4
“น้องไวน์เอาเครื่องดื่มไปให้พี่เขาหน่อยเร็ว เดี๋ยวคอแห้ง” สินชัยหันไปมองชายหนุ่ม ก่อนจะเอ่ยไหว้วานบุตรสาวอีกครั้ง
“ได้ค่ะ” วรันยาหยิบกระป๋องเบียร์เย็นๆ จากในถังแช่ เดินเอาไปให้คนที่กำลังมองเธอด้วยสายตาตัดพ้อ
“พ่อบอกให้เอามาให้ค่ะ” เธอบอกพร้อมกับยื่นกระป๋องเบียร์ไปให้
“วางไว้ตรงนั้นแหละ แล้วก็ยกจานนี้ไปนั่งกินกับคนอื่นๆ เถอะ” ภาคินบอกเสร็จก็ก้มหน้าก้มตาย่างของทะเลต่อ
“แล้วไม่ไปกินด้วยกันเหรอคะ?” ไม่รู้อะไรเข้าสิงให้เธอถามเขาไปแบบนั้น
“พี่จะไปหรือไม่ไปมันก็ไม่ได้มีผลอะไรกับไวน์นี่ ถูกไหม?” คนที่กำลังคิดน้อยอกน้อยใจบอกเสียงอ่อน พลางนึกไปถึงเนื้อเพลงท่อนหนึ่งของวง Room 39 ที่ดูจะเข้ากับชีวิตของเขาในตอนนี้ซะเหลือเกิน ‘เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว แม้ว่าเธอไม่เคยเป็นอะไรกับฉันเลย ฉันก็แค่คนหนึ่ง ที่เธอต้องการในบางครั้ง ได้อยู่ตรงนี้ก็ดีแค่ไหน’ อืม! แค่นี้ก็ดีแล้วภาคิน
“ก็ใช่ค่ะ” สาวเจ้าพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“งั้นก็ไปสิ จะมาสนใจพี่ทำไม” ภาคินจ้องมองนิ้วเรียวงามที่กำลังบรรจงแกะกุ้งย่างอย่างรู้สึกหงุดหงิดนิดๆ ‘อะไรกันวะ! รู้ว่าเรางอนยังจะมีอารมณ์มาแกะกุ้งกินอีกงั้นเหรอ?”
“ไวน์ก็แค่ถามในฐานะเจ้าบ้าน” วรันยาเงยหน้าขึ้นตอบพลางยื่นกุ้งตัวที่แกะเสร็จไปให้คนที่ทำหน้าเหมือนปลาทูนอนอยู่ในเข่ง
“แกะให้พี่เหรอครับ?” ภาคินถามอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าสาวตรงหน้าจะง้อตนได้น่ารักขนาดนี้
“จะกินไม่กิน” วรันยาถามด้วยน้ำเสียงตึงๆ
“แหม...กินสิครับ!” ภาคินรีบอ้าปากงับกุ้งแม่น้ำตัวโตในมือสาวเจ้าอย่างไว
“เอาอีกไหมคะ” วรันยามองคนที่เคี้ยวไปยิ้มไปก็อดนึกถึงสุนัขสายพันธุ์พื้นบ้านที่พ่อของเธอเลี้ยงเอาไว้ไม่ได้ ‘ชิ! ทำหน้าเหมือนไอ้ด่างตอนที่อ้อนขอของกินไม่มีผิดเลย’
“เอาครับ! เอาคนแกะด้วยได้ปะ?” คนได้คืบจะเอาวา เอ๊ย! ได้คืบจะเอาศอก ยิ้มหน้าทะเล้นขึ้นมาทันทีทันใด
“งั้นแกะกินเองเลย” วรันยาวางกุ้งที่แกะลงแล้วเตรียมจะเดินหนี
“พี่ล้อเล่นครับ” คนหน้าหม้อ เอ๊ย! คนหน้ามึน รีบรั้งแขนของสาวเจ้าเอาไว้
“ถ้าพูดจาไม่เข้าหูอีกแค่คำเดียว!” วรันยาคาดโทษด้วยสีหน้าเอาเรื่อง ‘ทำไมอีตาบ้านี่ชอบพูดจาหยาบคายใส่เรานักนะ’
“ไม่แล้วครับ” ภาคินยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้ เพราะกลัวสาวเจ้าจะโกรธ แล้วไม่แกะกุ้งให้กินต่อ
“อ่ะ” วรันยายื่นกุ้งที่จิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซบไปจ่อปากให้คนหน้ามึนอีกครั้ง
“อ้ำ...” ภาคินครางเบาๆ อย่างเป็นสุขในหัวใจ
“อี๋! ทำไมต้องทำหน้าทำตาแบบนั้นด้วยล่ะ” วรันยาต่อว่า เมื่อเห็นอีกฝ่าย ทำหน้าเคลิบเคลิ้มแปลกๆ
“ก็มันฟินนี่” ภาคินหัวใจเต้นโครมครามจนแทบจะกระเด็นออกมานอกอก
“บ้า!” วรันยามองค้อนก่อนจะแกะกุ้งเผาต่ออย่างไม่สนใจ
“อืม...ว่าแต่เราจะเอาไอรอนแมนของพี่ไปไว้ตรงไหนครับ?” ภาคินถามอย่างอยากรู้
“หน้าห้องน้ำค่ะ” วรันยาตอบด้วยสีหน้าจริงจัง
“โหดร้ายชะมัด” ภาคินถอนหายใจพร้อมกับทำหน้าเศร้าๆ
“หน้าห้องน้ำในห้องนอน” วรันยาขยายภาพอีกนิด ไม่กล้าบอกว่าจะเอาไปไว้ข้างเตียงนอน
“อืม...แบบนี้พอรับได้”
“อ้าปากค่ะ” วรันยาป้อนกุ้งให้อีกฝ่ายอีกครั้ง
“ขอบคุณครับ น้องไวน์ไปนั่งที่โต๊ะเถอะ เดี๋ยวย่างชุดนี้เสร็จพี่จะตามไป” ภาคินอ้าปากงับกุ้งจากมือสาวอย่างอิ่มเอมในหัวใจ
“ค่ะ งั้นไวน์ยกจานนี้ไปด้วยเลยนะคะ” วรันยาบอกก่อนจะยกจานเดินไปที่โต๊ะด้านในตัวบ้าน
“ครับ” ภาคินมองตามแผ่นหลังบางของสาวเจ้าครู่หนึ่ง แล้วหันกลับมาย่างกุ้งต่ออีกจาน จากนั้นก็ยกไปนั่งร่วมวงกับทุกคน
“คิน! มานั่งกับอาเร็ว” สินชัยหันไปเรียกพร้อมกับลุกขยับที่นั่งให้
“ขอบคุณครับอาสิน” ภาคินขานรับ แล้วเดินเข้าไปนั่งข้างๆ
“อาขอดื่มให้คินกับนัยที่คว้าเกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาได้ อาภูมิใจแทน คุณดา คุณลูคัส แล้วก็คุณมาร์มากๆ” สินชัยเอ่ยพร้อมกับยกแก้วเบียร์ชูขึ้น
“ขอบคุณครับอาสิน” สองหนุ่มขานรับก่อนจะยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่ม
“ยายขอดื่มเบาๆ ให้กับน้องไวน์ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ที่หนึ่งของชั้น แต่ 3.98 ก็ถือว่าเยี่ยมยอดที่สุดแล้วจ้ะ” กังศมาบอกพร้อมกับชูแก้วไวน์แดงขึ้น แล้วหันไปยิ้มให้กับเด็กสาวที่นั่งข้างๆ
“ขอบคุณค่ะคุณมาร์” วรันยายกแก้วเบียร์ชนกับผู้ใหญ่เบาๆ
“พี่ดีใจด้วยครับ” ภัคคินัยยกแก้วเบียร์ไปชนกับสาวเจ้าต่อยิ้มๆ
“ขอบคุณค่ะ ไวน์ก็ยินดีกับพี่นัยแล้วก็...พี่คินด้วยนะคะ” วรันยาบอกก่อนจะยกแก้วเบียร์ขึ้นจิบ
“อ๊ะ! น้องไวน์ดื่มเบียร์ได้เหรอครับ” ภาคินถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“อาให้ดื่มได้นิดหน่อยน่ะคิน” สินชัยรีบบอก เพราะรู้ดีว่าภาคินรักและ เป็นห่วงบุตรสาวของตน เฉกเช่นพี่ชายที่หวงน้องสาว
“แค่แก้วเดียวเอง ไม่เป็นไรหรอกน่า” กังศมาสมทบตาม
“จิบไปอึกเดียว! หน้าแดงเลย” ภาคินบอกก่อนจะยกแก้วเบียร์ขึ้นดับความรุ่มร้อนในใจ
“นะ...หน้าไวน์แดงมากเลยเหรอคะคุณมาร์” คนที่เพิ่งเคยลองจิบเบียร์เป็นครั้งแรกเอ่ยถามอย่างอายๆ
“นิดหน่อยจ้ะ” กังศมายิ้มให้เด็กสาวอย่างเอ็นดู ก่อนจะชวนคุยเรื่องอื่น เพื่อดึงความสนใจจากสีหน้าบึ้งตึงของภาคิน ที่แอบเหลือบมองวรันยาเป็นพักๆ
หลังจากที่ดื่มและพูดคุยกันจนเวลาล่วงเลยผ่านไปจนเกือบห้าทุ่ม กังศมาก็เอ่ยขอตัวกลับก่อนพร้อมกับภัคคินัย ขณะที่ภาคินยังนั่งดื่มต่อกับสินชัย
“บ้าจริง! น้องไวน์หลับไปตอนไหนเนี่ย” สินชัยที่กำลังคุยแลกเปลี่ยนความรู้กับหนุ่มรุ่นลูก แต่พอหันไปมองข้างๆ ก็ถึงกับตกใจที่เห็นบุตรสาวนอนหลับตาพริ้มอยู่บนโซฟา
“เดี๋ยวผมอุ้มไปส่งที่ห้องนอนให้เองครับ” ภาคินรีบอาสา
“ขอบใจมากคิน” คนที่เมาและไม่สามารถจะอุ้มบุตรสาวเดินขึ้นชั้นสองของบ้านได้ พยักหน้ารับเบาๆ
“ไม่เป็นไรครับ” ภาคินยิ้มกริ่มในใจ ก่อนจะเดินไปช้อนอุ้มสาวเจ้าขึ้น แล้วพาไปยังห้องนอนที่อยู่บนชั้นสองอย่างรวดเร็ว
“อื้อ...ไอรอนแมนของไวน์อยู่ไหน”
“อยู่ข้างล่างครับ” ภาคินวางคนที่ดื่มไปสองแก้ว ก็เมาจนคอพับคออ่อนลงบนเตียงอย่างรู้สึกตกใจนิดๆ ที่อยู่ๆ อีกฝ่ายก็ลืมตาขึ้นมองหน้าตนแล้วถามหาหุ่น
“พี่คินเหรอ?” วรันยาจ้องมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่างรู้สึกมึนงง ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายมาอยู่ในห้องของเธอได้ยังไง
“ครับ” ภาคินยิ้มพร้อมกับเกลี่ยเส้นผมที่ปิดบังใบหน้าจิ้มลิ้มออกอย่างเบามือ
“ไปอุ้มไอรอนแมนขึ้นมาให้ไวน์หน่อยได้ไหม” คนที่กำลังเบลอๆ บอกด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“ได้ครับ” ภาคินฉีกยิ้มอย่างดีใจที่รู้ว่าสาวเจ้าจะเอาหุ่นของตนมาไว้ในห้องนอน จึงรีบเดินลงไปที่ชั้นล่าง แต่พอไปถึงก็เห็นสินชัยนอนหลับอยู่ที่โซฟา ตัวใหญ่ จึงเข้าไปเขย่าเรียกเบาๆ
“อาสินครับ อาสิน!”
“คิน!” คนที่ดื่มไปค่อนข้างเยอะ ลืมตาขึ้นมองอย่างมึนงง
“ให้ผมพาอาขึ้นไปนอนที่ห้องไหมครับ?” ภาคินถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่ต้องหรอก อาขอแค่ผ้าห่มสักผืนก็พอ” คนที่มักจะนอนหลับที่โซฟาตัวใหญ่เป็นประจำบอกพร้อมกับขยับตัวกอดหมอนใบเล็ก
“ได้ครับ” ภาคินพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปหยิบผ้าห่มในตู้ไม้ออกมาห่มให้
“ไวน์นอนแล้วใช่ไหม?” คนที่กำลังจะหลับลืมตาขึ้นถามอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้
“ยังครับ น้องไวน์ให้ผมลงมาเอาหุ่นไอรอนแมนขึ้นไปไว้ที่ห้องนอน” ภาคินตอบเสียงอ่อน
“หึๆ คินอย่าถือสาน้องนะ ไวน์น่ะก็ขี้โกรธขี้งอนไปตามประสาน่ะแหละ” สินชัยกลัวหนุ่มตรงหน้าจะน้อยใจ กับการกระทำของบุตรสาวเมื่อช่วงเย็น
“ครับอา” ภาคินยิ้มตอบ ก่อนจะเดินไปยกหุ่นไอรอนแมนที่ตั้งอยู่ตรงมุมห้อง
“ยกไหวหรือเปล่า? อาลุกไม่ขึ้นเลยตอนนี้” สินชัยสารภาพตามตรง
“สบายมากครับ” ภาคินบอกก่อนจะยกหุ่นตัวใหญ่เดินขึ้นบันได
“ขอบใจมากนะคิน” สินชัยตะโกนตามหลัง ก่อนจะหลับตาลงอย่าง รู้สึกง่วงนอน