”
“อย่าเสียงดังสิครับ เดี๋ยวอาสินก็มาได้ยินเข้าหรอก” ภาคินกลอกตาอย่างเซ็งๆ เมื่อผู้เป็นยายเลิกกระซิบแต่คุยด้วยน้ำเสียงปกติ
“ต่อให้สินไม่ได้ยิน ยายก็จะบอก” กังศมาบอกด้วยสีหน้าจริงจัง เพราะหวั่นใจว่าหลานชายจะทำเรื่องไม่ดีไม่งามกับเด็กสาว
“เอ่อ...จะบอกอะไรผมงั้นเหรอครับคุณมาร์” สินชัยที่เดินมาเงียบๆ เอ่ยถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“อาสิน!” ภาคินมองหน้าว่าที่พ่อตาที่ตนแอบแต่งตั้งให้ในใจ อย่างรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมาทันได้ยินได้ฟังประโยคไหนไปบ้าง
“คือฉันจะพาน้องไวน์ไปเที่ยวอังกฤษน่ะพ่อสิน” กังศมารีบบอก เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาของหลานชายเริ่มมีเหงื่อผุดขึ้นมาสาม-สี่เม็ด
“จริงเหรอครับ?” สินชัยถามอย่างรู้สึกตื่นเต้น
“จริงสิ! เราอนุญาตหรือเปล่าล่ะ?” กังศมายิ้มให้อย่างโล่งใจ คิดว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้ยินการสนทนาก่อนหน้า
“อนุญาตสิครับ นึกว่าเรื่องอะไร เห็นทำหน้าเครียดๆ กัน” สินชัยบอกพลางหัวเราะเบาๆ
หลังจากที่ปั่นจักรยานออกมาจากไร่ไปรยาเวศ วรันยาก็ตรงดิ่งสู่บ้านพักหลังใหญ่ โดยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างใดๆ แม้กระทั่ง...ออดี้ R8 สีแดงที่จอดเด่น เป็นสง่าอยู่ในโรงรถ
พออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็รีบเดินลงมาที่ด้านล่าง เธอมองเห็นร่างสูงที่คุ้นตา ซึ่งตอนแรกนึกว่าเป็นภาคิน แต่พอไม่เห็นรอยสักที่แขนจึงฉีกยิ้มหวานส่งให้พร้อมกับเอ่ยถาม
“พี่นัยมาถึงเมื่อไหร่คะ?”
“พี่เพิ่งจะมาถึงเมื่อครู่ครับ” ภัคคินัยที่กำลังจะเดินไปดูทุกคนที่ด้านหลัง หันมายิ้มตอบ
กังศมาหันไปมองตามเสียง เห็นเด็กสาวใส่ชุดที่บุตรสาวของเธอ ‘ดาหลา’ ซื้อส่งมาให้ ก็อดเอ่ยชมไม่ได้ “น้องไวน์แต่งตัวน่ารักจัง”
“ขอบคุณค่ะคุณมาร์ แล้ว...” วรันยารู้สึกอายนิดๆ ที่ถูกชม ก่อนจะมองเลยไปที่ด้านหลังของผู้ใหญ่อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา เมื่อเห็นใครบางคนยืนอยู่
“พี่คินเขามาตั้งนานแล้ว” สินชัยไขข้อข้องใจให้กับบุตรสาว
“ค่ะ” วรันยามองสีหน้าเรียบเฉยนั้นอย่างรู้สึกแปลกๆ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมาร่วมปาร์ตี้ด้วย ‘ชิ! สงสัยจะถูกสาวเบี้ยวนัดแน่ๆ เลยมาที่นี่แทน’
“ตามมานี่เร็ว พ่อมีอะไรจะให้ดู” สินชัยดึงแขนของบุตรสาวให้ออกเดินไปที่ห้องรับแขก ขณะที่กังศมา ภาคิน และภัคคินัยเดินตามหลังไปเงียบๆ
“อะไรคะ?” วรันยาจ้องมองสิ่งของบางอย่างที่มีลักษณะคล้ายกับคน ยืนอยู่ภายใต้ผ้าคลุมสีดำอย่างเต็มไปด้วยความสงสัย
“เปิดดูสิ! รับรองว่าเราจะต้องชอบ” สินชัยรอลุ้นปฏิกิริยาของบุตรสาว
“ค่ะ” วรันยาดึงผ้าคลุมออกบอกมือไม้สั่น
พรึบ!
“กรี๊ดดดด ขอบคุณมากๆ ค่ะคุณพ่อ” ทันทีที่เห็นหุ่นไอรอนแมนตัวใหญ่ยืนอยู่ตรงหน้า วรันยาก็กรีดร้องเสียงดัง แล้วโผเข้ากอดบิดาอย่างดีใจ
“ตัวนี้พี่คินเขาซื้อให้จ้ะ นู่น! คนที่หนูต้องขอบคุณ” สินชัยรีบบอก เพราะตอนบ่ายสามมีคนมาส่งของที่หน้าบ้าน เป็นกล่องไม้ขนาดใหญ่ ปั๊มตราของค่ายหนังมาร์เวล โดยมีชื่อผู้รับคือภาคิน ตนจึงรีบล้วงมือถือออกมาต่อสายหาอีกฝ่าย เพราะคิดว่าคนส่งของเอามาลงผิดบ้าน แต่ที่ไหนได้ อีกฝ่ายกลับตั้งใจจะทำเซอร์ไพรส์ให้บุตรสาวที่คลั่งไคล้ไอรอนแมน
วรันยามองหุ่นยนต์ที่อยากได้มานาน แต่ไม่กล้าเอ่ยปากขอบิดาซื้อให้ เพราะราคาค่อนข้างแพงเอาเรื่อง แต่อยู่ๆ ก็เหมือนกับฟ้าบันดาลของที่อยากได้ให้มาอยู่ตรงหน้า แต่ทว่า...มันกลับเป็นของที่มาจากคนที่เธอเกลียด
“พี่คินเขานั่งประกอบในห้องทำงานของพ่อตั้งเกือบสองชั่วโมงแน่ะ” สินชัยรีบบอกเมื่อเห็นบุตรสาวเงียบไป
ภัคคินัยหันมองหน้าฝาแฝดผู้พี่ก่อนจะแสร้งเอ่ยทำลายความเงียบ “ตอนแรกผมกับยายก็คิดว่าคินขับรถออกไปไหนซะอีก ที่แท้ก็มานั่งประกอบหุ่นให้น้องไวน์นี่เอง”
“เอ่อ...พอดีว่าแม่ทัพสั่งไอรอนแมนมาตัวหนึ่ง แล้วทางร้านส่งมาให้สองตัว ผมเห็นว่าน้องไวน์ชอบก็เลยรับซื้อเอาไว้น่ะครับ” ภาคินรีบออกตัว เพราะกลัวว่า สินชัยจะเริ่มระแคะระคายเรื่องที่ตนแอบชอบวรันยา
“แหม...บังเอิญจังเลยเนาะ” กังศมาที่เงียบมานานเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ ขณะที่ภายในใจเริ่มจะมองเห็นเค้าลางของปัญหา ที่คิดว่าคงจะเกิดขึ้นในเร็วๆ วันนี้ ‘เฮ้อ...หวังว่าเราคงไม่โดนถอนหงอกตอนแก่เพราะตาคินหรอกนะ’
“เอ่อ...” ภาคินอึกอักอย่างไปไม่ถูก เมื่อผู้เป็นยายกระโดดลงมาประทานไฟคบเพลิงสมทบ
สินชัยมองหน้าคนนั้นทีคนนี้ทีอย่างรู้สึกมึนงง คิดว่ากังศมากับภัคคินัยอาจจะนอยด์ที่ภาคินแอบมาทำเซอร์ไพรส์ โดยไม่บอก “น้องไวน์ขอบคุณพี่เขาสิลูก”
“ขอบคุณค่ะพี่คิน” วรันยาจำใจยกมือไหว้อีกฝ่ายอย่างไม่มีทางเลี่ยง ขณะที่ภายในใจกำลังขบคิดว่าจะเอาหุ่นไอรอนแมนตัวใหญ่นี้ไปตั้งไว้ตรงไหน?
“ไม่เป็นไรครับ” ภาคินจ้องมองใบหน้างามอย่างรู้สึกน้อยใจ ที่เห็นอาการตื่นเต้นเมื่อก่อนหน้าหายไปจนหมดสิ้น หลังรู้ว่าตนเป็นคนให้
“ยายว่ากุ้งกับปลาหมึกน่าจะสุกแล้วนะคิน” กังศมารีบบอก เมื่อเห็นหลานชายเอาแต่จ้องใบหน้าของวรันยานิ่ง ประหนึ่งว่าบิดาของสาวเจ้าไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ด้วย
“เอ่อ...ครับ ทุกคนไปนั่งรอที่โต๊ะเถอะ เดี๋ยวผมรับหน้าที่ย่างของทะเลให้เอง” หนุ่มหล่อเสน่ห์แรงเดินกลับไปที่เตาย่าง แล้วคีบกุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ที่สุกได้ที่ใส่ลงในจาน
“น้องไวน์ไปช่วยพี่คินดูของย่างหน่อยสิลูก” สินชัยเห็นสีหน้าของชายหนุ่ม ดูเศร้าลงไปถนัดตา ก็รู้สึกไม่สบายใจ
“ค่ะคุณพ่อ” วรันยาลุกขึ้นอย่างว่าง่าย เพราะเวลาอยู่ต่อหน้าบิดาเธอกับภาคินจะเก็บอาการไม้เบื่อไม้เมา แต่ลับตาเมื่อไหร่ก็จะฉะใส่กันอย่างไม่มีใครยอมใคร
“นี่ครับ” ภาคินส่งจานกุ้งเผาให้สาวเจ้าเอาไปเสิร์ฟ
“ขอบคุณนะคะ สำหรับไอรอนแมน” วรันยาส่งยิ้มบางๆ ให้กับคนที่กำลัง ดราม่าเรียกคะแนนสงสาร ซึ่งก็คงจะมีแต่บิดาของเธอเท่านั้นที่อินตามอีกฝ่าย
“พี่นึกว่าไวน์ไม่อยากได้ซะอีก” คนได้ที่กำลังก้มหน้าก้มตาย่างของทะเล แอบยิ้มกริ่มในใจที่สาวเจ้ามาง้อ ‘บะ! พรุ่งนี้สั่งเทพเจ้าสายฟ้ากับกัปตันอเมริกามาให้อีกอย่างละตัวดีไหมวะ!’
“แหม...อยากได้สิคะ นี่ไวน์ก็กำลังคิดว่าจะเอาไปตั้งไว้ตรงไหนดี ระหว่างสนามหญ้าที่หน้าบ้านกับหน้าห้องน้ำ” วรันยายิ้มเยาะ ‘นี่คิดจริงๆ เหรอว่าคนอย่างเธอจะยอมญาติดีด้วยเพราะหุ่นแค่ตัวเดียว หึ! บัญชีความเลวที่เคยกลั่นแกล้งเธอมาตั้งแต่เด็ก ให้นั่งเล่าสามวันยังเล่าไม่หมดเลย’
“ไวน์!” ภาคินหน้าตึงขึ้นมาทันทีทันใด หลังจากได้ยินน้ำคำที่เชือดเฉือนความรู้สึกดีๆ ที่ตั้งใจจะมอบให้ ‘อะไรกันวะ ทีพี่รัญกับไอ้นัยแหย่เล่นไม่เห็นเคยโกรธ แต่กับเราทำไมถึงแค้นฝังใจนัก’
“กุ้งจะไหม้แล้วค่ะ” วรันยาบอกก่อนจะเดินถือชามใบใหญ่ไปเสิร์ฟให้กับ ทุกคน ที่กำลังคุยเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศอังกฤษกันอย่างออกรส