บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 [เนื้อชิ้นสวย]

ภายใต้อาคารขนาดใหญ่ของคณะศิลปศาสตร์ นักศึกษากลุ่มหนึ่งนั่งฟังรุ่นพี่ด้วยความเงียบสงบไร้เสียงพูดคุยเพราะเหล่าดวงตาของพี่วินัย ต่างกำลังพากันจดจ้องตรวจสำรวจความเรียบร้อย 

"มากันครบรึยังครับ!" เสียงรุ่นพี่ที่ยืนมือไขว้หลังเบื้องหน้าทุกคนตะโกนถาม จากนั้นนักศึกษาที่นั่งอยู่ในแถวจึงพากันหันมองซ้ายขวาเพื่อสำรวจเพื่อนของตัวเอง

"แย่แล้วไงยัยแพม ทำไมป่านนี้มินตรามันยังไม่มาอีก” เฟราเวอร์ กล่าวเสียงเบาพลางชะเง้อคอมองหาเพื่อนสนิท

"กำลังโทรตามมันอยู่นี่ไง แต่มันไม่รับสาย" แพมละโทรศัพท์ออกมาจากหูก่อนจะกดโทรออกอีกครั้ง

“สองคนนั้นคุยอะไรกัน...” พี่กะริณ ประธานคณะที่พ่วงด้วยตำแหน่ง พี่ว้ากประจำสาขาการถ่ายภาพตะโกนถาม ซึ่งแพมและเฟราเวอร์ก็รีบสงบปากทันที ก่อนที่มินตราจะรีบวิ่งมาแต่ไกลและนั่งลงที่แถว

"ขอโทษนะคะพี่ พอดีหนูหาตึกคณะไม่เจอ" 

เมื่อมาถึง ฉันก็รีบบอกกับพี่วินัยผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงทางเข้าว่ามาสายเพราะหลงทาง ซึ่งพี่เขาทำเพียงแค่ชี้มือให้ฉันเดินไปนั่งประจำที่โดยไม่ได้ว่าอะไร

โล่งอกไปที...ฉันนึกว่าจะถูกทำโทษซะแล้ว แม้ว่าตอนนี้ทุกคนจะพากันหันสายตาจับจ้องมาที่ฉันราวกับว่าฉันทำอะไรผิดร้ายแรงก็ตามทีเถอะ 

“เดี๋ยว! คนที่เพิ่งเข้ามา เดินออกมาด้านหน้าก่อนครับ” พี่คนหนึ่งเอ่ยเสียงแข็ง

"ผมจะต้องลงโทษเพื่อไม่ให้คนอื่นเอาเยี่ยงอย่าง ทำไมน้องถึงมาสาย..หันไปบอกเพื่อน ๆ ที่นั่งอยู่ดัง ๆ”

“เอ่อพี่คะ...” ฉันเสียงสั่น

“คือหนูหาตึกคณะไม่เจอค่ะ”

“ดังกว่านี้!” พี่เขาตะคอก

ฉันสะดุ้งเฮือก หลับตาและตะโกนออกมาสุดเสียง เอาวะ ถือซะว่าปลดปล่อยอารมณ์แล้วกัน ไหนเมื่ออยากได้ดัง ๆ ฉันก็จะจัดให้ตามนั้น เมื่อพูดจบแล้วฉันจึงลืมตาขึ้น หันไปมองพี่ว้ากที่ยืนอยู่

“แบบนี้โอเคหรือยังคะ”

ทันทีที่น้องใหม่เอียงคอถามด้วยดวงตาใสซื่อ กะริณก็ถึงกับอมยิ้มพร้อมทั้งบอกให้มินตราไปนั่งได้ เขาเห็นน้องที่ชื่อแพมรีบกวักมือเรียกให้มินตราไปนั่งข้าง ๆ จากนั้นก็เรียกรุ่นพี่ให้มาเริ่มชี้แจงรายละเอียดของการมาเรียนวันแรกสำหรับน้อง ๆ ปีหนึ่ง

“น้องคงรู้กันแล้วใช่ไหมครับว่าเราจะมีการจัดกิจกรรมรับน้องในวันพรุ่งนี้”

เมื่อรายละเอียดเกี่ยวกับการเรียนจบลง กะริณก็เอ่ยถามเสียงเข้ม ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานก็เกิดเสียงซุบซิบกันไปมาในกลุ่มปีหนึ่งตามคาด

“เงียบ! ผมในฐานะประธานคณะและพี่ว้าก จะต้องควบคุมน้อง ๆทุกคน ให้อยู่ในกฎระเบียบ หวังว่าน้อง ๆ คงไม่อยากให้พี่ว้ากน้องบ่อย ๆนะครับ” เขาว่า

“พรุ่งนี้เราจะไปรับน้องที่ทะเล พี่หวังว่าน้อง ๆ จะเตรียมตัวมาให้พร้อม” 

“ครับ/ค่ะ”

สิ้นประกาศจากประธานคณะ ภายในกลุ่มนักศึกษาปีหนึ่งคณะศิลปศาสตร์กว่า 300 ชีวิต ทุกคนต่างพากันจดจ้องและดีใจเมื่อรู้ว่าจะได้ไปรับน้องที่ทะเล จะมีก็แค่ดวงตาคู่คมที่เอาแต่แอบจ้องมินตราเงียบ ๆ ไม่พูดจาอะไร

 “เฮ้ย..ภาคิณ มึงไม่ดีใจเหรอวะ” เปรม เพื่อนชายคนสนิทของภาคิณที่เรียนด้วยกันตั้งแต่อนุบาลเอ่ยถาม 

“เออนั่นดิ มึงนั่งจ้องยัยนั้นตั้งแต่ที่เดินเข้ามา อย่าบอกนะว่าคือคนที่มึงเคยชอบตอนมัธยมอ่ะ” ศักราช เพื่อนชายคนสนิทอีกคนเอ่ยถามและหันไปมองมินตราที่กำลังพูดคุยหัวเราะอยู่กับเพื่อน ๆ ของเธอ 

"เออ คนนี้แหละ" ภาคิณพยักหน้าตอบ

ทั้งเปรมและศักราชไม่เคยเจอมินตรามาก่อน ตอนนั้นเขาลงทุนย้ายออกจากโรงเรียนเอกชนเพื่อมาเรียนที่เดียวกับมินตรา จะเรียกว่าทิ้งพวกมันมาเพื่อมินตราเลยก็ว่าได้

ภาคิณชอบมินตราตั้งแต่แรกเห็น อีกอย่าง...สายตาที่รุ่นพี่คนนั้นมองเธอเมื่อสักครู่นี้ มันทำให้เขาหงุดหงิดจนแทบควบคุมตัวเองไม่อยู่ 

“ภาคิณใช่ไหม ..เราชื่อละลินนะ” ผู้หญิงผมยาวสีน้ำตาลข้าง ๆ คลี่ยิ้มและหันมาทักทายภาคิณ เธอส่งสายตายั่วยวนมาให้อย่างไม่ปิดบัง

"ยินดีที่ได้รู้จักนะ ละลิน” ภาคิณยิ้มตอบเธอด้วยสายตาแบบเดียวกัน

ถึงหัวใจของภาคิณจะบอกว่ารักมินตรานักหนา แต่เขาก็ไม่ปฏิเสธหากมีเนื้อชิ้นสวยมาเสนอตัวให้ ตราบใดที่มินตรายังไม่สารภาพความในใจ เขาก็ยังคงมีสิทธิ์ที่จะเด็ดดมและกลืนกินผู้หญิงเหล่านั้นเท่าที่ต้องการ 

ถ้าอยากให้หยุด... มินตราก็เข้ามาสารภาพรักกับเขาก่อนสิ

"เออนี่ พวกแกรู้หรือเปล่าว่าภาคิณเรียนอยู่ที่มหาลัยเดียวกับเราด้วย” ฉันหันไปถามยัยแพมและเฟราเวอร์ในตอนที่พวกเรามีจังหวะให้ได้พัก

“จริงเหรอ แล้วแกเจอเขารึยัง” แพมรีบถาม

“คิดว่าฉันจะดีใจจนเนื้อเต้นสินะ ฮึ...เจอแล้วแต่บอกเลยนะว่าฉันไม่ดีใจเลยสักนิด” ฉันกอดอกแสดงสีหน้าหงุดหงิดออกมาชัดเจน

“ทำไมล่ะ" เฟราเวอร์เอียงคอรอฟัง

ฉันกำลังจะอ้าปากตอบก็ถูกขัดโดยรุ่นพี่ด้านหน้าเสียก่อน ดังนั้นพวกเราจึงรีบเงียบและหันกลับไปสนใจกิจกรรมตรงหน้าและรอจนกว่าจะจบ

“เอาล่ะ งั้นวันนี้น้อง ๆ ไปพักทานข้าวกันได้แล้วนะครับ รอเจอกันพรุ่งนี้” รุ่นพี่ที่ชื่อกะริณคลี่ยิ้มพลางหันสายตามามองฉันที่กำลังจะลุกขึ้น

"เอ่อ...น้องรีบไหม พี่ขอคุยด้วยหน่อยสิ”

ฉันยืนค้างอยู่กับที่ หันหน้าไปมองพี่กะริณที่น้ำเสียงละมุนขึ้นราวกับเป็นคนละคนกับเมื่อครู่นี้ พี่เขาเดินมาจับแขนฉันเอาไว้ให้อยู่คุยกันก่อนด้วย

นี่ฉันจะไม่โดนทำโทษอะไรใช่ไหมเนี่ย... ไหนบอกว่าไม่ทำโทษแล้วไง ฉันแค่มาสายเองนะ

"พวกแกไปก่อนเลยก็ได้ เดี๋ยวฉันตามไป" ฉันหันไปบอกเพื่อนอีกสองคน

"งั้นเจอกันที่โรงอาหารนะ” เฟราเวอร์คลี่ยิ้มแบบเดาเหตุการณ์ออก ก่อนจะรีบลากแพมเดินออกไป 

อะไรอีกล่ะ ยัยเฟราเวอร์ทำหน้าตาเดาอะไรที่ฉันไม่รู้ออกอีกแล้ว..

“พี่มีอะไรหรือเปล่าคะหรือพี่จะทำโทษฉันอีก” ฉันทำใจดีสู้เสือ เอ่ยถามออกไป

"เปล่า พี่แค่จะถามว่าเรามีพี่เทค[ เทคแคร์หรือพี่รหัส]หรือยัง” พี่กะริณหัวเราะร่วนและถามอย่างต้องการผูกไมตรี

“ยังเลยค่ะ" ฉันตอบ

"หรือว่าพี่จะรับหนูเป็นน้องเทคเหรอคะ” 

พี่กะริณพยักหน้าเป็นคำตอบ จนฉันยิ้มกว้างออกมา อย่างน้อยก็ไม่โดนทำโทษล่ะวะ

"พี่ชื่อกะริณนะ”

"มินตราค่ะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะพี่เทค” ฉันยิ้มดีใจ 

"จะคุยกันอีกนานไหมฉันหิวข้าว" เสียงเหวี่ยงลอยมาแต่ไกลของภาคิณทำให้ฉันที่ไม่ได้สนใจเขาหันไปเห็นเข้า เขาเดินมาจับแขนฉันอย่างไม่สบอารมณ์

อะไรของหมอนี่กันเนี่ย...

“ใครเหรอมินตรา” พี่กะริณเอ่ยถาม

"เพื่อนน่ะค่ะ” ฉันยิ้มจาง ๆ ก่อนจะถูกภาคิณลากตัวให้เดินตามไป

“นี่นาย...ทำบ้าอะไรเนี่ย ไม่เห็นเหรอว่าคนเขาคุยกันอยู่ เสียมารยาทจริง ๆ ” ฉันว่าพลางสะบัดมือออก

"หิวข้าวเสียมารยาทตรงไหน" 

“หิวข้าวก็ไปกินสิ ทำไมต้องมาลากฉันไปด้วยล่ะ..” ฉันกอดอกมองเขาที่เข้ามาขัดจังหวะ เขาจะมาวุ่นวายกับฉันทำไมเนี่ย

"ฉันจะไปกับเธอ” ภาคิณตอบสั้น ๆ

“มาได้ละ หิว”

เขาจับแขนฉันลากให้เดินเข้าไปในโรงอาหารด้วยกันหน้าตาเฉย ซึ่งเด็กนักศึกษาสาวต่างจับจ้องมองมาที่ภาคิณจนฉันเริ่มรู้สึกอึดอัด

"ภีม ขอคุยด้วยหน่อยสิ” หญิงสาวคนหนึ่งเดินมาควงแขนภาคิณทันทีที่เห็นโดยที่เธอไม่มองมาทางฉันเลยสักนิด ดูท่าว่าเธอคงอยากจะให้เขาไปด้วยกันเต็มทน

“มีคนไปกินข้าวด้วยแล้วนี่ ฉันจะไปนั่งกับแพมและเฟราเวอร์” พูดจบฉันก็เดินแยกตัวออกมาทันที

“ยัยมินตรา ทางนี้ ๆ” เฟราเวอร์โบกมือตะโกนเรียก เมื่อเห็นฉันเดินถือจานข้าวมาวางลงบนโต๊ะ

"อ้าว ทำไมทำหน้าบูดแบบนั้นล่ะ พี่กะริณไม่ถูกใจแกเหรอ” แพมเอ่ยถามพลางมองสำรวจเพื่อนสาวอย่างเป็นห่วง 

ดูก็รู้ว่าสองคนนี้คงแอบจับคู่ฉันกับพี่กะริณแล้วแน่ ๆ

“เปล่าหรอก...พี่เขาโอเคดี”

แต่ที่ไม่โอเคก็คืออีตาบ้าภาคิณต่างหากล่ะ! ฉันคิดต่อในใจ

ด้วยความหงุดหงิดจนแทบจะไฟลุกท่วมหัว ฉันเผลอกระแทกจานลงบนโต๊ะอย่างแรงจนข้าวในจานหกกระจาย

"มินตราแกโอเคไหมเนี่ย” แพมถามด้วยท่าทางตกใจ แหงล่ะ...ยัยสองคนนี้ไม่เคยเห็นฉันเป็นแบบนี้มาก่อน

"วางช้อนแล้วตอบมาค่ะ” เฟราเวอร์เค้นคำตอบ

ฉันรู้ว่าถึงจะปิดบังพวกมันไปก็ไม่สำเร็จ จึงตัดสินใจเล่าทุกอย่างให้พวกมันฟัง รวมถึงเรื่องที่ภาคิณมาเช่าห้องอยู่ข้าง ๆ ฉันด้วย

“เลวมาก แกเลิกชอบมันเหอะยัยมินตรา ผู้ชายเพลย์บอยแบบนี้อ่ะ” เฟราเว่อร์พูด

“อย่างแกน่ะ พี่กะริณเท่านั้นที่เหมาะสม ทั้งหล่อทั้งเก่งกิจกรรมแถมยังเป็นประธานคณะอีก เพอร์เฟค ดีกว่าภาคิณเป็นไหน ๆ ถึงแม้เรื่องหน้าตาจะสู้ภาคิณไม่ได้ก็เหอะ”

“นั่นดิ ฉันก็เห็นด้วยกับยัยเฟราเว่อร์ ฉันเชียร์พี่กะริณขาดใจเลย” แพมเอ่ยเสริม

ฉันไม่ตอบโต้อะไร แต่ก็ต้องยอมรับแล้วล่ะนะว่าเริ่มไขว้เขวตามที่เพื่อนทั้งสองพูด

"อ๊ะ..อ๊ะ..อ๊ะ"

ภายในห้องน้ำเก่าท้ายตึกคณะ แกนกายบวมปูดเต่งตึงเต็มไปด้วยเส้นเอ็นขยับสอดใส่ช่องแคบสีขาวอมชมพูระเรื่อจนน้ำฉ่ำแฉะ ใบหน้าหล่อเหลาซุกไซร้ดูดดื่มผิวกายขาวเนียนจนเกิดรอยแดงภายใต้ร่มผ้าเต็มไปหมด 

“ใส่มาเลยค่ะ อ๊ะ!” เสียงครางแผ่วเบาดังสลับกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อ

ร่างเล็กถูกจับยืนหันหลัง มือทั้งสองถูกจับพาดประตูห้องน้ำ พร้อมกันกับช่วงล่างที่ถูกสอดใส่แบบระรัวจนแทบกระอักความสุข ทั้งเจ็บทั้งเสียวจนขาขาวเรียวสั่นระริก สาสมกับความร่านที่เธอกล้ามายั่วยวนเสือร้ายแบบภาคิณ 

“อ๊า! ภาคิณ”

“ครางเบา ๆ สิ กลัวคนอื่นไม่ได้ยินหรือไง”

“อ่ะ! ฉันเบาไม่ได้นี่”

“ถ้าอย่างนั้นก็ครางออกมาให้ดังจนกลบความร่านของเธอเลย อ๊า!”

ภาคิณสูดปากและกระแทกย้ำ ๆ ถึงละลินจะสวย ทว่ากลีบกุหลาบของเธอก็ไม่ทำให้เขาพึงใจเท่าไหร่นักเพราะมันทั้งหลวมและบาน จะว่าไปแล้ว ผู้หญิงที่ผ่านมาเยอะขนาดนี้ เขายอมกินเล่นก็ถือว่าดีมากแล้ว ไม่ได้คิดจะจริงจังหรอก 

“อ๊า!”

“โอ๊ย...ทำไมห้องน้ำบนอาคารถึงน้ำไม่ไหลนะ” ฉันงึมงำกับตัวเองในขณะที่เดินมาเข้าห้องน้ำเก่าท้ายตึก เพราะยัยแพมบอกว่าห้องน้ำตรงจุดนี้ยังใช้ได้อยู่

“หวังว่าห้องน้ำตรงนั้นจะยังใช้ได้จริง ๆ นะ”

ฉันมาถึงห้องน้ำเก่าท้ายตึกที่สภาพไม่ได้ทรุดโทรมตามชื่อในเวลารวดเร็วชนิดที่ว่าในเวลาปกติคงไม่สามารถทำได้ ซึ่งฉันไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไป ทำธุระจนเสร็จ แต่พอจะกดน้ำล้างจู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นหูเหมือนเคยได้ยินแถวระเบียงข้างห้องเมื่อสองวันก่อนขึ้นมา

เอ๊ะ.. 

ฉันรีบจัดแจงดึงกระโปรงรูดซิบจนเรียบร้อยดี ก่อนจะออกมาล้างมือตรงอ่าง หวังว่าคนในห้องน้ำห้องข้าง ๆ จะไม่ทำกิจกรรมเสร็จก่อนแล้วเดินออกมาจ๊ะเอ๋กับฉันตอนนี้หรอกนะ เพราะฉันไม่ได้อยากเห็นหน้าคนทำเสียงเมื่อครู่สักเท่าไหร่

แต่เหมือนฟ้าจะไม่เป็นใจให้ฉันอีกแล้ว เพราะทันทีที่ฉันคิดจบ ประตูห้องน้ำห้องนั้นก็เปิดออก

ทันทีที่มองไป ฉันก็ดวงตาเบิกโพลงเมื่อมองภาพในกระจก ภาพที่ฉันเห็นคือภาคิณกำลังใช้มือหนารูดซิบกางเกงพร้อมทั้งเงยหน้าขึ้น

“นะ..นาย” ฉันถึงกับจุกในคอพูดไม่ออก เมื่อผู้หญิงที่ร้องครางเมื่อสักครู่ เดินตามออกมาจับแขนภาคิณ 

นี่มันจะบังเอิญอะไรขนาดนี้เนี่ย!

หญิงสาวรีบวิ่งออกไปจากห้องน้ำ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนภาคิณไม่ทันได้เอ่ยปากถามว่าเธอมาที่นี่ได้ยังไง แต่ก็ช่างเถอะ ในเมื่อตอนนี้เราไม่ได้เป็นอะไรกัน เขาก็ยังมีเซ็กซ์กับใครก็ได้

"ไว้เจอกันนะ ละลิน” เขาพูดส่งท้ายและเดินหนีออกมาทันที

ถึงจะยังไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่เขาก็อยากตามมินตราไปสักหน่อย ก็แค่...เผื่อว่าเธอคิดไปไกลเท่านั้นเอง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel